บทที่ 64.3 กลุ่มนักรบเฟยหลี่ (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

หลินเทียนอ้าวชะงัก มองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างค้นหา ดวงตาของเขาฉายแววลังเล ในบรรดาผู้คนทั้งหมดในสนาม ทุกคนอาจประเมินโจวเหว่ยชิงต่ำเกินไปได้ แต่เขาย่อมเป็นคนสุดท้ายที่จะทำเช่นนั้น แม้ว่าในแง่ของพลังโดยรวมหลินเทียนอ้าวจะเหนือกว่าโจวเหว่ยชิงอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังรู้ว่าโจวเหว่ยชิงย่อมไม่อาจเอาชนะเขาได้ แต่อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพราะหลินเทียนอ้าวรู้ว่าพลังป้องกันขั้นสุดยอดของเขาใช้ได้ผลกับโจวเหว่ยชิง อาจกล่าวได้ว่าพลังของเขาบังเอิญต้านทานการโจมตีที่ทรงพลังและทักษะธาตุมากมายของเขาได้พอดี หากไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังของโจวเหว่ยชิง ทั้งทักษะควบคุมที่แข็งแกร่งและทักษะที่หลากหลายของเขา จ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 5 ชุดธรรมดาๆ ก็อาจไม่สามารถเอาชนะเพื่อนคนนี้ได้ ยิ่งหากโจวเหว่ยชิงมีมณี 5 ชุดเมื่อไหร่ หลินเทียนอ้าวก็ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ กระทั่งการเสมอกันก็ยังอาจเป็นเรื่องยาก ในขณะที่เขากำลังคิดวุ่นวายถึงเรื่องนี้ หลินเทียนอ้าวก็ตระหนักได้ว่าบางทีการที่โจวเหว่ยชิงเข้าร่วมกับพวกเขาก็อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป ทักษะที่หลากหลายของเขาน่าจะกลายเป็นประโยชน์สำหรับคนทั้งกลุ่มมาก

“เจ้าหนูน้อย มีมณีแค่ 3 ชุดแต่ยังกล้าฝันที่จะแย่งชิงตำแหน่งในทีมหลัก? ช่างน่าขันเสียจริง!” ก่อนที่หลินเทียนอ้าวจะอ้าปากพูด สี่น้อยก็พูดแทรกออกมาก่อนอย่างเย้ยหยัน

เย่เป่าเปาไม่ได้พยายามที่จะหยุดโจวเหว่ยชิง ตรงกันข้าม เขากลับเลือกที่จะมองอีกฝ่ายจากด้านข้างอย่างเยือกเย็น ข่าวลือเกี่ยวกับโจวเหว่ยชิงส่วนใหญ่มาจากคำบอกเล่าของคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเห็นพลังของโจวเหว่ยชิงเป็นการส่วนตัวมาก่อน อย่างไรก็ดี เนื่องจากโจวเหว่ยชิงเต็มใจที่จะก้าวไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเอง เย่เป่าเปาจึงมีความสุขที่ได้ทอดสายตามองเขาต่อปากต่อคำกับสี่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขารู้สึกขุ่นเคืองกับทัศนคติของฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน

โจวเหว่ยชิงมองไปที่สี่น้อยและยิ้มกว้างให้เขา “นั่นหมายความว่าที่ว่างในกลุ่มหลักขึ้นอยู่กับพลังในการต่อสู้? ถ้าเช่นนั้นพวกเรามาลองประมือกันดีหรือไม่? ที่นี่ก็มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ถ้าหากเจ้าแพ้ พวกเราจะสับเปลี่ยนตำแหน่งตัวจริงตัวสำรองกัน เจ้าว่าเป็นอย่างไร?”

ทันทีที่โจวเหว่ยชิงพูดเช่นนั้น สี่น้อยก็หัวเราะร่วนออกมา แม้แต่เพื่อนตัวใหญ่ที่หลินเทียนอ้าวเรียกว่าขี้เมาเป่ารวมถึงอู่หยาก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน ทั้งสองคนรู้ความแข็งแกร่งของสี่น้อยดี ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 3 ชุดที่สามารถล้มจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 4 ชุดได้…ในสายตาของพวกเขา โจวเหว่ยชิงเป็นแค่คนโง่เง่าที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เซียวเอี๋ยนยังคงนิ่งเฉยขณะที่หลินเทียนอ้าวขมวดคิ้วแน่น

เพียงพริบตาเดียว สี่น้อยก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าโจวเหว่ยชิงในระยะใกล้เพียงไม่ถึง 1 ฉื่อ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ได้ เจ้าเด็กเหลือขอ ถ้าข้าแพ้ข้าจะให้เจ้าสลับมาอยู่ตำแหน่งของข้า แต่ถ้าเจ้าแพ้ล่ะ?”

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าข้าแพ้ ข้าจะมอบม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่สร้างโดยปรมาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ให้กับเจ้า เช่นนี้เป็นอย่างไร?” เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เขาก็ยกมือขึ้นจับสร้อยมิติของตน กล่องไม้กล่องหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือของเขา

โจวเหว่ยชิงเปิดกล่องออกมา เผยให้เห็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่อยู่ภายใน “นี่คือกล่องคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์ที่มีม้วนคัมภีร์อยู่ 99 แผ่น อาวุธชิ้นนี้เรียกว่าธนูราชันย์ มันถูกสร้างขึ้นสำหรับจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทความแข็งแกร่งโดยเฉพาะ และแม้ว่ามันจะขาดไป 1 แผ่น แต่อัตราความสำเร็จก็ใกล้เคียงกับของเดิมมาก อย่างไรศาสตรามณียุทธ์ที่มาพร้อมกับหลุมบรรจุมณีนั้นหายากมาก ข้าคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงมูลค่าของมันใช่ไหม?”

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าโจวเหว่ยชิงจะวางเดิมพันครั้งใหญ่เพียงเพื่อตำแหน่งในกลุ่มหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และในสายตาของพวกเขา โอกาสที่ว่าก็ดูจะสำเร็จได้ยากมากเช่นกัน อย่างไรม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์ดังกล่าวก็มีมูลค่าตามท้องตลาดอย่างน้อย 500,000 เหรียญทองหรืออาจสูงกว่านั้นขึ้นไปอีก

สี่น้อยหันไปมองหลินเทียนอ้าวด้วยสายตาสงสัย แม้ว่าธนูราชันย์ของโจวเหว่ยชิงจะไม่ได้มีประโยชน์กับเขาโดยตรง แต่ม้วนคัมภีร์ดังกล่าวก็มีมูลค่ามหาศาล ไม่ว่าจะขายเป็นเงินหรือแลกเปลี่ยนกับม้วนคัมภีร์ที่เขาสามารถใช้ได้ก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่โจวเหว่ยชิงหยิบมันออกมา ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความสุขสม แต่เขาก็ยังคงเคารพหลินเทียนอ้าวเป็นอย่างมาก เมื่ออีกฝ่ายส่งสายตาห้ามปรามออกมา เขาก็เพียงแสดงท่าทางไม่เห็นด้วยกับหัวหน้าของตน

แม้หลินเทียนอ้าวจะไม่เข้าใจว่าทำไมโจวเหว่ยชิงถึงต้องทำเช่นนี้ แต่เขาก็พอจะเดาได้ ประการแรกคือการสร้างชื่อเสียง ประการต่อมาก็คือเป็นสมาชิกทีมหลักและสามารถเข้าร่วมการประลองได้จริงๆ เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของโจวเหว่ยชิง ในฐานะผู้ติดตามของเขา หลินเทียนอ้าวจะยังทำอะไรได้อีก

“เนื่องจากน้องโจวต้องการจะต่อสู้ ดังนั้นข้าจึงอนุญาตให้เจ้าทั้ง 2 คนก็ต่อสู้กันได้ แต่อย่ารุนแรงจนถึงขั้นเจ็บหนักล่ะ โปรดยั้งมือเอาไว้ด้วย ส่วนผลเดิมพันจะเป็นไปตามที่เจ้าทั้ง 2 คนตกลงกัน”

หลังจากหลินเทียนอ้าวกล่าวออกมา ใบหน้าของสี่น้อยก็สดใสขึ้นทันที ในสายตาของเขา โจวเหว่ยชิงที่มีมณี 3 ชุดก็เหมือนกับมดตัวจ้อย อย่างไรการที่เขาสามารถเป็นตัวแทนของโรงเรียนเจ้ามณีเข้าสู่การประลองที่สำคัญเช่นนี้ได้ก็ต้องผ่านแบบทดสอบและความยากลำบากมามากมาย เขาต่อสู้กับจ้าวมณีระดับ 4 ชุดคนอื่นๆเพื่อที่จะครอบครองตำแหน่งตัวจริงนี้ สี่น้อยมั่นใจมากว่าแม้เขาจะต้องเผชิญหน้ากับจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุดคนใดก็ตาม เขาก็จะยังคงประคองตัวเองไหว…นับประสาอะไรกับคู่ต่อสู้ที่มีมณี 3 ชุดเช่นโจวเหว่ยชิง

ขี้เมาเป่าเอ่ยออกมาด้วยท่าทางสบายๆ “ข้าเดิมพันว่า…10 กระบวนท่า ใครจะเอาด้วยบ้าง?”

เซียวเอี๋ยนมองไปที่เขาและพูดอย่างเฉยเมย “8 กระบวนท่า”

อู่หยาเม้มริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “รุ่นพี่ ท่านมีความมั่นใจในตัวสี่น้อยต่ำเกินไปแล้ว ข้าคิดว่า 5 กระบวนท่าก็เพียงพอ

เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขาทั้ง 3 คน การแสดงออกของเย่เป่าเปาก็เปลี่ยนไปทันที คนเหล่านี้ดูถูกพวกเขาอย่างแท้จริง…เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเดิมพันกันว่าสี่น้อยจะต้องใช้กี่กระบวนท่าเพื่อเอาชนะโจวเหว่ยชิง

“ข้าจะพนันกับพวกเจ้า” ในขณะนั้น น้ำเสียงที่มีเสน่ห์ก็ดังขึ้นเมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก้าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เย็นชา แม้ว่าปกติแล้วเธอจะเป็นคนอ่อนโยนและใจดี แต่เธอก็จะไม่ยอมถอยเมื่อมีคนพยายามกลั่นแกล้งเจ้าอ้วนน้อยของเธอ

โจวเหว่ยชิงเฝ้ามองอย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างไร้กังวลขณะที่สี่น้อยยิ้มเยาะอย่างเย็นชา

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากมองไปยังซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ย่อมเกิดความรู้สึกตาพร่าขึ้นมาเหมือนๆ กัน ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งหมดยกเว่นอู่หยาต่างก็มุ่งความไปที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กันทั้งนั้น บางทีพวกเขาอาจแค่ยั่วยุเย่เป่าเปาและโจวเหว่ยชิงเพื่อโอ้อวดตัวเองต่อหน้าเธอเท่านั้น เมื่อเห็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก้าวออกมาไปข้างหน้าด้วย พวกเขา 2-3 คนก็ลอบยิ้มออกมาเสียไม่ได้

ขี้เมาเป่ายิ้มกว้างและกล่าวว่า “คนสวย เจ้าคิดจะเดิมพันกับพวกเราอย่างไร? ทำไมเจ้าถึงปกป้องเจ้าเด็กนี่ถึงขนาดนี้ เขาคงไม่มีความสามารถพอจะเป็นคนรักของเจ้าหรอกใช่ไหม?”

สายตาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่หวั่นไหวขณะที่เธอพูดว่า “เขาเป็นคู่หมั้นของข้า”

ทันทีที่เธอพูดแบบนั้น ทุกคนที่อยู่รอบๆก็ชะงักไปทันที จากรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียวก็บอกได้อยู่แล้วว่าโจวเหว่ยชิงไม่เหมาะสมกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ พวกเขาจึงไม่คาดคิดว่าเธอจะตอบเช่นนี้

โจวเหว่ยชิงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ใบหน้าของเขาฉายแววภาคภูมิใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดเกี่ยวกับพวกเขาเช่นนี้ในที่สาธารณะ

“อ๊าาาา ดอกไม้งามกลับจมปลักอยู่ในขี้โคลนจริงๆ” ขี้เมาเป่ากล่าวอย่างแสร้งทำเป็นเสียใจ เซียวเอี๋ยนไม่ได้เปิดปากพูดสิ่งใด แต่สายตาของเขากลับดูแปลกประหลาดไปเช่นกัน สำหรับอู่หยานั้นเธอดูค่อนข้างสับสน มองสลับไปที่โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ราวกับว่าเรื่องระหว่างทั้งสองคนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

เสียงของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เยือกเย็นมากขึ้นราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของขี้เมาเป่า “3 กระบวนท่า ข้าพนันได้เลยว่าอ้วนน้อยจะเอาชนะสี่น้อยของพวกเจ้าได้ใน 3 กระบวนท่า แต่มูลค่าการเดิมพันของข้านั้นยิ่งใหญ่มากเช่นกัน…พวกเจ้ากล้ายอมรับการเดิมพันหรือไม่?”

ทันทีที่เธอพูดเช่นนั้น ขี้เมาเป่าและคนอื่นๆ ก็ชะงักไปทันที แม้พวกเขาจะรู้สึกว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังพูดเรื่องไร้สาระ แต่ขณะที่พูดเธอก็มีบรรยากาศที่ดูสง่าผ่าเผย อีกทั้งความมั่นใจในตัวเธอทำให้พวกเขาถึงกับลังเลไปเล็กน้อย

เซียวเอี๋ยนเปิดปากออกมาในที่สุด “เจ้าต้องการเดิมพันอะไร?” เสียงของเขาทุ้มต่ำ ให้ความรู้สึกค่อนข้างแปลกประหลาด

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดต่ออย่างเย็นชา “ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะสี่น้อยได้ใน 3 กระบวนท่า เราทั้งคู่ยินดีที่จะเป็นผู้ติดตามตลอดชีพของเจ้า ในทางตรงกันข้าม หากสี่น้อยแพ้ การเดิมพันของเจ้าก็คือเป็นผู้ติดตามตลอดชีพของพวกข้า ใครยินดีจะเดิมพันกับข้าบ้าง?”

เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ดวงตาของทั้งโจวเหว่ยชิงและหลินเทียนอ้าวก็แทบจะกลิ้งหลุดออกมาจากเบ้า โจวเหว่ยชิงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะเรียนรู้การกระทำของเขาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับหลินเทียนอ้าว ความคิดของเขาซับซ้อนกว่านั้นมาก ในตอนแรกเขารู้สึกว่าสาวงามคนที่มักจะติดตามโจวเหว่ยชิงไปทุกที่นั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยนและไร้เดียงสามาก แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าวลี ‘คนที่นอนกับหมาก็ต้องติดหมัดไปด้วย’ นั้นเป็นเรื่องจริง พวกเขากำลังใช้กลอุบายแบบเดียวกันอีกครั้ง และครั้งนี้การเดิมพันของพวกเขาก็ดูชอบธรรมกว่ามาก ผู้หญิงคนนี้เหนือชั้นกว่าโจวเหว่ยชิงอย่างแท้จริง! เขาไม่รู้สึกว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังเสี่ยงเดิมพันอยู่เลยด้วยซ้ำ อย่างไรไม่กี่วันที่ผ่านมาสิ่งเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับเขาเช่นกัน ทั้งๆ ที่เขาก็คิดว่าตัวเองกำชัยชนะไว้ในมือแล้วด้วยซ้ำ อนิจจา ผลลัพธ์สุดท้ายก็ชัดเจนอยู่แล้ว สามีภรรยาคู่นี้จะไม่ลงมือทำอะไรที่พวกเขาไม่มั่นใจเด็ดขาด หลินเทียนอ้าวรู้ชัดเกี่ยวกับเกี่ยวกับความสามารถของสี่น้อย และแม้ว่าเขาจะทรงพลังมากเพียงใด แต่เขาก็ยังห่างชั้นจากหลินเทียนอ้าวมากนัก หากเป็นเช่นนี้ ขนาดตัวเขาเองยังถูกโจวเหว่ยชิงหลอก สี่น้อยจะเอาชนะอีกฝ่ายไปได้อย่างไร?

แน่นอนว่าหลินเทียนอ้าวไม่ได้พยายามส่งสัญญาณเตือนพี่น้องในกลุ่มของเขา นั่นไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนเฉยเมยหรือไม่ใส่ใจเพื่อนพ้อง แต่เพราะเขาเป็นผู้ติดตามของโจวเหว่ยชิงอยู่ต่างหาก ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องวางผลประโยชน์ของโจวเหว่ยชิงไว้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก พูดตรงไปตรงมาก็คือเขาไม่ใช่หลินเทียนอ้าวในอดีตอีกต่อไป ตอนนี้เขาเป็นคนใหม่ที่มีเจ้านายเป็นของตัวเองแล้ว

“ข้าจะเดิมพันกับเจ้า!” ก่อนที่ใครจะได้อ้าปากพูด สี่น้อยก็วิ่งเข้าหาเธออย่างรีบร้อนและตะโกนออกมา ไม่เคยมีใครกล้าดูถูกเขาขนาดนี้มาก่อน แล้วนับประสาอะไรกับหญิงงามคนหนึ่งกันเล่า 3 กระบวนท่างั้นรึ? เธอพูดว่าเจ้าเด็กเหลือขอที่มีมณีเพียง 3 ชุดจะใช้เพียง 3 กระบวนท่าเพื่อจัดการเขา? นั่นเป็นการดูถูกเหยียดหยามขั้นสูงสุดและเขาไม่มีทางทนต่อความอัปยศเช่นนี้ได้!

เมื่อมองไปที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ สี่น้อยก็กล่าวว่า “ถ้าข้าชนะ ข้าไม่ต้องการเจ้าเด็กนั่น ข้าต้องการให้เจ้าเป็นผู้ติดตามของข้าเพียงคนเดียว”

“เดี๋ยวก่อน! สี่น้อย เจ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้นะ ข้าเป็นคนคิดการเดิมพันนี้ขึ้นมาก่อน ถ้าเจ้าได้หญิงงามไปครอง แล้วข้าจะเสียเวลาคิดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม? ใครจะไปอยากได้เจ้าเด็กเหลือขอนั่นกัน!” ขี้เมาเป่ากล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเย่เป่าเปาและโจวเหว่ยชิงที่เฝ้าสังเกตอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีสงบนิ่งก็ตระหนักว่าทั้งอู่หยาและเซียวเอี๋ยนกำลังปิดปากเงียบโดยไม่มีท่าทีว่าพวกเขาจะเข้าร่วมด้วยแม้แต่น้อย

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวอย่างเฉยชาว่า “แม้จะยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ แต่อ้วนน้อยเป็นถึงอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง ถึงระดับพลังปราณของเจ้าจะสูงกว่าเขา แต่ในโลกของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ สถานะของเจ้าก็ยังห่างไกลจากเขามาก”

เมื่อได้ยินคำว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง ดวงตาของขี้เมาเป่าก็สว่างวาบขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเจ้าเด็กคนนี้อายุน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ หากเขาสามารถขึ้นเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วอนาคตของเขาล่ะจะเป็นอย่างไร? บางทีเขาอาจจะกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์หรือสูงกว่านั้นก็ ได้!

ถ้าเขาได้ผู้ติดตามเช่นนี้มาอยู่ใต้อาณัติ เขาจะต้องได้รับผลประโยชน์มหาศาลแน่!

หลินเทียนอ้าวถอนหายใจ เขารู้ดีว่าในขณะนี้ทั้งขี้เมาเป่าและสี่น้อยต่างก็ตกหลุมพรางของอีกฝ่ายแล้ว เช่นเดียวกับตัวเขาเองในอดีต พวกเขามองแค่ผลประโยชน์ในอนาคตเท่านั้น ไม่ได้มองอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการเดิมพันนี้เลยแม้แต่น้อย