ตอนที่134: ความโกรธของตระกูลเทียนซ่ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่134: ความโกรธของตระกูลเทียนซ่ง

เมื่อได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินวางแผนที่จะหนี หนึ่งในเซียนผู้เชี่ยวชาญก็ร้องออกมาทันที “ขวางเขาเอาไว้เร็ว ! อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้”

ทหารรับจ้างที่ระวังตัวอยู่รอบ ๆ เซียนผู้เชี่ยวชาญก็พุ่งเข้าไปขวางทางเจี้ยนเฉินทันที อาวุธเซียนในมือของพวกเขาฟันลงไปที่เจี้ยนเฉินทันที และแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งเพียงใด แต่คนที่เข้าไปขวางเขาก็ไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย

เจี้ยนเฉินลอยตัวออกจากเส้นทางหลักไปยังข้าง ๆ เขาหลบกำลังอาวุธเซียนหลายอัน ในขณะที่แขนขวาของเขากระตุกกระบี่วายุโปรยให้ร่ายรำอย่างรุนแรงไปรอบ ๆ ทหารรับจ้างที่พยายามจะขวางเขาไว้ล้มลงไปที่พื้นทีละคนทีละคน เซียนหรือเซียนระดับสูงจะไปสามารถป้องกันเจี้ยนเฉินที่ใช้ย่างก้าวพริบดาได้อย่างไร ?หลังจากที่ฆ่าทหารรับจ้างไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เจี้ยนเฉินก็หมุนร่างกายออกไปอย่างไม่ลังเลและเริ่มที่จะหนีห่างจากทหารรับจ้าง

ในขณะที่คนที่สังเกตการณ์ต่อสู้อยู่ก็หลบไปจากทางทันทีในขณะที่พวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินพุ่งไปที่พวกเขา มันเหมือนกับพวกเขานั้นกลัวว่าการขวางทางเจี้ยนเฉินจะทำให้พวกเขาประสบชะตากรรมเดียวกันกับสมาชิกของตระกูลเทียนซ่ง เจี้ยนเฉินต่อสู้กับตระกูลเทียนซ่งด้วยตัวของเขาเองในขณะที่เขาได้ฆ่าจอมยุทธระดับสูงไปหลายคน และยังฆ่าแม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญในระดับสูงสุดไปถึง 2 คน และเขาก็ไม่กลับตระกูลเทียนซ่งเลย เรื่องที่ฆ่านายน้อยของตระกูลก็ได้ทำให้ทหารรับจ้างกลัวจนไม่กล้าไปทำให้เขาโกรธแล้ว จริงจริงแล้ว บางคนเริ่มที่จะคิดว่าเขานั้นเป็นคนที่มีความแข็งแรงในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ คนประเภทนี้นั้นเป็นคนที่หาได้ยากแม้แต่ในกลุ่มทหารรับจ้างใหญ่

เจี้ยนเฉินเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมาก ในเวลาอันสั้น เขาก็อยู่ห่าง 30 เมตรจากกลุ่มทหารรับจ้างที่กำลังจ้องมองเขา แล้วในตอนนี้เอง เพราะว่ามีเวลาไม่พอ พวกทหารรับจ้างที่จ้องมองเขาอยู่จึงไม่เร็วพอที่จะเปิดทางให้เขา

ในตอนที่เจี้ยนเฉินกำลังจะไปถึงที่กลุ่มทหารรับจ้าง เท้าทั้งสองของเขาก็กระทืบลงไปบนพื้นทันทีและส่งให้ร่างทั้งร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ เท้าของเขายังอยู่ในท่าวิ่ง แรงที่เขาใช้กระโจนขึ้นไปนั้นมหาศาลซึ่งทำให้เขาลอยขึ้นไป 10 เมตรเหนือพวกทหารรับจ้าง ทันทีที่ร่างของเขาแตะไปบนพื้นเขาก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง

“ตามเขาไป ! เร็วไล่ตามไป ! อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ ! “

“จับเขาเอาไว้เร็ว ! “

“เขากำลังหนีออกจากเมือง ! ใครก็ได้ไปส่งข้อความให้ทหารของเมืองปิดประตู ! “

เสียงตะโกนอย่างร้อนรนและโกรธเกรี้ยวดังออกมา ในขณะที่ทหารรับจ้างพุ่งเข้ามาจากด้านหลังพร้อมเสียงบาดหู เซียนผู้เชี่ยวชาญบางคนตามเจี้ยนเฉินไปและกระโจนออกจากกลุ่มผู้สังเกตการณ์ก่อนที่จะหายไปในถนน ทหารรับจ้างที่อยู่ในระดับเซียนระดับสูงและเซียนตามหลังอย่างรวดเร็ว

“โฮ้ก ! “

ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเข้าไปที่ถนน เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังมาจากด้านหลัง เสียงคำรามทำให้ทั้งถนนสั่นสะเทือนเกือบจะเหมือนแผ่นดินไหว

ทหารรับจ้างที่กำลังยืนดูอยู่รอบรอบก็หลบทางจากถนนทันทีในขณะที่สัตว์อสูรที่เหมือนวัวกำลังวิ่งเข้ามา คนที่อยู่บนหลังสัตว์อสูรเป็นชายวัยกลางคนกำยำที่อยู่ในชุดคลุมสีทอง จากลักษณะของเขา เขาดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 50 ปี และท่าทีที่เคร่งเครียดของเขาก็ยิ่งทำให้เขาดูภูมิฐาน ตาที่ดำเหมือนยามค่ำคืนของเขาส่องประกายเย็นชาออกมา ทำให้ทหารรับจ้างที่อ่อนแอไม่สามารถมองเขาที่ใบหน้าได้

ในเมืองที่ห่างไกลอย่างเมืองเวค คนที่มีความสามารถในการขี่สัตว์อสูรนั้นหาได้ยาก อย่างไรตาม สิ่งที่แน่นอนสิ่งหนึ่งก็คือ ถ้าคนที่กำลังขี่สัตว์อสูรไม่ใช่จอมยุทธระดับสูงก็ต้องเป็นคนที่มาจากตระกูลชั้นสูง นี่เป้นเพราะมีเพียงคนสองประเภทนี้เท่านั้นที่สามารถใช้สัตว์อสูรเป็นยานพาหนะได้

มีกลุ่มทหารรับจ้างประมาณ 50 คนตามชายวัยกลางคนที่ขี่สัตว์อสูรมา แต่ละคนยืนอย่างเป็นรูปแบบและมีท่าทางเคร่งเครียด และพวกเขาดูเหมือนทหารที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดี

ในช่วงเวลาที่ชายวัยกลางคนเข้ามาอยู่ในสายตา สายตาของทุกคนก็จดจ้องไปที่เขา ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลก ๆ ทหารรับจ้างที่สังเกตการณ์อยู่รอบ ๆ ก็พูดคุยกัน

“นั่นใช่หัวหน้าของตระกูลเทียนซ่ง เทียนซ่งหลีหรือไม่ ? ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะมาถึงเร็วขนาดนี้”

“ว่ากันว่าเขาไม่ใช่แค่ตระกูลเทียนซ่งเท่านั้นแข็งแกร่งที่สุดในเมืองเวค แต่หัวหน้าตระกูลก็แข็งแกร่งมากมากด้วยเช่นกัน เขาอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษขั้นกลาง และเขาก็มีพลังป้องกันที่ได้มาจากพลังเซียนธาตุดินด้วยเช่นกัน ในเมืองเวค มีน้อยคนนักที่จะต่อกรกับตระกูลเทียนซ่ง เทียนซ่งหลีได้”

“นายน้อยของตระกูลเทียนซ่งเป็นผลงานการทำงานอย่างหนักหลายปีของเทียนซ่งหลี มันหนักมากที่เขาเลี้ยงลูกชายเขาขึ้นมา พูดได้เลยว่ามันหนักตั้งแต่ตอนที่ลูกของเขาเกิดเลย ตั้งแต่ที่ลูกของเขาเกิดมา เทียนซ่งหลีก็ทำเหมือนกับว่าลูกของเขานั้นเป็นสมบัติล้ำค่า ข้าไม่รู้ว่าเทียนซ่งหลีจะโกรธขนาดไหนเมื่อรู้ว่าลูกชายของเขาถูกฆ่า ลูกของเขาเป็นตัวเลือกเพียงคนเดียวที่จะสืบทอดตำนานของตระกูลเทียนซ่ง…”

เทียนซ่งหลีที่กำลังนั่งอยู่บนหลังของสัตว์อสูรจ้องลงไปที่ทหารรับจ้างที่อยู่เบื้องล่างของเขาด้วยสายตาเย็นชา อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ตาของเขาหยุดไปอยู่ที่ชายหนุ่มในชดขาวที่อยู่บนพื้น ตาของเขาก็แข็งทื่อในขณะที่จิตสังหารก็พุ่งออกมาจากเขา ใบหน้าของเขาเริ่มแดงและแม้แต่ลมหายใจของเขาติดขัด และท่าทางบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเหลือเชื่อ

“คังเอ๋อ!” เทียนซ่งหลีร้องออกมาด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย เขากระโดดลงมาจากหลังสัตว์อสูรและวิ่งไปหาบุตรชายของเขาที่นอนอยู่ด้วยตาที่เบิกกว้าง ใบหน้าของเทียนซ่งหลีซีดลงอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาตรวจดูใบหน้าที่คุ้นเคยมากที่อยู่บนพื้นด้วยความตกใจมาก

“คังเอ๋อ ! ” เทียนซ่งหลีร้องออกมาอย่างปวดร้าวในขณะที่เขาเขย่าไหล่ของคนหนุ่มด้วยมือทั้งสองข้าง เขาสัมผัสได้ถึงร่างกายที่เย็นเฉียบ หัวใจของเทียนซ่งหลีรู้สึกเหมือนแตกสลาย จากประสบหารณ์ที่ผ่านมาของเขา เขารู้ว่าคนคนนี้นั้นหยุดหายใจและตายไปแล้ว

“คังเอ๋อ ! คังเอ๋อ ! “

เทียนซ่งหลีร้องคร่ำครวญออกมาอย่างโศกเศร้าต่อในขณะที่น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากตาของเขา น้ำตาใสใสของเขาไหลออกมาจากตาและไหลลงไปที่ใบหน้าที่แน่วแน่ของลูกชายของเขาช้า ๆ ในที่สุดน้ำตาก็หล่นไปที่พื้นและแตกกระจายไป

เทียนซ่งคังเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเทียนซ่งหลี เพราะว่าร่างที่บาดเจ็บของเขา เขาจึงไม่สามารถที่จะมีลูกได้อีก แต่ลูกคนนี้เป็นความสำเร็จที่เขาภูมิใจที่สุด และเขาก็รักลูกของเขามาก ตั้งแต่ที่มันเป็นไปได้ที่เขาเกิดมีลูกขึ้นมา เทียนซ่งคังก็เป็นดั่งสมบัติที่รักของตระกูล แต่ในตอนนี้ความภาคภูมิใจและความยินดีของเทียนซ่งหลีก็ได้ถูกฆ่าไปแล้ว หัวใจของเขาถูกควักและแหลกสลายไปอย่างอธิบายไม่ได้ด้วยคำพูด

เทียนซ่งหลีดูมีอายุประมาณ 40-50 ปี แต่เนื่องด้วยอายุขัยปกติของคนที่อยู่ในทวีปเทียนหยวน เช่นเดียวกันกับระดับการฝึกฝนของเขา จริงจริงแล้วเขาจึงมีอายุ 70 ปี และด้วยอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในอดีต ทำให้เขาไม่สามารถมีบุตรได้อีกแล้ว

“ใครกันที่ฆ่าคังเอ๋อของข้า ? ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ข้า เทียนซ่งหลี จะฉีกร่างมันเป็นพัน ๆ ชิ้น ! “