บทที่ 202: ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 202: ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน

เช้าวันต่อมาได้เกิดความโกลาหลขึ้น ณ ทางเข้าเมืองโรซ่า

ช่วงเช้าตรู่ หน่วยสืบสวนจากจักรวรรดิเซนต์เมซิทได้มาเยือนเมืองโรซ่า พร้อมกับเหล่าคนรับใช้ของตระกูลโซโรฟยาที่ทำงานในสายธารแห่งอัญมณี

เกรซและคนอื่น ๆ ถูกจับกุมโดยกองอัศวินของนอร่ามาเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว แม้พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ แต่ก็ถูกจำกัดให้อยู่ภายในการดูแลของกองอัศวินเพื่อไม่ให้พลัดหลงออกจากกลุ่มไกลเกินไป ตามหลัก ทางจักรวรรดิเซนต์เมซิทคิดที่จะส่งตัวพวกเขากลับมาที่เมืองโรซ่าอยู่แล้ว ทว่าด้วยที่พวกเขาไม่ได้มาพร้อม ๆ กับขบวนรถชุดแรกของตระกูลแอสคาร์ด เนื่องจากจำนวนที่มีมากเกินไป ทำให้พวกเขาต้องตามมาทีหลังพร้อมกับขบวนรถม้าของนอร่า ส่งผลให้พวกเขาพลาดการเฉลิมฉลองวันประกาศอิสรภาพในที่สุด

อย่างไรก็ตามการพลาดวันหยุดนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา เนื่องจากมันเป็นงานเฉลิมฉลองประจำปีของชาวโรซ่า แต่การมาถึงเมืองโรซ่าที่ล่าช้าของพวกเขา ก็ยังคงทำให้เกรซรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ดี

ตลอดเวลาที่เกรซอยู่ในเขตการปกครองแอสคาร์ด เธอสามารถรวบรวมข้อมูลข่าวสารได้เพียงเล็กน้อย แต่สาวใช้ก็ได้พบกับข้อมูลบางอย่างที่หากเป็นจริงล่ะก็ อาจทำให้นายหญิงของเธอตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างหนักได้

“เมื่อไหร่จะปล่อยฉันไปซะที? พวกเรามาถึงเมืองโรซ่าแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เกรซตะโกนออกมาด้วยความโกรธใส่อัศวินแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท ระหว่างที่กำลังถูกขังอยู่ในสายธารแห่งอัญมณี แต่เหล่าอัศวินนั้นได้รับคำสั่งอย่างเคร่งครัดว่าไม่ให้คนรับใช้ของตระกูลโซโรฟยาคนใดออกนอกขอบเขตของรถม้าโดยเด็ดขาด ด้วยข้ออ้างว่าพวกเขาจะต้องถูกส่งมอบตัวอย่างเป็นทางการเท่านั้น

สาวใช้มองไปยังบิชอปฟิลิป ซึ่งกำลังสนทนาสบาย ๆ กับคนอื่นเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครในเมืองโรซ่า ก่อนจะปลงว่าเธอนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องล้มเลิกความคิด

“นายหญิง…”

เกรซพึมพำด้วยความกังวล

ขณะเดียวกัน ณ ห้องประชุมเมืองโรซ่า ชาร์ล็อตในชุดอันหรูหราได้ก้าวออกไปข้างหน้า เพื่อทักทายนอร่าและคณะกรรมการด้านกฎหมายของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างที่ยืนอยู่ข้างหลัง

ทันทีที่เข้ามาในเมืองโรซ่า หน่วยสืบสวนซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบหน้าที่อันสำคัญในการสืบสวนคดีลักพาตัว ตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ด ได้เดินเข้ามาในห้องประชุมเมืองโรซ่า ภายใต้การนำของนอร่า เรียกหาตัวผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ ชาร์ล็อต โซโรฟยา

ตามหลักแล้วโรเอลควรจะมาที่นี่ด้วยกันกับชาร์ล็อต แต่เด็กชายนั้นได้รับการยกเว้นเนื่องจากสุขภาพที่ไม่ดี โดยหลังจากนี้โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างจะส่งบุคลากรไปที่สวนร้อยปักษาแทน เพื่อรับคำให้การของเขา

ชาร์ล็อตคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้วเกี่ยวกับแผนนี้ของนอร่า และได้เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้วเรียบร้อยเช่นกัน ด้วยหลักฐานที่เขียนขึ้นโดยกลุ่มทนายความชาวโรซ่าที่สนับสนุนเธอ

สถานการณ์ตึงเครียดทันทีตั้งแต่ต้น

“ตามข้อ 4 ของ ‘พระราชบัญญัติความมั่นคงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท’ เมื่อใดก็ตามที่ผู้ปกครองเขตการปกครองถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพอันเป็นผลมาจากการลักพาตัว หรือการกระทำในลักษณะเดียวกันโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ราชสำนักของจักรวรรดิเซนต์เมซิท และราชวงศ์เซไซต์จะได้รับอนุญาตให้แทรกแซงและใช้ทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ในการหยุด จับกุม และลงโทษอาชญากรที่เกี่ยวข้อง จากนั้นอาชญากรจะถูกนำตัวไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ลอเรน เพื่อลงโทษ”

“เรามีเหตุให้สงสัยว่า ชาร์ล็อต โซโรฟยา จากสมาคมพ่อค้าโรซ่า ได้ละเมิดมาตรานี้และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยหลักฐานที่เราได้รวบรวมมาจนถึงขณะนี้ เราจึงได้รับอนุญาตให้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหากลับไป”

ผู้พิพากษาสูงอายุ ผู้สูงศักดิ์จากจักรวรรดิเซนต์เมซิท กล่าวคำวินิจฉัยด้วยถ้อยคำอันทรงพลังที่แฝงไปด้วยคำขู่ หลายปีของการทำงานด้านกฎหมายได้สร้างบรรยากาศแห่งอำนาจขึ้น ทำให้เขามีบรรยากาศทรงอิทธิพลและสง่างาม แม้ทุกคนจะรู้กันดีว่า ‘การมีอำนาจในการจับกุม’ เป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันนี้ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกเหมือนถูกข่มขู่

อย่างไรก็ตาม เจตคติอันเข้มแข็งของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ก็ต้องเผชิญหน้ากับการต่อต้านจากเมืองโรซ่าเช่นกัน ภายใต้สายตาอันเฉียบแหลมของผู้พิพากษา ผู้เฒ่าที่มีเครายาวตัวสั่นเทาคนหนึ่งได้ลุกขึ้นยืนต่อต้าน เขาคือเจ้าหน้าที่อาวุโสที่เกษียณจากกรรมาธิการด้านกฎหมายของเมืองโรซ่า แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่การโต้แย้งที่สงบนิ่งของเขาก็ไม่ได้ดุดันน้อยลงไปกว่าอีกฝ่าย

“ตามข้อพิเศษที่ระบุเอาไว้ใน ‘ข้อตกลงสัมพันธมิตรระหว่างสมาคมพ่อค้าโรซ่าและเขตการปกครองแอสคาร์ด’ ในช่วงระหว่างสงคราม หากสมาชิกฝ่ายปกครองคนใดคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส หรืออยู่ในตำแหน่งอันตรายเนื่องจากเหตุการณ์สุดวิสัย อีกฝ่ายมีหน้าที่จะต้องช่วยจัดหาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและการรักษาพยาบาลให้แก่บุคคลนั้น”

“เท่าที่ข้ารู้ มาร์ควิสคาร์เตอร์ ผู้ปกครองของเขตการปกครองแอสคาร์ด กำลังต่อสู้อยู่ในแนวหน้าของชายแดนตะวันออกเพื่อขับไล่พวกกลายพันธุ์ อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นกรณีพิเศษ สำหรับเขตการปกครองแอสคาร์ด และชาร์ล็อต โซโรฟยา ได้สังเกตเห็นว่า โรเอล แอสคาร์ด กำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการตัดสินของเธอ เขตการปกครองแอสคาร์ด ไม่สามารถให้การรักษาที่น่าพอใจสำหรับเขาได้ ในกรณีนี้เนื่องจากไม่มี มาร์ควิสคาร์เตอร์อยู่ในเหตุการณ์ เธอจึงเลือกที่จะพาเขาไปที่เมืองโรซ่า เพื่อรับการรักษา นี่ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีเหตุผลอย่างยิ่งในการดำเนินการ”

“ส่วนข้อกล่าวหาที่อ้างว่าเธอได้ลักพาตัวโรเอล แอสคาร์ดนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นจากการสื่อสารที่ผิดพลาดระหว่างทั้งสองตระกูล ข้าขอให้หน่วยสืบสวนตีความคำพูดอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด”

ชายชราสองคนนั้นมีอายุรวมกันมากกว่าสองร้อยปี แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็จ้องตากันที่โต๊ะยาว ยิงประกายไฟใส่กันตาไม่กะพริบ ภายใต้การชักนำของพวกเขา ผู้ช่วยของพวกเขาก็ได้ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อดำเนินรูปคดีต่อไป

“ ‘ข้อตกลงสัมพันธมิตรระหว่าง สมาคมพ่อค้าโรซ่าและเขตการปกครองแอสคาร์ด’ ที่ท่านเสนอมานั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าข้อตกลงส่วนตัวที่ลงนามกันระหว่างเขตการปกครองแอสคาร์ดและสมาคมพ่อค้าโรซ่า มันไม่มีอำนาจทางกฎหมายในจักรวรรดิเซนต์เมซิท ลำดับความสำคัญของมันจึงต่ำกว่า ‘พระราชบัญญัติความมั่นคงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท’ ของเรา!”

“ตามข้อกำหนดของ ‘ข้อตกลงพันธมิตรมนุษยชาติระหว่างอาณาจักรครั้งที่สาม’ กฎหมายท้องถิ่นควรได้รับการจัดลำดับความสำคัญสูงสุด เมื่อพูดถึงข้อพิพาทส่วนตัวระหว่างสองเขตการปกครอง ข้อตกลงส่วนระหว่างเขตการปกครองที่ได้ทำกับอีกฝ่าย ตามดุลยพินิจของพวกเขา ถือเป็นอำนาจผูกมัดภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว”

“การหายตัวไปอย่างกะทันหันของโรเอล แอสคาร์ด เป็นเรื่องระหว่างอาณาจักร ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของจักรวรรดิเซนต์เมซิท และบ่อนทำลายอำนาจของฝ่าบาทนอร่า เซไซต์ ด้วยผลกระทบที่กว้างขวางเช่นนี้ มันไม่ควรถูกตีความเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างสองเขตการปกครอง ข้าต้องขอให้ทนายความกรรมาธิการด้านกฎหมายเมืองโรซ่า ให้หยุดบิดเบือนบริบทของรูปคดี!”

นี่เป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายกฎหมายของทั้งสองฝ่าย สมาชิกที่เข้าร่วมในการต่อสู้อันดุเดือดนี้ ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายชั้นนำของทั้งสองอาณาจักร พวกเขาไม่มีปัญหา เมื่อมีการพูดถึงประโยคและรูปคดีต่าง ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หนังสือกฎหมายเล่มหนาถูกพลิกอ่านอย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งสองฝ่ายค้นหาข้อมูลอ้างอิงเพื่อเสริมข้อโต้แย้งของพวกเขา ขอบเขตของการอภิปรายรวมถึงกฎหมายของจักรวรรดิเซนต์เมซิท เขตการปกครองแอสคาร์ด สมาคมพ่อค้าโรซ่า และแม้แต่ข้อตกลงการเป็นพันธมิตร ระหว่างนานาอาณาจักรที่ลงนามโดยอาณาจักรทั้งหมดของมนุษยชาติ พวกเขาใช้ทุกอย่างให้เป็นอาวุธสำหรับรูปคดี

ผู้พิพากษาสูงสุดของจักรวรรดิเซนต์เมซิทคาสเตส ต่อสู้กับ อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสคาลูของกรรมาธิการกฎหมายเมืองโรซ่าอย่างเฉียบคม โต้แย้งกันและกันไปมา เมื่อความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ในไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มใช้อารมณ์ร่วมในการอภิปราย สายตาอันเฉียบแหลมถูกยิงข้ามโต๊ะ พร้อมเสียงโวยวายด้วยโทสะ

ณ จุดนี้ มันไม่เกี่ยวกับการช่วยเหลือนายหญิงของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ค่อย ๆ กลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างกรรมาธิการด้านกฎหมายของจักรวรรดิเซนต์เมซิทและเมืองโรซ่า ความพ่ายแพ้ที่นี่ไม่ได้จบลงเพียงแค่ ทำให้นอร่าหรือชาร์ล็อตผิดหวังเท่านั้น มันไปถึงขั้นที่ ผู้ที่พ่ายแพ้จะไม่มีโอกาสได้เงยหน้าต่อหน้าอีกฝ่ายอีกในอนาคต

ตลอดสามชั่วโมงเต็ม พวกเขาโต้เถียงกันอย่างเดือดดาล ยิ่งกว่าเหล่าแม่บ้านที่โกรธเกรี้ยวเสียอีก หน่วยสืบสวนของนอร่าเป็นฝ่ายโจมตีด้วยกฎหมาย แต่ฝ่ายทนายความเมืองโรซ่าก็สามารถปัดป้องการโจมตีเหล่านั้น ไม่ให้อีกฝั่งสามารถตีตราว่าชาร์ล็อตเป็นฝ่ายที่ก่ออาชญากรรมได้

ชาร์ล็อตจิบชาอย่างสบายอารมณ์ เธอไม่แปลกใจเท่าไหร่กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เด็กสาวได้เตรียมการอย่างละเอียดถี่ถ้วนสำหรับวันนี้ ทนายของเมืองโรซ่านั้นมีความสามารถเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกิดคดีขึ้นภายในศาลของเมืองโรซ่าอยู่บ่อยครั้งจากข้อพิพาททางธุรกิจ ทำให้พวกเขามีทักษะในการโต้วาทีไม่เป็นสองรองใคร โดยบรูซได้ไปขอความช่วยเหลือจาก คาลูผู้เกษียณอายุไปแล้ว และเคยสร้างผลงานมากมายในวงการกฎหมายของเมืองโรซ่า ด้วยสมาชิกเหล่านี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะแพ้ในวันนี้

“เงื่อนไขของการระบุว่ามีการจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลในกรณีนี้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่า โรเอล แอสคาร์ด เต็มใจที่จะไปกับชาร์ล็อต โซโรฟยาหรือไม่ ก่อนออกเดินทางมาที่เมืองโรซ่า ชาร์ล็อต โซโรฟยา ได้ขออนุญาตจากโรเอล แอสคาร์ด และได้ร่วมกิจกรรมด้านความบันเทิง รวมถึงการดูดาวด้วยกัน หลักฐานในประเด็นนี้ขัดแย้งกับคำจำกัดความทางกฎหมาย ในบริบทของการลักพาตัว”

หลังจากการโต้วาทีหลายครั้ง ทีมสอบสวนก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าในการโจมตี ดังนั้นผู้พิพากษาสูงสุดคาสเตส จึงหันไปหานอร่าที่นั่งอยู่ข้างหลัง จากนั้นเด็กสาวก็พยักหน้าให้เขา

“เข้าใจแล้ว งั้นทางเราจะขอระงับข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายของชาร์ล็อต โซโรฟยาชั่วคราว และดำเนินการต่อไปเพื่อหารือเกี่ยวกับสัญญาหมั้นระหว่างชาร์ล็อต โซโรฟยา กับโรเอล แอสคาร์ด”

คำพูดเหล่านั้นทำให้ห้องพิจารณาคดีตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ ทนายความของโรซ่าหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ในมุมมองของพวกเขา ไม่มีอะไรมากนักเกี่ยวกับการหมั้นหมายที่ต้องหารือ แม้มันจะเป็นความจริงที่มีกฎหมายเกี่ยวกับการหมั้นหมาย แต่มันก็คลุมเครือมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องด้วยมันเป็นเรื่องคดีความทางแพ่ง หากอีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถฟ้องชาร์ล็อต ภายใต้ความผิดฐานลักพาตัวได้ พวกเขาก็มีเหตุผลเพียงเล็กน้อยที่จะเพิกถอนการหมั้นหมาย โดยพื้นฐานแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำที่นี่มีเพียงแค่ การยืนยันที่จะปฏิบัติตามสัญญาหมั้น

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดได้จบลงแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ดูจะต้องการหยุดพักผ่อนเช่นกัน

ด้วยความคิดดังกล่าว ทนายความของฝั่งโรซ่าจึงคลายความตึงเครียดลงเล็กน้อย หลังจากถกเถียงกันหลายชั่วโมงนี่ก็ใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว พวกเขาต่างหมดแรง และบางคนเปลี่ยนไปคิดว่าตนจะทานอะไรเป็นอาหารกลางวัน

ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบนี้ จู่ ๆ ผู้พิพากษาสูงสุดคาสเตสก็ได้เริ่มตั้งคำถาม

“ข้าขอทราบได้ไหมว่าสัญญาหมั้นระหว่าง ชาร์ล็อต โซโรฟยาและโรเอล แอสคาร์ด อยู่ภายใต้กฎหมายใด”

“มันคือ ‘พระราชบัญญัติการหมั้นหมายของจักรวรรดิเซนต์เมซิท’ และ ‘พระราชบัญญัติการหมั้นหมายของสมาคมพ่อค้าโรซ่า’ มันเป็นสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งสองอาณาจักร”

“เข้าใจแล้ว ดีมาก”

คำพูดเหล่านั้นนำรอยยิ้มอันพึงพอใจมาสู่ริมฝีปากของผู้พิพากษาวัยชรา

“พี่ใหญ่ เป็นอะไรรึเปล่าคะ?!”

ภายในสวนร้อยปักษา อลิเซียจ้องไปยังเด็กชายบนรถเข็นด้วยความประหลาดใจ เธอรู้สึกราวกับว่าโลกหมุนรอบตัวอยู่ครู่หนึ่ง เด็กสาวรีบวิ่งไปหาโรเอลในทันที น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอโดยไม่รู้ตัว อลิเซียไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตัวโรเอล เพราะกลัวว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะกำเริบแย่ลงไปอีก

“อา? ด…เดี๋ยวก่อน อย่าร้องไห้สิ! ฉันสบายดี”

เมื่อเห็นน้ำตาอันไหลรินของน้องสาวบุญธรรมที่รัก โรเอลก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของตนกำลังจะแตกสลาย เขาจับมือเธอวางมันไว้ใกล้ใบหน้า ก่อนจะอธิบายทุกอย่างที่ได้ประสบมาอย่างอ่อนโยน

เมื่ออลิเซียได้ยินว่าโรเอลกำลังลำบากด้วยผลข้างเคียงสามอย่าง ทำให้แม้แต่การเดินก็ยังลำบาก ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านด้วยความโกรธ แค่คิดถึงคำพูดของชาร์ล็อตเกี่ยวกับสภาพร่างกายของโรเอลก็ทำให้เธอโกรธเคืองจนหน้ามืดแล้ว

ชาร์ล็อต! เรื่องนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่!

อลิเซียจดสิ่งนี้ไว้ในสมุดบัญชีหนี้ของตน ระหว่างที่โรเอลเริ่มถามความเป็นไปของเธอ

“อลิเซีย การฝึกฝนของเธอเป็นอย่างไรบ้าง? เธอไปถึงระดับแก่นแท้ 5 แล้วใช่ไหม?”

“อา? หนูเพิ่งไปถึงระดับแก่นแท้ 5 ได้ไม่นาน มีอะไรงั้นเหรอคะ พี่ใหญ่?”

โรเอลถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากได้ยินคำโกหกของอลิเซีย เขาใช้เวลาในการเลือกคำพูดอย่างระมัดระวัง

“ก็อย่างที่เห็น ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งของฉัน เกิดจากโรคขาดแคลนพลังชีวิต…”

“โรคขาดแคลนพลังชีวิต… เอาล่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”

แววตาอันเฉียบคมแวบผ่านดวงตาของอลิเซีย เธอเอนตัวไปข้างหูของเด็กชายผมดำแล้วกระซิบอย่างอ่อนโยน

“พี่ใหญ่ สบายใจได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหนูเถอะ”