ตอนที่ 129 ญาติสนิทชิดเชื้อของราชวงศ์

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

จื่อโยวรีบเดินตามจิ่วเยี่ยไปพลาง ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ไปพลาง “เยี่ย ไม่ได้นะ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยังเผด็จศึกแม่นางผู้นั้นไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าไม่มีประสบการณ์ในเรื่องความรักกันเล่า เจ้ายังเป็นเหมือนเด็กน้อยอยู่เลย…”

— ตูม! —

จิ่วเยี่ยโจมตีจื่อโยวอย่างรุนแรง ทว่าจื่อโยวหลบหลีกได้ทัน จากนั้นเขาก็ยิ้มสดใสและขยับเข้าใกล้จิ่วเยี่ยอีกครั้ง

“เยี่ย ข้ามีตำราพันปีอยู่มากล้นเหลือคณานับ ข้ารับรองว่าหากเจ้าศึกษาตำราเล่มนี้จบ แม่นางผู้นั้นไม่ไปจากเจ้าแน่ นางจะรักเจ้าตราบชั่วฟ้าดินสลายเลยเชียว”

ใครจะไปรู้ว่าทันทีที่เขาพูดจบ ร่างของจิ่วเยี่ยพลันอันตรธานหายไป จื่อโยวกล่าวอย่างเศร้าโศกเสียใจ “เจ้า… เจ้าไม่สนใจคำพูดของข้าเลย!”

ทันใดนั้น มีเสียงดังก้องในหูของจื่อโยว “ส่งมา!”

มุมปากจื่อโยวกระตุกเล็กน้อย เขาพึมพำ “ปากก็บอกว่าไม่ แต่ในใจยอมรับแล้ว จิ่วเยี่ยคนนี้นับวันยิ่งใจดำขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ”

เขามองไปที่จวนตระกูลมู่ที่อยู่ไกล ๆ  พึมพำเบา ๆ “เยี่ยหลงรักแม่นางผู้นั้นจริง ๆ แต่สถานการณ์ในช่วงนี้ของเยี่ยไม่ค่อยจะดี หากแม่นางผู้นั้นคิดจะยืนเคียงข้างเยี่ยจริง ๆ  ดูเหมือนว่าพลังของนางยังอ่อนแอเกินไป”

ขอเพียงแต่เขาพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็เป็นพอ ส่วนเรื่องอื่น ๆ คงต้องแล้วแต่เขา

ไม่นานนัก เงาร่างบุรุษผู้น่าหลงใหลนี้ก็ลอยพลิ้วหายไปบนท้องฟ้ายามรัตติกาล

……

วันต่อมา ร่างกายของมู่อวู่ซวงฟื้นตัวขึ้นมาก มู่เฉียนซีไปเยี่ยมที่เรือนอวู่โยว นางยิ้ม กล่าวถามขึ้นว่า “ท่านอาเล็กอาการเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ ?”

“ซีเอ๋อร์อุตส่าห์หาสมุนไพรวิญญาณระดับเก้ามาช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าจะทำให้ความพยายามของซีเอ๋อร์สูญเปล่าไปได้อย่างไรเล่า” มู่อวู่ซวงกล่าว แย้มรอยยิ้มอ่อนโยนให้หลานสาวตรงหน้า

“การที่ได้สมุนไพรวิญญาณนี้มา มันก็มิใช่เรื่องยากอะไรเลยท่านอาเล็ก ข้าเพียงแค่ทำไก่ทอด มันทอด ขนมปัง และเนื้ออร่อย ๆ ให้นักกินได้กิน เขาก็พอใจมากแล้ว”

“ข้ายังไม่เคยได้กินฝีมือซีเอ๋อร์บ้างเลย”

“เช่นนั้นคราหน้า ข้าจะทำเพิ่มสองสำรับ”

มู่อวู่ซวงพยักหน้า ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม “อืม”

“ซีเอ๋อร์ วันนี้เจ้ายุ่งหรือไม่ ?” มู่อวู่ซวงกล่าวถาม

“ขอเพียงแค่สุขภาพของท่านอาเล็กกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมในเร็ววัน ข้าก็ไม่มีเรื่องยุ่งอันใด”

“ในเมื่อซีเอ๋อร์ว่างก็ไปจวนตระกูลโอวหยางกับอาสักหน่อยเป็นไร ?” ใบหน้าขาวราวหยกขาวของมู่อวู่ซวง ฉายแววจิตสังหารเล็กน้อย

“ท่านอาเล็ก ข้าว่าท่านอาพักฟื้นอีกสักสองวันก่อน แล้วเราค่อยไปดีไหม ?”

“ไม่จำเป็นหรอกซีเอ๋อร์ ตอนนี้ข้าแข็งแรงดีแล้ว คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนตระกูลโอวหยางจะกล้าสมรู้ร่วมคิดกับสำนักจี๋หั่วเพื่อทำร้ายซีเอ๋อร์ ข้าไม่มีวันปล่อยพวกมันไปแน่นอน”

มู่เฉียนซีพยักหน้า กล่าวอย่างแข็งขัน “ได้เลยท่านอาเล็ก! ในเมื่อสำนักจี๋หั่วถูกจิ่วเยี่ยทำลายจนสิ้นซากแล้ว เช่นนั้นต่อไปก็เป็นคราของตระกูลโอวหยางบ้าง”

……

“จื่อเอ๋อร์ รีบหนีออกไปจากแคว้นจื่อเยี่ยให้เร็วที่สุด” ด้านหลังจวนตระกูลโอวหยาง โอวหยางจูรีบผลักโอวหยางจื่อให้รีบขึ้นรถม้าเพื่อที่จะได้หนีไป

โอวหยางจื่อ “ท่านพ่อ ข้าไม่ไป! ตระกูลโอวหยางของพวกเรายังมีฮ่องเต้และองค์ไทเฮาคอยหนุนหลังอยู่ อีกอย่าง เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนในสำนักจี๋หั่วลงมือทั้งสิ้น ความสัมพันธ์ของเจ้าสำนักกับตระกูลโอวหยางมิได้สนิทชิดเชื้ออะไรนัก มู่เฉียนซีกับมู่อวู่ซวงคงไม่ฆ่าข้าตามอำเภอใจเช่นนั้นหรอก …หลังจากที่ข้าออกไปจากแคว้นจื่อเยี่ย ข้าก็ไม่ใช่คุณชายแห่งตระกูลโอวหยางอีกต่อไปแล้ว มิวายต้องกลายเป็นผู้ระหกระเหินเร่ร่อน ท่านพ่อต้องการบีบบังคับให้ข้าไร้ซึ่งหนทาง เดินทางไปสู่ความตายใช่หรือไม่ ?”

โอวหยางจูจนปัญญา กล่าวว่า “แม้ว่าเจ้าจะไม่มียศถาบรรดาศักดิ์เช่นเดิม แต่เจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่รอด รอให้เรื่องซาไปช่วงหนึ่ง ข้าจะหาวิธีแก้แค้นปลิดชีพนางปีศาจมู่เฉียนซีและท่านอาของนางให้ตายอย่างไร้แผ่นดินกลบฝัง ถึงครานั้นข้าจะรับเจ้ากลับมา เจ้าวางใจได้ ทายาทของตระกูลโอวหยางจะเป็นเจ้าตลอดไป”

ขณะเดียวกันนั้นเสียงอันเย็นยะเยือกดังขึ้น “โอวหยางจู เมื่อครู่เจ้าว่าจะปลิดชีพใครให้ตายอย่างไร้แผ่นดินกลบฝังนะ ?”

ร่างของสตรีชุดสีม่วงกำลังเข็นรถเข็นของชายชราในชุดขาวมาอย่างช้า ๆ โอวหยางจูเห็นเช่นนี้ก็ตกใจกลัวจนหัวหด “มะ… มะ… มู่อวู่ซวง…”

พากันมาเร็วเหลือเกิน เร็วเกินกว่าที่ตระกูลโอวหยางได้คาดไว้เสียอีก ‘เพิ่งจะได้ยินมาว่าตอนที่มู่อวู่ซวงโดนจับตัวไป ตอนนั้นร่างกายของเขาร่อแร่เต็มทีราวกับใกล้จะตาย เหตุใดตอนนี้ถึงได้สบายดีเช่นนี้กัน ?’

โอวหยางจูกล่าว น้ำเสียงเกรี้ยวกราด “องครักษ์เงาตระกูลโอวหยางรับคำสั่ง รีบพาคุณชายใหญ่หนีไปให้เร็วที่สุด!”

ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็สั่งองครักษ์เงาทันทีว่า “องครักษ์เงาตระกูลมู่ฟังข้า จัดการกับองครักษ์เงาตระกูลโอวหยางให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ผู้เดียว จัดการมันให้สิ้นซาก”

“ขอรับ!”

ตระกูลโอวหยางมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสำนักจี๋หั่ว ความโกรธแค้นภายในใจของพวกเขานั้นมิอาจไปลงกับสำนักจี๋หั่วได้แล้ว ครั้งนี้จึงต้องแก้แค้นกับตระกูลโอวหยาง  เงาลับตระกูลมู่ลงมือ อีกทั้งยังมีโต้วอิ่งผู้เป็นถึงราชาแห่งภูตระดับเก้า หึ ๆ ฝันร้ายของเหล่าบรรดาข้ารับใช้ตระกูลโอวหยางได้มาถึงแล้ว

โอวหยางจูกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “มู่อวู่ซวง นี่เจ้ากล้าลงมือกับคนของข้าในจวนของข้าเยี่ยงนี้เชียวรึ ? เจ้าบังอาจยิ่งนัก!”

— ฟิ้ว! —

โอวหยางจูยกเท้ากระโดดขึ้น พุ่งตรงเข้าใส่มู่อวู่ซวง เขาได้รับการฝึกฝนจนเป็นถึงราชายอดยุทธ์ระดับเก้า มีหรือที่คนอย่างเขาจะจัดการคนพิการย่างมู่อวู่ซวงไม่ได้ ทันใดนั้นมู่อวู่ซวงกล่าวด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว

“รู้จักความตายน้อยไปเสียแล้ว!”

— ปัง! —

มู่อวู่ซวงโบกมือ ฉับพลันทันใดร่างของโอวหยางจูกระเด็นลอยไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่  เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าพลังของตนกับมู่อวู่ซวงนั้นจะห่างชั้นกันถึงเพียงนี้

“ท่านพ่อ” โอวหยางจื่อตะโกนก้อง ขณะเดียวกันนั้น เข็มยาเย็นยะเยือกพุ่งตรงไปเจาะเข้าที่คอของเขาทันที

“จะ… เจ้าวางยาพิษอะไรข้า ?” สีหน้าของโอวหยางจื่อซีดขาวราวกระดาษ

มู่เฉียนซีแค่นเสียง “เหอะ! เพียงแค่นี้เจ้าก็กลัวแล้วรึ ? ตอนที่เจ้าข่มขู่ข้า ดูเจ้ากล้าหาญกว่านี้มาก”

“ขะ… ข้า…” ร่างของโอวหยางจื่อในตอนนี้สั่นเทิ้ม ส่วนร่างโอวหยางจูล้มไป เขาลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก “มู่เฉียนซี รีบแก้พิษให้บุตรชายข้าเดี๋ยวนี้ นางปีศาจอายุน้อย!”

โอวหยางเหว่ยตายจากไปแล้ว คุณชายรองโอวหยางเฉียงกลายเป็นคนจิตวิปริต ส่วนคุณชายสามโอวหยางเวยกลายเป็นคนพิการ เขาเหลือเพียงบุตรชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น จะไม่ยอมยืนดูนางปีศาจมู่เฉียนซีวางยาพิษบุตรชายผู้นี้ให้ตายตกไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้เด็ดขาด

“น้องสาวของข้าเป็นถึงองค์ไทเฮาแห่งแคว้นจื่อเยี่ย ตระกูลโอวหยางเป็นญาติสนิทชิดเชื้อกับราชวงศ์ หากตระกูลมู่กล้าคิดจะฆ่าเครือญาติของราชวงศ์แล้วล่ะก็ มิวายต้องโดนประหารเก้าชั่วโคตรเป็นแน่ เรื่องที่เจ้าสังหารคนของข้าข้าจะไม่เอาความ แต่เจ้าต้องรีบแก้พิษให้บุตรชายของข้าเสียเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะเปิดโปงเรื่องนี้ออกไปให้ผู้คนทราบกันทั่วแคว้น”

มู่เฉียนซีกล่าววาจาเย็นชา “เหอะ ๆ ท่านลุงของฮ่องเต้ ข้ารู้ดีว่าตระกูลของท่านเป็นญาติสนิทกับราชวงศ์ พวกท่านคิดจะเปิดโปงเรื่องนี้แต่ข้าไม่ต้องการเช่นนั้น ตระกูลมู่ของเราไม่มีอำนาจจะจัดการกับพวกท่าน เช่นนั้นท่านก็เข้าวังหลวงไปกราบทูลฮ่องเต้สิ!”

“กราบทูลฮ่องเต้” โอวหยางจูผงะไปครู่หนึ่ง

มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “หากไม่ไป ท่านก็รอดูบุตรชายของท่านตายด้วยยาพิษข้าไปก็แล้วกัน ฮ่า ๆ ๆ!”

“ท่านพ่อ! ข้ายังไม่อยากตาย ช่วยข้าด้วย…”

โอวหยางจูกัดฟันแน่น เขาไร้ทางเลือก “ตกลง ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถรับประกันได้ว่าซวนหยวนจือจะปกป้องบุตรชายได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องลองดู

เมื่อได้ยินว่ามู่เฉียนซี มู่อวู่ซวง และสองพ่อลูกตระกูลโอวหยางจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ องค์ชายซวนหยวนหลี่ซางรีบเข้าไปขัด กล่าวขึ้น “ท่านอา ท่านชายอวู่ซวง เวลานี้เสด็จพ่อทรงประชวร ท่านมีเรื่องอันใดก็บอกกับข้าได้เลย”

มู่เฉียนซี “ข้าต้องการฆ่าโอวหยางจื่อกับลูกพี่ลูกน้องของท่าน เรื่องนี้ท่านตัดสินได้หรือไม่ ?”

เมื่อได้ยินความประสงค์นาง ใบหน้าซวนหยวนหลี่ซางแข็งทื่อราวขอนไม้ทันที “เอ่อ… ผู้นำตระกูลมู่ มีเรื่องอันใดเจ้าก็ค่อย ๆ คุยกันได้หรือไม่ ถึงอย่างไรแล้วท่านพี่ก็ถือว่าเป็นหลานของฮ่องเต้แคว้นจื่อเยี่ย”

— ตูม! —

พลังอันแข็งแกร่งแผ่ออกมาจากส่วนลึกของในวัง โอวหยางจูถึงกับผงะไปชั่วขณะ

“จักรพรรดิยอดยุทธ์ นั่นมันพลังของจักรพรรดิยอดยุทธ์! คนในวังได้เลื่อนขั้นเป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์แล้ว”

สำเร็จแล้ว ในที่สุดเสด็จพ่อก็บรรลุเป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์ ใบหน้าซวนหยวนหลี่ซางเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นดีใจ ในเมื่อเสด็จพ่อบรรลุเป็นถึงจักรพรรดิยอดยุทธ์ เช่นนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวมู่อวู่ซวงอีกต่อไป

ในที่สุดวันที่มู่อวู่ซวงหยิ่งผยองก็จะจบลงเสียที ทุกอย่างของตระกูลมู่จะตกเป็นของราชวงศ์ซวนหยวน

.