ตอนที่ 236 ไร้มารยาท

แม่สาวเข็มเงิน

ช่วงนี้ใครก็รู้ว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจ ฝนตกติดต่อกันสองวันแล้ว เดิมทีเจียงหยุนชานอยากออกไปยืนท่ามกลามสายฝนแต่เจียงป่าวชิงห้ามเขาไว้ก่อน ถึงอย่างไรภายใต้สายฝน ถนนบนภูเขาก็เต็มไปด้วยโคลน แม้แต่รถม้าก็เข้าไปในภูเขาได้ยาก เห็นได้ชัดว่ามันอันตรายมาก

เจียงหยุนชานทนเห็นเจียงป่าวชิงเป็นห่วงเขาไม่ได้จึงครุ่นคิดถึงเรื่องที่เขากำลังกลัดกลุ้มอยู่เล็กน้อย สุดท้ายก็ยกเลิก

จนกระทั่งวันที่สาม ในที่สุดท้องฟ้าก็แจ่มใสสักที แสงแดดเจิดจ้าที่ไม่ได้เห็นมายาวนานส่องแผดเผาผืนดินราวกับเป็นช่วงที่ร้อนอบอ้าวที่สุดหลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง

เจียงหยุนชานมาดูเจียงป่าวชิงตั้งแต่เช้า เมื่อเขาเห็นว่าสีหน้ากับจิตใจของน้องสาวดีกว่าเมื่อวานมาก เขาก็เบาใจพลางทักทายเจียงป่าวชิงแล้วกลับไปที่ชีหลี่โวเพื่อดูความคืบหน้าของบ้านที่กำลังสร้างใหม่

ก่อนที่เจียงหยุนชานจะเดินทาง เขาก็ช่วยปรับหมอนให้เจียงป่าวชิง เพื่อให้เจียงป่าวชิงพิงหมอนได้อย่างสบาย ๆ และวางหนังสือบทละครพื้นเมืองที่ยามปกตินางมักชอบอ่านฆ่าเวลาไว้ให้นาง

เมื่อเจียงหยุนชานออกไป จิตใจอันเข็มแข็งที่เจียงป่าวชิงพยายามตั้งใจแสดงให้เจียงหยุนชานเห็นก็หายสาบสูญไปทันที นางเอนกายพิงหมอนอย่างอ่อนล้า สายตาก็มองมือซีด ๆ ที่ตอนนี้ดูไม่แข็งแรงเพราะอาการป่วยอย่างใจลอย

สามวันแล้ว ตั้งแต่ที่นางไล่กงจี้วันนั้น จนถึงวันนี้ก็ผ่านไปสามวันเต็ม ๆ แล้ว

ในสามวันนี้ หมอชีมาดูอาการไข้ของนางทุกวัน นางนั้นอยากถามหมอชีอยู่หลายครั้งถึงเรื่องเกี่ยวกับกงจี้ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปสักครั้ง

ไม่รู้ว่าขาของกงจี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

ช่างเถอะ เจียงป่าวชิงครุ่นคิด มีหมอที่อุทิศตนให้กับทักษะการรักษาโรคอย่างหมอชีอยู่คอยเฝ้าดูกงจี้ทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ คิด ๆ ดูแล้วคงไม่มีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นหรอก

คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างนางไม่ต้องไปเป็นห่วงเขาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว

รอให้บ้านที่ชีหลี่โวซ่อมเสร็จประมาณหนึ่งแบบพออยู่ได้ก่อน นางกับพี่ชายก็จะย้ายกลับไป

ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนหรือกระแสคลื่นโหมซัดสาด นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นางกับกงจี้จะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กันอีก

เจียงป่าวชิงหลับตาลง นางอดจับตรงหน้าอกของตัวเองไม่ได้

เฮ้อ… เจ็บมาก

ในตอนนี้เอง เจียงป่าวชิงได้ยินเสียงพูดของผู้หญิงดังมาจากด้านนอก “เหมือนจะเป็นที่นี่เจ้าค่ะ”

นางฟังออกว่านี่คือเสียงของหลิงเฟิ่งผู้เป็นสาวใช้ของช่างชือจื่อที่เป็นคุณหนูชุดเหลืองสดในวันนั้น

คิ้วของนางขมวดเข้าหากัน

ตอนที่เจียงหยุนชานออกจากบ้านไป เนื่องจากวันนี้อากาศดีมากเขาจึงเปิดประตูห้องกับหน้าต่างไว้เพื่อให้เจียงป่าวชิงได้รับแสงแดดบ้าง แต่ตอนนี้กลับสะดวกสำหรับคนอื่นเสียแล้ว

ทั้งสองคนชะโงกศีรษะอยู่ที่ประตูทางเข้า หลังจากที่เหมือนเห็นว่ามีคนพิงอยู่บนเตียง พวกนางก็ถือวิสาสะก้าวเข้ามาโดยที่ไม่ขออนุญาตสักคำ แต่คำพูดกลับมีความเกรงใจมากกว่าพฤติกรรมที่ไร้มารยาทนั้นอยู่หน่อย ๆ

“ใช่หมอหญิงเจียงหรือเปล่า ?”

เจ้าของเสียงที่ถามนี้ค่อนข้างน่ารัก เจียงป่าวรับรู้ว่าคงเป็นเสียงคุณหนูช่างที่เอ่ยถามมาเมื่อครู่นี้ นางขยับกายพิงหมอนแล้วตอบไปนิ่ง ๆ “ใช่ แล้วพวกเจ้าทั้งสองคือใครรึ ?”

เมื่อได้รับคำตอบยืนยัน ช่างชือจื่อกับหลิงเฟิ่งก็สบตากันทันที หลิงเฟิ่งประคองคุณหนูของตัวเองเดินไปยืนตรงหน้าเตียงของเจียงป่าวชิง และทั้งสองคนก็สังเกตเจียงป่าวชิงด้วยสายตาเจาะลึก

ไม่ดูไม่รู้ แต่พอดูดี ๆ ช่างชือจื่อรู้สึกตกใจในใจเล็กน้อย

เด็กผู้หญิงคนนี้กำลังป่วย หากว่าพูดตามหลักแล้วนางต้องซีดเซียวสิ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น นางกลับดูเหมือนเป็นสาวงามที่ดูทั้งงดงามและสง่าในเวลาเดียวกัน

ดูไม่เหมือนคนป่วยเลย

ถึงแม้ตอนนี้รูปร่างของนางยังเติบโตไม่เต็มที่ แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มองเจียงป่าวชิงก็ย่อมจินตนาการได้ว่าหลังจากที่นางเข้าสู่วัยสาวอย่างเต็มที่แล้ว นางจะงดงามมากเพียงใด

ในใจของช่างชือจื่อที่คิดว่าตัวเองหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มมาตั้งแต่เล็กเกิดความรู้สึกอิจฉารูปลักษณ์ของเจียงป่าวชิงอย่างที่สุด มันเป็นความอิจฉาอย่างแรงกล้าในแบบที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อน

หลิงเฟิ่งเห็นคุณหนูของนางกัดฟันด้วยสีหน้าแข็งทื่อ ทำไมนางจะไม่รู้ความคิดของคุณหนูของนาง

“หมอหญิงเจียง ได้ยินว่าเจ้าป่วย คุณหนูของข้าจึงตั้งใจมาเยี่ยมเจ้า” หลิงเฟิ่งเอ่ย

“คุณหนูข้าอุตส่าห์มาเยี่ยม แต่ทำไมเจ้าถึงได้ไร้มารยาท ยังคงนอนพูดกับคุณหนูของข้าอยู่บนเตียงเช่นนี้เล่า ?”

เจียงป่าวชิงป่วยก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะสามารถย้อนกลับขาวดำและมารังแกนางได้

นางหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้นนิ่ง ๆ “คนที่เข้ามาในบ้านคนอื่นโดยไม่ขอสักคำกลับบอกว่าข้าไร้มารยาทรึ ? พวกเจ้าไร้มารยาทก่อน แต่ต้องการให้ข้าปฏิบัติด้วยอย่างสุภาพ ลองนึกดูดี ๆ นะว่าใครกันแน่ที่เสียมารยาท”

“เจ้า!” หลิงเฟิ่งตะลึงกับการยอกย้อนผสมด่าของเจียงป่าวชิง นางคิดว่าหมอหญิงคนนี้ดูไม่เหมือนคนพูดจาเฉียบแหลม จึงคิดจะกดขี่เพื่อให้หมอหญิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ มันจะได้ง่ายต่อการสืบข่าวสถานการณ์ของศัตรูในภายหลัง แต่นี่… นางคำนวณผิดอย่างเห็นได้ชัด เจียงป่าวชิงไม่ใช่พวกนุ่มนิ่มที่ยอมให้คนอื่นลูบคลำได้ตามใจชอบ

หลิงเฟิ่งแค้นเคืองในใจอย่างเงียบ ๆ ขณะเดียวกับที่ช่างชือจื่อถลึงตาใส่เจียงป่าวชิง อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกหวาดกลัวในใจจึงรีบยอมรับผิดทันที “หมอหญิงเจียง ข้าพลั้งปากเอง คุณหนูของข้ายังไม่หายจากไข้หวัด แต่นางยังคงเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของหมอหญิงเจียง ข้ากระวนกระวายไปชั่วขณะจึงทำให้พูดผิดไป โปรดหมอหญิงเจียงยกโทษให้ข้าด้วยเถอะนะ”

เจียงป่าวชิงยิ้มอ่อน

ช่างชือจื่อสังเกตเจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ยิ่งมองนางก็ยิ่งสงสัย ก็หมอหญิงคนนี้น่ะสิ นางดูเหมือนอายุยังไม่มาก นี่นางสามารถใช้ทักษะการรักษาโรคมาช่วยรักษาและทำกายภาพบำบัดให้พี่ชายกงได้จริง ๆ หรือ ?

คงไม่ใช่นักต้มตุ๋นหรอกใช่ไหม ?

ไม่น่าใช่ พี่ชายกงเป็นคนสติปัญญาเฉียบแหลม ทั้งเฉลียวฉลาดและองอาจห้าวหาญ เขามีความคิดความอ่านที่ชัดเจน ช่างสังเกตก็เป็นที่หนึ่ง เขาจะถูกหลอกโดยเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร

หรือว่าพี่ชายกงจะหลงใหลในความงามของหมอหญิงอายุน้อยคนนี้

ช่างชือจื่อยิ่งคิดสีหน้าของนางก็ยิ่งแย่ นางฝืนยิ้มและพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ข้าเป็นไข้ และได้ยินว่าหมอหญิงเจียงก็เป็นไข้เช่นกัน ไม่กี่วันมานี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว แต่ดูสภาพของหมอหญิงเจียงเหมือนจะยังคงป่วยอยู่ หมอหญิงเจียงต้องช่วยทำกายภาพบำบัดให้พี่ชายกง ก็ต้องทะนุถนอมดูแลร่างกายตัวเองให้มาก ๆ”

ไม่เพียงแต่ช่างชือจื่อที่สังเกตเจียงป่าวชิง เจียงป่าวชิงเองก็สังเกตช่างชือจื่อเช่นกัน ดูเหมือนว่านางคงถูกเลี้ยงให้โตมาอย่างสูงส่ง

คิด ๆ ดูแล้ว นางกับกงจี้ก็เหมือนกับกิ่งทองใบหยกจริง ๆ นั่นแหละ

จิตใจของเจียงป่าวชิงยิ่งห่อเหี่ยวลงเรื่อย ๆ นางคร้านเหลือเกิน คร้านที่จะเปิดเผยความคิดที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของช่างชือจื่อ

หลิงเฟิ่งยกเก้าอี้มาให้ช่างชือจื่อนั่ง ช่างชือจื่อยิ้มให้เจียงป่าวชิงแล้วนั่งลงโดยไม่บอกกล่าว “ข้าร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าช่วงนี้พี่ชายกงจะสั่งให้หมอชีมาเยี่ยมข้าทุกวัน และให้เครื่องปรุงยากับพวกสมุนไพรสรรพคุณยาที่ล้ำค่ามากมาย เขาคงกลัวว่าข้าจะเป็นอะไรไป แต่โรคภัยไข้เจ็บก็หายไปเหมือนการดึงไหม แต่ก็นะ ตอนนี้ข้ายังไม่หายจากไข้หวัด จึงทำตามมารยาททุกอย่างไม่ได้ หมอหญิงเจียงเองก็ป่วย คิดว่าเจ้าคงเข้าใจข้านะ”

นี่เป็นคำพูดที่สูงกว่าคำพูดของหลิงเฟิ่งซึ่งกล่าวหาว่าเจียงป่าวชิงไร้มารยาทเมื่อสักครู่

ช่างชือจื่อกำลังพยายามสื่อกับเจียงป่าวชิงว่าตัวนางไม่สบาย ดังนั้น เจียงป่าวชิงนั่นแหละที่ไร้มารยาท

แต่เชียวป่าวชิงละเหี่ยใจมาก ได้ฟังอีกฝ่ายคิดและพูดมาแบบนี้ นี่มันหมายความได้ว่า ช่างชือจื่อคนนี้ไม่เพียงแต่ไร้มารยาทอย่างเดียวเท่านั้น นางยังขอให้คนอื่นเห็นอกเห็นใจนางด้วย

ตอนนี้สภาพจิตใจของเจียงป่าวชิงค่อนข้างย่ำแย่ นางไม่ค่อยอยากสนใจความคิดของช่างชือจื่อมากนัก

คุณหนูคนนี้ไม่ได้รังแกนางด้วยชื่อแซ่สักหน่อย จะสนใจไปทำไม นางต้องสนใจที่พวกเขาเป็นคู่ที่รักใคร่กันอย่างสุดซึ้งด้วยงั้นรึ ?

เจียงป่าวชิงก้มหน้า ในใจนางรู้สึกเจ็บมาก

ช่างชือจื่อเห็นเจียงป่าวชิงไม่พูดอะไรก็คิดว่าคำพูดของนางแทงใจเจียงป่าวชิงได้ นางนึกลำพองใจพลางชำเลืองมองเจียงป่าวชิง

เหอะ! หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มแล้วยังไงล่ะ ? พี่ชายกงไม่ใช่คนที่มีความรู้ตื้น ๆ ขนาดนั้นสักหน่อย จะต้องเป็นไอ้พวกคนต่ำช้าแบบหมอหญิงคนนี้นี่แหละที่ใช้วิธีการเจ้าเล่ห์สารพัดเพื่อมาพัวพันพี่ชายกง

วันนี้นางจะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าช่องว่างระหว่างเจียงป่าวชิงกับพี่ชายกงนั้นมีมากแค่ไหน