ค่ายกลซ้อนค่ายกล

แปลโดย iPAT

 

ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นมาก

 

ทรัพยากรอมตะที่อยู่ในมือของเขาถือเป็นสมบัติล้ำค่า กระทั่งในชีวิตก่อนหน้า เขาก็ไม่เคยครอบครองสมบัติระดับนี้

 

มันเป็นทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้า ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

 

ฟางหยวนไม่ใช่ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมแต่เขายังรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ทรัพยากรอมตะล้ำค่าก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้นั่นเอง

 

เหตุใดวิญญาณจึงมีพลัง? เพราะมันเป็นภาชนะที่ใช้บรรจุพลังงานแห่งเต๋า

 

การกระตุ้นใช้งานวิญญาณก็คือการหยิบยืมพลังอำนาจของสวรรค์พิภพ ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้วิญญาณจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์ออกมา

 

ยิ่งมีพลังงานแห่งเต๋ามากเท่าใด มันก็ยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น

 

การหลอมรวมวิญญาณก็คือการผสานพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากเข้าด้วยกัน

 

ด้วยทรัพยากรอมตะที่ฟางหยวนได้รับ มันสามารถใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด!

 

“ปีกผึ้งชิ้นนี้คล้ายกับปีกผึ้งลายเสือบนเส้นทางแห่งโลหะ หากข้าต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโลหะ มันจะมีประโยชน์มาก แต่น่าเสียดาย วิญญาณอมตะที่ข้าต้องการคือวิญญาณอมตะความคิดดารา”

 

ฟางหยวนเก็บปีกผึ้งชิ้นนี้อย่างระมัดระวัง

 

มันไม่มีประโยชน์ในเวลานี้แต่เขาอาจต้องใช้มันในอนาคต

 

กระทั่งฟางหยวนจะไม่ใช้งานมันด้วยตนเองแต่เขายังสามารถขายมันในสวรรค์สีเหลือง

 

“ในที่สุดข้าก็ได้รับกำไรบางอย่าง” ฟางหยวนไตร่ตรองเรื่องต่างๆ เขาไม่รีบร้อนไปยังจุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณ

 

เขาเริ่มสำรวจพื้นที่ใกล้เคียง

 

หลังจากไม่นาน เขาก็พบทรัพยากรอมตะระดับแปดอีกชิ้นแม้มันจะมีพลังงานแห่งเต๋าน้อยกว่าปีกผึ้งก็ตาม

 

ฟางหยวนหยิบมันขึ้นมา ทรัพยากรอมตะชิ้นนี้ไม่เปลี่ยนสภาพเป็นทรายสีม่วงเช่นกัน

 

“ดูเหมือนว่าทรัพยากรอมตะระดับนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากค่ายกลวิญญาณและกลายเป็นทรายสีม่วง”

 

ทรัพยากรอมตะชิ้นนี้อ่อนนุ่มมากและไม่มีรูปทรงที่แน่นอน

 

“เมฆ?” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

มันเป็นก้อนเมฆที่เต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเมฆา

 

“บางทีมันอาจจะเป็น…” ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดถึงความน่าจะเป็นบ่างอย่าง

 

เขากระตุ้นใช้วิญญาณและพ่นไอน้ำออกมาจากปาก

 

เมื่อทรัพยากรอมตะชิ้นนี้ถูกปกคลุมไปด้วยไอน้ำ มันเริ่มลอยขึ้นจากฝ่ามือของฟางหยวนและกลายเป็นก้อนเมฆเล็กๆ ในรูปลักษณ์ของวิหคเพลิง ปีกของวิหคเพลิงกระพืออย่างช้าๆ และทำให้ก้อนเมฆลอยค้างอยู่กลางอากาศ

 

ร่างกายของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น “ดังคาด! มันคือชิ้นส่วนร่างกายของวิหคเพลิงเมฆาแรกกำเนิด!”

 

หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก

 

วิหคเพลิงเมฆาแรกกำเนิดไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากห้าภูมิภาค มันเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่อาศัยอยู่ในสวรรค์สีขาวเท่านั้น

 

มันไม่มีสายเลือดของวิหคเพลิงที่แท้จริง แต่มันเป็นก้อนเมฆโบราณที่ดูดซับกลิ่นอายของวิหคเพลิงมาอย่างยาวนานและเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษไปในที่สุด

 

ด้วยเหตุนี้ร่างกายของมันจึงไม่มีเลือดเนื้อแต่ถูกสร้างขึ้นจากก้อนเมฆ

 

สิ่งที่ฟางหยวนได้รับเป็นเพียงเศษเสี้ยวของร่างกายวิหคเพลิงเมฆาแรกกำเนิดแต่พลังงานแห่งเต๋าของมันยังเหนือกว่าทรัพยากรอมตะระดับหกนับสิบเท่า

 

การค้นพบวิหคเพลิงเมฆาแรกกำเนิดคือการยืนยันความคิดของฟางหยวน

 

เขาสำรวจรอบนอกของพื้นที่วงกลมและได้รับกำไรมหาศาล

 

เขาได้รับทรัพยากรอมตะสิบแปดชิ้นที่อยู่บนเส้นทางที่หลากหลาย มีสามชิ้นที่มีพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดวงดาวหรือปัญญา พวกมันจะเป็นความช่วยเหลือชั้นยอดในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดาราของฟางหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย

 

หลังจากได้รับทรัพยากรอมตะสามชิ้นนี้ กล่าวได้ว่าฟางหยวนสามารถลืมข้อตกลงระหว่างเขากับนางมารผลาญสวรรค์ไปได้เลย

 

แน่นอนว่าฟางหยวนต้องปรับเปลี่ยนเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณเช่นกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ด้วยแสงแห่งปัญญาและความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ไขเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา

 

“แม้ทรัพยากรเหล่านี้จะล้ำค่าแต่พวกมันก็เป็นเพียงเศษชิ้นส่วนของซากศพเท่านั้น ผู้ใดสร้างที่นี่ขึ้นมากันแน่? พวกเขาใช้ทรัพยากรอมตะล้ำค่ามากมาย เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาพยายามหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเก้า?”

 

ฟางหยวนคาดเดา

 

ระหว่างรวบรวมทรัพยากรอมตะ ฟางหยวนตระหนักถึงบางสิ่ง

 

ในพื้นที่บริเวณนี้เคยมีค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจัดตั้งอยู่

 

เมื่อรวมกับทรัพยากรอมตะที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป คนผู้หนึ่งสามารถมองเห็นความทะเยอทะยานของผู้สร้างได้อย่างง่ายดาย

 

แต่น่าเสียดายที่การหลอมรวมวิญญาณของคนผู้นี้ล้มเหลวและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่

 

ไม่เพียงค่ายกลวิญญาณที่ถูกทำลาย ทรัพยากรเกือบทั้งหมดก็ถูกทำลายและทิ้งไว้เพียงเศษชิ้นส่วนเหล่านี้เท่านั้น

 

“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด พวกเขาก็ต้องตายเพราะแรงระเบิด มิเช่นนั้นค่ายกลวิญญาณนี้จะถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ดูแลมาอย่างยาวนานได้อย่างไร”

 

แม้ทรัพยากรอมตะเหล่านี้จะเป็นเพียงเศษชิ้นส่วนเล็กๆน้อยๆแต่พวกมันก็มีค่ามาก

 

หากปีศาจอมตะเซี่ยหูรู้เรื่องนี้ เขาจะทิ้งใบหน้าและมาที่นี่เพื่อเก็บกวาดทรัพยากรอมตะทั้งหมด

 

เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

“เห้อ…ผู้ใดจะรู้ว่ามีผู้อมตะเสียชีวิตอยู่ที่นี่มากเท่าใด?”

 

ฟางหยวนปัดเป่าความคิดก่อนจะเคลื่อนที่เข้าไปในส่วนลึกที่สุดของสถานที่แห่งนี้

 

แม้จะได้รับทรัพยากรอมตะมากมายแต่ฟางหยวนยังรู้สึกผิดหวังเนื่องจากข่าวลือในชีวิตก่อนหน้ากล่าวถึงวิธีลบสถานะผีดิบ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้เขายังไม่พบเบาะแสใดเกี่ยวกับมัน

 

ในความคิดของฟางหยวน หากเขาไม่พบวิธีลบสถานะผีดิบที่จุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณนี้ มันก็จะไม่อยู่ที่อื่น

 

ที่จุดศูนย์กลาง ทรายสีม่วงละเอียดกว่ารอบนอกมาก

 

ไม่มีทรัพยากรอมตะ

 

ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น

 

แต่ภายใต้วิธีการตรวจสอบของฟางหยวน เขาพบเศษซากของค่ายกลวิญญาณอยู่ลึกลงไปในชั้นทราย

 

“มันคือจุดศูนย์กลางของมิติแห่งนี้!”

 

“ช่างน่าอัศจรรย์นัก มันเป็นค่ายกลวิญญาณที่ซ้อนทับอยู่ในค่ายกลวิญญาณ นี่ต้องเป็นผลงานของปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่!”

 

ฟางหยวนตรวจสอบและรู้สึกตกตะลึง

 

มิติแห่งนี้เป็นค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่สนับสนุนค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่อยู่ภายใน

 

นอกเหนือจากนั้นฟางหยวนยังพบค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งอาหาร ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผี และค่ายกลวิญญาณสนับสนุนอื่นๆ อีกมากมาย

 

เส้นทางแห่งอาหารเป็นสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ มันยากที่จะพบเห็นในยุคปัจจุบัน

 

ฟางหยวนไม่มีความเข้าใจเส้นทางแห่งอาหารมากนักแต่เขายังรู้ว่ามันเกี่ยวกับการให้อาหารวิญญาณ

 

“ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งอาหารควรมีไว้เพื่อเลี้ยงดูวิญญาณ ค่ายกลวิญญาณทั้งหมดนี้แน่นอนว่าประกอบไปด้วยวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน”

 

“มีค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งอาหารสองหรือสามค่ายกลที่เหลืออยู่ มันยากที่จะจินตนาการว่าหลังจากการระเบิดครั้งใหญ่ ค่ายกลวิญญาณเหล่านี้สามารถรอดมาได้อย่างไร?”

 

“บางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติยังดำรงอยู่มาจนถึงวันนี้”

 

“นั่น…ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผี!” ฟางหยวนค้นพบสิ่งใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีถูกทำลายไปแล้วแต่ยังเหลือวิญญาณอยู่สองหรือสามดวงที่ฝังตัวอยู่ในพื้นทราย

 

ฟางหยวนมีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับเส้นทางแห่งภูตผี แต่ที่ไท่ชิว ตงฟางชางฟานเคยใช้ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ฟางหยวนจะไม่รู้เลยว่ามันคือค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผี

 

“ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีใช้ป้องกันการโจมตีจากภายนอก บางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ค่ายกลวิญญาณหลายค่ายกลสามารถรอดจากการระเบิดครั้งใหญ่มาได้”

 

“ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมหลายคนมีค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและค่ายกลวิญญาณสนับสนุนอื่นๆ เพื่อช่วยในการหลอมรวมวิญญาณ ด้วยค่ายกลวิญญาณเหล่านี้ พวกเขาจะสามารถประหยัดเวลาและพลังงานของตนเอง มันยังช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของการหลอมรวมวิญญาณอีกด้วย ตัวอย่างเช่นกองกำลังภูเขาหิมะ พวกเขามีค่ายกลวิญญาณที่ยอดเยี่ยมที่สุดของภาคเหนือ มันเป็นค่ายกลวิญญาณที่ซ้อนทับกันถึงสิบสองชั้น”

 

ความคิดของฟางหยวนเริ่มปั่นป่วน

 

เขาสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมได้เช่นกัน

 

แต่ค่ายกลวิญญาณของเขาเป็นเพียงค่ายกลทั่วไปที่ไม่ซับซ้อน

 

หลังจากทั้งหมดพวกเขาต้องมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกล

 

แน่นอนว่าระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนต่ำมาก

 

เป็นเรื่องปกติที่คนผู้หนึ่งจะมีเวลาและพลังอำนาจที่จำกัด แม้ฟางหยวนจะประสบความสำเร็จในบางแง่มุม แต่เขาก็ยังด้อยกว่าคนอื่นๆ ในหลายแง่มุม