บทที่ 5 มนุษย์กู่ร้อง จอมจักรพรรดิโบราณ

จอมบงการเทพยุทธ์

มังกรลากโลงศพทั้งเก้าตัวนั้นลากโลงศพสัมริดมาจากท้องฟ้าข้ามผ่านเหนือเมืองหิมะน้ำแข็งมุ่งไปยังเทือกเขาเทียนจิ่ว

มังกรนั้นยิ่งใหญ่และสง่างาม แต่โลงศพโบราณนั้นเรียบง่ายราวกับต้องการจะอยู่ค้ำฟ้าคู่ผืนดินไปชั่วกาล

“มันขยับแล้ว เก้ามังกรลากโลงขยับแล้ว!”

“มันไปแล้วรึ? มันจะไปไหนกัน?”

“เก้ามังกรลากโลงได้ลากโลงศพไปแล้ว เจ้าคิดว่ามันจะไปฝังศพหรือเปล่า?”

ในเมืองหิมะน้ำแข็ง ผู้ฝึกยุทธ์ต่างตื่นตระหนกและรีบออกเดินทางอย่างรวดเร็วเพื่อไล่ตามเก้ามังกรลากโลง

‘ท่านได้รับแต้มตกใจ +5 จากเจาลู่’

‘ท่านได้รับแต้มตกใจ +300 จากหลิวอี้ฉาง’

‘ท่านได้รับแต้มตกใจ +15 จากหยางชี’

‘ท่านได้รับแต้มตกใจ +8,999 จากเสวี่ยหรูเยียน’

“ช่างน่าตกใจ แค่คนเดียวก็ได้ตัง 8,999 แต้มงั้นรึ?”

เมื่อได้ฟังเสียงจากระบบ ฉินมู่ก็เอามือบ้องปาก

เสวี่ยหรูเยียน?

เหมือนข้าพึ่งจะเคยได้ยินชื่อนี้ เหมือนว่าจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักหิมะน้ำแข็งใช่หรือไม่?

ความแข็งแกร่งของคนๆ นี้มากมายจริงๆ แต้มที่ได้มาจากคนๆ เดียวนั้นมีค่าเทียบเท่ากับคนอื่นอีกมากมาย

เมื่อมองดูแต้มโดยรวมของแต้มตกใจที่ซึ่งขึ้นมาเกือบ 80,000 แต้มแล้ว ฉินมู่ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

ไม่ต้องห่วง ยังไม่ถึงจุดน่าตื่นเต้นที่สุดหรอก!

…………

นอกเมืองหิมะน้ำแข็ง

เสวี่ยหรูเยียนเดินตามเงาของเกามังกรลากโลงอยู่ไกลๆ ดวงตาอันงดงามของเธอเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

ความเร็วในการเดินของเก้ามังกรลากโลงนั้นไม่ได้เร็วมากดังนั้นเธอจึงสามารถเดินตามได้อย่างง่ายดาย

ทว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจ

เก้ามังกรลากโลงนี้มาจากไหน? และมันจะไปที่ไหน?

จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันคืออะไรกันแน่?

เสวี่ยหรูเยียนเปี่ยมไปด้วยความสงสัยพร้อมกับความตื่นเต้นประหลาดใจ เหล่าจอมยุทธ์ที่เดินทางไล่ตามออกไปจากเมืองหิมะน้ำแข็งเองก็ฉงนสงสัยด้วยเช่นกัน

หึ่ม—–

ขณะที่เสวี่ยหรูเยียนและคนอื่นๆ กำลังเปี่ยมไปด้วยความฉงนสงสัยนั้นเอง ความเปลี่ยนแปลงก็กลับมาอีกครั้ง!

เหนือโลงศพสัมริดนั้น

อากาศพลันกระเพื่อมราวกับน้ำ มีกระทั่งกระแสพลังแห่งความสับสนกระจายออกมาบางๆ

หลังจากนั้นก็มีแสงที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นมายืนอยู่บนโลงศพโบราณนั้น!

ร่างนั้นเป็นอะไรกันแน่? มันเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ แต่ดูราวกับเป็นวิญญาณที่อยู่ยงคงกระพันครอบคลุมไปทั่วทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

ภาพของสิ่งอยู่ยงคงกระพันค้ำฟ้าเหนือกาลเวลานั้นทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต้องคุกเข่าลงโดยไม่รู้ตัว!

ใช่แล้ว คุกเข่าลงไปในทันที!

ภายในเมืองหิมะน้ำแข็ง เมื่อเก้ามังกรลากโลงปรากฏตัวขึ้น มนุษย์ได้คุกเข่าลง แต่ผู้ฝึกยุทธ์บางส่วนไม่

แต่ในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแสงในรูปร่างมนุษย์นี้ กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่สามารถเก็บความสั่นไหวในใจเอาไว้ได้และต้องคุกเข่าลง!

“บ-บรรยากาศแบบนี้มัน…”

เสียของเสวี่ยหรูเยียนสั่นสะท้านหลังจากที่แสงรูปร่างมนุษย์ได้ปรากฏขึ้นมา เธอรู้สึกเพียงว่าขาของเธออ่อนลงและเกือบจะคุกเข่าลงไปเช่นเดียวกันกับทุกคน

มันเป็นดั่งการเคารพบูชาที่หยั่งรากลึกตั้งแต่ต้นกำเนิดของชีวิต

เป็นการสักการะบูชาผู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่งอื่นใด

“บรรยากาศแบบนี้ หรือว่าจะเป็นจักรพรรดิในตำนานของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างนั้นรึ?”

ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ที่คุกเข่าอยู่นั้น บางคนอดพูดออกมาไม่ได้

ในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว แน่นอนว่าก็เคยมีตัวตนเช่นจักรพรรดิอยู่

เมื่อฝึกฝนไปจนถึงขั้นจักรพรรดิแล้วนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และจะได้รับการบูชาโดยมนุษย์จำนวนมาก

เพราะเหตุนี้ ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้จึงคาดเดาว่าร่างแสงนี้คงจะเป็นถึงระดับจักรพรรดิ

จักรพรรดิโบราณ? จะเป็นจักรพรรดิโบราณไปได้อย่างไรกัน!

ใจของเสวี่ยหรูเยียนสั่นสะท้าน แม้ว่าจักรพรรดิโบราณจะทรงพลัง แต่ก็ไม่ทรงพลังมากเช่นนี้

ไม่ ทั้งสองอย่างนี้อาจเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ

จักรพรรดิโบราณเมื่อเทียบกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วนั้นราวกับเทียบระหว่างหิ่งห้อยและดวงตะวัน ไม่มีทางเทียบกันได้แม้แต่น้อย!

สิ่งนั้น…คืออะไรกันแน่?

ในประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์มนุษย์เคยมีสิ่งมีชีวิตอันแสนทรงพลังเช่นนี้ถือกำเนิดมาหรือไม่กัน?

เสวี่ยหรูเยียนสั่นสะท้าน

ในจังหวะที่ร่างแสงนี้ปรากฏขึ้นมานั้นเอง เธอก็ได้เหลือบไปเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่ายเสี้ยวหนึ่ง

ร่างที่เหนือทุกสิ่งนั้นยืนอยู่นิ่งพร้อมกับผมที่ปลิวไสว… ราวกับเป็นมนุษย์ผู้หญิง!

แต่ว่าในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เคยมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ อย่างนั้นหรือ?

เสวี่ยหรูเยียนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

อย่างน้อยในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ก็ไม่มีสิ่งเช่นนี้ถูกบันทึกเอาไว้

หากเป็นเช่นนั้น เผ่ามนุษย์คงจะไม่ถูกจัดอันดับอยู่ล่างสุดในกว่า 10,000 เผ่าพันธุ์และถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก

คำถามนี้ไม่เพียงแต่จะอยู่ในความคิดของเสวี่ยหรูเยียนแต่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์คนอื่นๆก็คิดเช่นนั้นด้วยเช่นกัน

ในวันนี้ ทุกคนได้เห็น

เก้ามังกรลากโลงและร่างแสงของมนุษย์ที่ทรงพลังที่่สุดปรากฏขึ้นมา ราวกับเป็นเรื่องราวในหนังสือประวัติศาสตร์ดูเกินจริง

แต่สิ่งนี้เป็นความจริง!

ร่างมนุษย์แสงนี้นั้นต้องเหนือกว่าจักรพรรดิโบราณของเผ่ามนุษย์อย่างแน่แท้!

เกรงว่า…คนๆ นี้สามารถเทียบได้กับจอมจักรพรรดิโบราณที่เป็นเพียงหนึ่งใน 10,000 เผ่าพันธุ์!

เรียกได้ว่าร่างมนุษย์แสงที่ยืนอยู่บนโลงศพสัมริดนั้นเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ อย่างนั้นหรือ?!

เผ่าพันธุ์มนุษย์เคยมีตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจริงๆ หรือ?

ทุกๆ คนแหงนหน้าขึ้นมอง

ทุกสายตาจับจ้องไปที่บนโลงศพ ที่ร่างนั้นยืนอยู่

พวกเขากำลังรอ

เฝ้ารอคำตอบ!

เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกกลั่นแกล้งมาเป็นเวลานานเพราะไม่มีผู้ใดที่สามารถสยบโลกนี้และกำราบทุกเผ่าพันธุ์บนโลกได้

เผ่าพันธุ์มนุษย์เฝ้ารอผู้ที่แข็งแกร่งให้ปรากฏตัวขึ้นมา

แม้ว่าจะเคยมีเมื่อนานมาแล้วก็ตาม

แต่อย่างน้อย

พวกเขาก็รู้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังสามารถให้กำเนิดผู้ที่ทรงพลังอย่างแท้จริงได้!

ข้าคือมนุษย์ ข้ามีสิทธิ์ที่จะภูมิใจในความเป็นมนุษย์!

ข้าคือมนุษย์ ข้ายังยืนเย้ยฟ้าที่ไร้ที่สิ้นสุดได้!

“หากจะจดบันทึกตัวตนเช่นนี้ลงในหน้าประวัติศาสตร์ ข้าก็คงจะเรียกท่านผู้นั้นว่าจอมจักรพรรดิ!”

ผู้ฝึกยุทธ์ชราแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าพร้อมพูดด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน

ในหน้าประวัติศาสตร์ของทุกเผ่าพันธุ์ ทุกเผ่าพันธุ์ที่มีอำนาจต่างเคยให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังหาที่เทียบไม่ได้ที่คอยปกครองทั่วทั้งจักรวาลเหนือเก้าสวรรค์สิบโลกา

และเผ่าพันธุ์เหล่านั้นก็จะให้เกียรติเรียกผู้ที่เหนือกว่าทุกสิ่งเช่นนี้ว่าจอมจักรพรรดิ!

ในโลกของหวงเจิ้น ไม่มีใครกล้าขัดขืน!

แต่เพียงว่าในประวัติศาสตร์ที่น้อยนิดของมนุษย์นั้น ไม่เคยมีตัวตนที่ทรงพลังไร้ที่เทียบเช่นนี้ถือกำเนิดมาก่อน

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์จึงถูกรังแกโดยเผ่าพันธุ์อื่น

เผ่าพันธุ์ที่ไม่มีจอมจักรพรรดิ ไม่ว่าจะมีจำนวนมากเพียงใดก็อ่อนแอ!

และในตอนนี้ หากร่างแสงนี้เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ

นั่นจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า เมื่อเนิ่นนานมาแล้วเผ่าพันธุ์มนุษย์เคยมีสิ่งมีชีวิตที่สามารถเทียบได้กับจอมจักรพรรดิ!

และถ้าหากมีตัวตนเช่นนี้ในประวัติศาสตร์มนุษย์จริงๆ…

“หากสิ่งนี้เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ และในตอนนี้มันก็ได้ปรากฏขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษย์แล้ว! ข้า หลู่วู่ฉิวพร้อมจะยกให้สิ่งนี้เป็นจอมจักรพรรดิ!”

“ข้า เฉินเจียงไห่ก็ขอยกให้สิ่งนี้เป็นจอมจักรพรรดิด้วยเช่นกัน!”

“ข้า เฉินหวู่เหนียนก็พร้อมจะขอยกให้สิ่งนี้เป็นจอมจักรพรรดิ!”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์เริ่มเอ่ยปากยอมรับ

เผ่าพันธุ์มนุษย์พร้อมใจกันยอมรับว่านี่คือจอมจักรพรรดิของพวกเขา!

เทียบเท่ากับจอมจักรพรรดิเผ่าพันธุ์หมื่นเซียน!

กระทั่งเสวี่ยหรูเยียนก็กู่ร้องอยู่ในใจอย่างเงียบงัน!

เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องการตัวตนเช่นจอมจักรพรรดิเช่นนี้

แม้จะอยู่เพียงในประวัติศาสตร์ก็ตาม

เพียงแค่นี้ก็ให้ความหวังอันไร้สิ้นสุดแก่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้แล้ว

และนั่นจะสามารถทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์กลับขึ้นมายืนขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง!

บนท้องฟ้า เก้ามังกรลากโลงก็ยังเคลื่อนไปอย่างช้าๆ

และร่างแสงที่ยืนอยู่บนโลกศพสัมริดนั้นก็ดูเหมือนจะได้ยินเสียงกู่ร้องของมนุษย์ด้านล่าง

ร่างแสงค่อยๆ สลัวลงทีละนิดๆ เผยให้เห็นร่างได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เธอปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าราวกับเดินก้าวออกมาจากช่วงเวลาโบราณชั่วกัลป์ หลุดพ้นจากพันธนาการของสายธารแห่งกาลเวลาและหวนคืนคืนสู่โลกา

เส้นผมที่ปลิวไสว ชุดล่าสัตว์ ราวกับปรากฏออกมาจากเทพนิยาย หลุดพ้นจากทุกสิ่ง ราวกับเทพสถิตลงมาสู่ผืนดิน

ร่างของเธอนั้นผอมเพรียว เสื้อผ้าปลิวไสวท่ามกลางสายฝนเบาๆ ที่ร่วงโรยพร้อมกับบรรยากาศที่ดูวุ่นวาย บนใบหน้าของเธอมีหน้ากากหน้าตาบูดบึ้งที่ดูราวกับกำลังจ้องมองไปยังดวงดาวอันเป็นนิรันดร์ปกปิดเอาไว้!

แม้ว่าเธอจะไม่แสดงใบหน้าที่แท้จริง

แม้ว่าร่างของเธอจะดูเลือนราง

แต่ ณ ตอนนี้ ดวงตาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต่างมีน้ำตาที่ไหลรินหลั่งออกมา

พวกเขาทุกคนรู้แล้วว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นคือเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ!

หลังจากที่เธอปรากฏตัวขึ้นมา ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างรู้สึกได้ถึงเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย

ความสั่นพ้องที่ดังมาจากสายเลือดนั้นไม่สามารถปลอมแปลงได้แม้แต่น้อย!

เผ่าพันธุ์มนุษย์ในอดีตมีตัวตนที่เทียบได้กับจอมจักรพรรดิอยู่!

และยังเป็น…จักรพรรดินีอีกด้วย!