“อืม เหมือนเคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกันครับ”
ชานาเนสได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของแคลอฮัน
ดูจากที่ชานาเนสถึงกับถอนหายใจเสียงแผ่วแล้ว มันคงมีความหมายว่า ‘ว่าแล้วเชียว แคลอฮัน นึกแล้วว่าเจ้าจะต้องเป็นเช่นนี้’ อย่างแน่นอน
“งานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์ มันแตกต่างกับงานเปิดตัวอื่นๆ อย่างแน่นอนค่ะ นอกจากเรื่องที่เจ้าภาพคือราชวงศ์แล้ว จำนวนคนที่สามารถเข้าร่วมการเปิดตัวสู่สังคมได้ ก็ยังถูกกำหนดไว้เพียงไม่เกิน 10 คนเท่านั้น และจำนวนผู้เข้าร่วมก็ไม่ใช่ใครจะมาก่อนได้ก่อน แต่ทางราชวงศ์จะเป็นผู้คัดเลือกด้วยมาตรฐานอันแสนเข้มงวดน่ะค่ะ”
“ใช่แล้ว ชานาเนส เจ้าเองก็เปิดตัวที่นั่นเหมือนกันนี่นะ”
พอท่านปู่พูดขึ้น ใบหน้าของชานาเนสที่กำลังอธิบายก็ขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย
“แต่ก็อย่างที่กล่าวไปเมื่อครู่ค่ะ มันเป็นงานเปิดตัวที่มีเกียรติก็จริง แต่ก็ยุ่งยากพอกัน แต่ถึงยังไงถ้าหากเทียอยากจะจัดงานเปิดตัวที่หรูหราที่สุด และได้รับความสนใจมากที่สุด ก็ไม่มีโอกาสไหนดีเท่างานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์แล้วค่ะ”
สมกับเป็นคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์โดยตรง ที่ได้รับการจับตามองจากแวดวงสังคมชั้นสูงอยู่ช่วงหนึ่งจริงๆ
และที่ชานาเนสพูดก็ถูกต้องแล้ว
ในสังคมชั้นสูงของอาณาจักร มีงานเลี้ยงเปิดตัวหลายงานที่ท่านหญิงชั้นสูงทั้งหลายเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นก็จริง
แต่ไม่ว่าใครจะพูดยังไง งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ยังคงเป็นงานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์อยู่ดี
เหล่าหญิงสาวที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในสังคมจากที่นั่น ย่อมถือว่าพวกนางแตกต่างจากคนอื่นตั้งแต่จุดเริ่มต้นแล้ว
วิธีการคัดเลือกก็ไม่ธรรมดา
คนที่อยากจะจัดงานเปิดตัวด้วยงานเลี้ยงของราชวงศ์ในแต่ละปี จะต้องเขียนจดหมายแนะนำตัวส่งไปให้ทางเจ้าภาพ
นอกจากนั้นก็ไม่มีเรื่องใดที่คนที่อยากเข้าร่วมงานกับตระกูลของพวกนางสามารถทำได้อีกแล้ว
ได้แต่เฝ้ารอให้ตัวเองถูกเลือกเท่านั้น
ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กสาวจากตระกูลขุนนางชั้นสูงเท่านั้นที่ถูกเลือกก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
บางครั้งก็มีคุณหนูถูกเลือกด้วยเหตุผลว่า จากจดหมายที่เขียนมา ดูแล้วเป็นคนมีจิตใจงดงาม หรือตระกูลที่ไม่ได้มีอำนาจอะไรมากมาย แต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานได้รับเลือกเช่นกัน
จำนวนคนเข้าร่วมงานก็แตกต่างกันไปทุกครั้ง
บางครั้งก็ครบสิบคน บางครั้งถ้าหากไม่มีคนสมัครที่มีสิทธิมากเพียงพอ งานเลี้ยงเปิดตัวก็อาจจะไม่ถูกจัดขึ้นก็ได้
ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงทำให้ผู้คนต่างให้ความสนใจและอยากรู้ว่าในแต่ละปีใครจะได้จัดงานเปิดตัวที่งานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์กันบ้าง
“เป็นงานเปิดตัวที่เหมาะกับเทียของพวกเราจริงๆ มันต้องระดับนั้นสิ”
ท่านปู่ยิ้มด้วยความพอใจในขณะที่พูดขึ้น
“ข้ายังไม่เคยไปงานราตรีเปิดตัวของราชวงศ์เลยสักครั้ง!”
“วันที่เทียเปิดตัวต้องไปให้ได้! ”
สองแฝดที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างพากันตื่นเต้นไปแล้วล่วงหน้า
อืม…เธอเองก็ไม่ใช่พวกชอบดับฝันของใครด้วยสิ
แต่ยังไงก็ต้องมีใครบอกให้พวกเขารู้ความจริง
“ทุกคนคงจะไม่รู้กัน”
ทันทีที่เธอเปิดปากพูด ทุกคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ต่างหันมามองเธออย่างพร้อมเพรียง
“งานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์จะจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าไม่ใช่เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นกำหนดรับสมัครก็น่าจะปิดรับไปนานแล้วนี่คะ”
เธอเองก็อยากจะใช้โอกาสนี้จัดการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ จะได้ทำให้คนอื่นๆ เขาจำหน้าเธอได้อยู่เหมือนกันหรอก
“ปีนี้อาจจะยังไม่ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกก็จริง แต่มันสายเกินไปแล้วละค่ะ อีกอย่างต่อให้เวลายังเหลือ ก็ไม่อาจการันตีได้หรอกนะคะว่าข้าจะได้รับเลือก”
แต่ปฏิกิริยาของทุกคนกลับเหนือความคาดหมาย
ทุกคนเอาแต่มองหน้าเธอนิ่ง ไม่พูดไม่จา
“ทำไมถึงได้…มองกันแบบนั้นล่ะคะ”
“อาจจะได้ก็ได้นะ”
คิลลีวูเอียงคอมองพลางพูดขึ้น
“ใช่แล้วละ ได้แน่”
เมโลนเองก็เออออไปกับเขาด้วย
“ก็เพราะ”
“เป็นเทียนี่นา”
อะไรกัน เธอนี่เผลออีกแล้ว
เป็นความผิดของเธอเอง ที่เผลอคาดหวังว่าจะได้ยินเหตุผลอะไรดีๆ จากสองแฝด…
“ก็น่าจะได้อยู่นะ”
“จะไม่รับหรือ”
แม้กระทั่งท่านปู่กับท่านพ่อก็ร่วมวงด้วย
เธอหันไปมองหน้าชานาเนส แทนความหมายว่า ‘ช่วยอธิบายให้คนพวกนี้เข้าใจทีเถอะค่ะ’
“หากเขียนจดหมายแจ้งไปว่าเจ้าอยากเข้าร่วมงานแล้วละก็ ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
อะไรกัน ชานาเนสเองก็เป็นไปกับเขาด้วย!
แต่ขนาดชานาเนสยังพูดแบบนั้น ทำเอาเธอเองก็เริ่มโอนเอียงเชื่อไปแล้วกว่าครึ่ง
“…จะ จริงเหรอคะ”
พอเห็นเธอพูดแบบนั้น ชานาเนสจึงหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะช่วยชี้แจงให้เธอได้รู้
“เพราะเจ้าคือลอมบาร์เดียยังไงล่ะ”
อา ใช่แล้ว
ชานาเนสช่วยอธิบายคำตอบอันแสนเรียบง่ายแต่ชัดเจนนั่น ให้เธอที่ได้แต่นั่งเหม่อด้วยความงุนงง
“ทางราชวงศ์เองก็คงจะเสียศักดิ์ศรีมาก หากเด็กสาวตระกูลลอมบาร์เดียเลือกที่จะจัดงานเปิดตัวที่อื่น ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรอก แค่ส่งจดหมายแจ้งไปก็พอ”
ไม่รู้ทำไมคำพูดของชานาเนสถึงได้ดูมั่นใจมากขนาดนั้น
ถึงแม้จะสงสัยอยู่บ้าง แต่เธอก็พยักหน้าตกลง
***
“ไม่น่าส่งไปเลย ไม่ควรส่งไปเลยจริงๆ โอ๊ย ขายหน้าชะมัด…”
ผ่านมาได้สองสัปดาห์แล้ว หลังจากที่เธอส่งจดหมายแจ้งไปยังเจ้าภาพจัดงานเปิดตัวราชวงศ์ แต่กลับไม่มีการติดต่อกลับจากทางฝ่ายนั้น
เธอเชื่อมั่นในคำพูดของชานาเนส อุตส่าห์เขียนจดหมายด้วยความใส่ใจทุกประโยคแท้ๆ !
“อย่าผิดหวังมากไปเลยค่ะ รออีกหน่อยเถอะนะคะ”
ลอรีลช่วยเอ่ยปลอบเธอที่นอนตะเกียกตะกายกลิ้งไปมาบนโต๊ะด้วยความอับอาย
“ไม่หรอก มันจบแล้วละ…”
แต่นี่มันเกินไปแล้วไม่ใช่เหรอ
อ่านแล้วไม่ตอบเนี่ยนะ อ่านแล้วไม่ยอมตอบ!
ฮึก น่าสมเพช
เธอกำลังซับน้ำตาอยู่แบบนั้น แต่แล้วก็พลันมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“ท่านฟีเรนเทีย พ่อบ้านครับ”
“ฮึก! เข้ามา…”
พ่อบ้านประจำคฤหาสน์หลังเล็กเปิดประตูเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง เขาโค้งศีรษะลงด้วยความนอบน้อม ยื่นสิ่งที่ถืออยู่ในมือให้เธอเห็นในขณะที่พูดขึ้น
“ทางพระราชวงศ์ส่งจดหมายหาท่านฟีเรนเทีย…”
พรวด!
เธอรีบวิ่งไปหยุดตรงหน้าเขา รับเอาสารฉบับนั้นมาถือไว้ในมือ
ซองใส่สารฉบับนี้ไม่ใช่สีทองที่จักรพรรดิใช้ ไม่ใช่สีม่วงที่จักรพรรดินีใช้ ไม่ใช่สีชมพูที่เฟเรสใช้
มันเป็นซองสีน้ำตาลดูสะอาดสะอ้านที่เธอเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก
ด้านหลังถูกเขียนเอาไว้ด้วยลายมืออันแสนงดงามว่า ‘คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย’
เธอเปิดซองออกอย่างระมัดระวัง ดึงเอากระดาษที่สอดอยู่ข้างในซองออกมา
[ขอเชิญคุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย เข้าร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์ งานพบปะครั้งแรกของผู้เข้าร่วมจะจัดขึ้นตามวันเวลาด้านล่าง ขอให้ท่านมาร่วมงานด้วย]
* * *