ตอนที่ 810 ช่วยจัดงานแถลงข่าวให้ฉันหน่อยนะคะ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“เธอตายแล้วเหรอครับ” ลู่เช่อรีบถามขึ้น

 

 

“ใช่ค่ะ เธอจากไปอย่างน่าเสียดาย” พยาบาลพยักหน้า “นอกจากจะกรีดข้อมือแล้วเธอยังแทงตัวเองทำให้อวัยวะสำคัญได้รับความเสียหาย ระหว่างที่เราพยายามจะช่วยเธอหัวใจของเธอก็หยุดเต้นไป”

 

 

“ไม่เพียงแต่เธอจะทำร้ายคนอื่นแต่ยังทำร้ายตัวเองอีกด้วย” ลู่เช่อถอนใจออกมา

 

 

“อีกอย่าง…” พยาบาลมีท่าทางอึดอัดใจ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดออกมาในท้ายที่สุด “เธอสั่งเสียไว้ว่าคุณถังไม่ใช่คนดี เธอพูดอย่างนั้นซ้ำๆ ระหว่างที่เรากำลังพยายามช่วยชีวิตเธออยู่ค่ะ”

 

 

“สวี่ซินคนนี้ แม้ว่าเธอจะตายไปแล้วแต่ก็ยังพยายามลากคนอื่นให้ตกต่ำไปกับตัวเอง”

 

 

ทั้งโม่ถิงและถังหนิงมองไปที่ลู่เช่อ ก่อนที่โม่ถิงจะเอ่ย “จัดการเรื่องการประชาสัมพันธ์ทันทีและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ถ้ามีข่าวหลุดรอดไปฉันจะให้นายรับผิดชอบ”

 

 

“รับทราบครับ ท่านประธาน”

 

 

หลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถังหนิงก็ก้มหน้าอยู่ในภวังค์ความคิด โม่ถิงจึงดึงเธอเข้ามาปลอบในอ้อมแขน “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณสักนิด”

 

 

ทว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องที่ถึงแก่ชีวิต การมีชีวิตอยู่ และคนที่ยังมีลมหายใจ แม้ว่าถังหนิงไม่ได้ทำอะไรผิดแต่อยู่ๆ ก็มีคนจากโลกใบนี้ไปและทั้งหมดเป็นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อเธอ ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้เธอจึงตกใจและรู้สึกแย่ไม่น้อย

 

 

เธอไม่คาดฝันว่าจะได้สัมผัสประสบการณ์เช่นนี้ ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่า เธอจึงไม่คิดว่าจะมีใครยอมแพ้ให้กับมันอย่างง่ายดายขนาดนี้ โดยเฉพาะหากไม่เป็นเพราะเธอ

 

 

“ถิงคะ… โทรแจ้งตำรวจเถอะค่ะ อย่าทำให้ยุ่งยากด้วยการประชาสัมพันธ์เลยนะคะ” ถังหนิงเงยหน้าขึ้นมาทันทีก่อนขอร้องเอาไว้ “เธอทิ้งคำสั่งเสียไว้และหลายคนก็ได้ยินสิ่งที่เธอพูด มันเป็นเรื่องจริงและไม่สามารถปิดบังมันไว้ได้ อีกอย่างเดี๋ยวตำรวจก็จะจัดการสืบสวนและเปิดเผยความจริงออกมาเอง”

 

 

“คุณรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรตามมา” เขาถามเรียบๆ “ผมจะบอกคุณไว้ก่อนว่าคุณไม่ได้ทำผิดอะไร”

 

 

“ถิงคะ คุณก็เข้าใจฉันนี่คะ” เธอเอ่ยพลางดึงแขนของเขา “ต่อให้ตอนนี้คุณปิดเป็นความลับ แล้วถ้ามันถูกเปิดเผยเราจะทำยังไงกันล่ะคะ ฉันอยากจะจริงใจและเปิดเผยมากกว่า อย่างที่คุณพูดว่าฉันไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วทำไมฉันต้องกลัวด้วย”

 

 

โม่ถิงจ้องลึกเข้าไปในสายตาของถังหนิง ตอนนี้เองที่ความหงุดหงิดกลายเป็นสิ่งเดียวที่เขารู้สึก “ที่นี่คือปักกิ่งและเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง คุณจะกลายเป็นคนผิดก็ต่อเมื่อผมเป็นคนพูดเท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีใครกล้าอีกแล้ว”

 

 

หลังจากพูดจบเขาก็ต่อสายหาลู่เช่อ “โทรแจ้งตำรวจและเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟังอย่างละเอียด”

 

 

“แต่ว่าข่าวจะออกมาไม่ดีอย่างแน่นอนนะครับ”

 

 

“กลัวอะไรล่ะ”

 

 

“รับทราบแล้วครับ ท่านประธาน” ลู่เช่อวางสายและมุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจ แน่นอนว่าเมื่อมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องที่เกิดขึ้นก็ออกมาต่างออกไป

 

 

ข่าวลือว่าแย่แล้วแต่ในตอนนี้สวี่ซินยังมาตายจากไปอีก…

 

 

เธอตายแล้ว…

 

 

เป็นเรื่องจริงที่ในตอนที่เธอกำลังจะตาย เธอตะโกนว่าถังหนิงไม่ใช่คนดี…

 

 

 

 

 

 

[พระเจ้าช่วย ถังหนิงไปทำเรื่องน่ากลัวอะไรจนทำให้สวี่ซินตัดสินใจทำแบบนี้ล่ะเนี่ย]

 

 

[ฉันได้ยินว่าก่อนหน้านี้สวี่ซินข่มขู่ถังหนิงในกองถ่ายด้วยนะ]

 

 

[พวกเธอสองคนไปโกรธแค้นกันได้ยังไง ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าถังหนิงจะบังคับให้สวี่ซินฆ่าตัวตาย]

 

 

[ถึงความคิดเห็นด้านบน ฉันว่าคำว่า ‘บังคับ’ มันมากเกินไปหน่อยนะ ทำไมอยู่ๆ ถังหนิงต้องบังคับให้คนที่ไม่ได้สำคัญอะไรตายด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่าถังหนิงจะรู้สึกเบื่อหน่ายมากกว่าหรอกเหรอ]

 

 

[ถ้าไม่เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการบังคับ แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ ชักอยากรู้แล้วสิว่าถังหนิงจะออกมาตอบโต้กับเรื่องนี้ยังไง]

 

 

[ฉันละสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอ]

 

 

[ฉันก็อยากรู้หมือนกัน]

 

 

[ฉันรู้สึกว่าถังหนิงจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกปัญหาเลย]

 

 

[ให้ตายเถอะ อย่าพูดอย่างนั้นสิ เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับถังหนิงสักหน่อย]

 

 

 

 

 

 

เมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุ พอมาวันนี้ก็เกิดเหตุฆ่าตัวตายอีก เมื่อเอามาประกอบกันแล้ว สถานการณ์ก็กลายเป็นเรื่องที่รุนแรงขึ้นมาก

 

 

เว็บไซต์ทางการของไห่รุ่ยได้ปล่อยแถลงการณ์ออกมาในเวลาต่อมา อันดับแรกได้แจ้งอาการของถัง

 

 

หนิงและเผยว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บสาหัส จากนั้นจึงได้มีการระบุว่า “สำหรับเรื่องของสวี่ซินและถังหนิง เราจะรวบรวมข้อมูลที่เรามีและเปิดเผยต่อสาธารณะในเร็วๆ นี้”

 

 

นี่เป็นวิธีการของถังหนิงอย่างแน่นอน ตราบเท่าที่เธอจะแสดงความจริงใจได้ เธอก็เลือกที่จะไม่ปกป้องชื่อเสียงของตัวเองเพื่อให้เป็นผลดีกับการประชาสัมพันธ์และไม่สร้างเรื่องโกหกขึ้น แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันยากที่จะตัดขาดตัวเองออกจากเหตุการณ์ของสวี่ซิน

 

 

เธอไม่คิดที่จะแก้ต่างให้ตัวเองพ้นผิด

 

 

เพียงแค่ต้องการพูดความจริงเท่านั้น

 

 

[ที่บอกว่ารวบรวมข้อมูลหมายความว่ายังไง พวกเขาสร้างเรื่องขึ้นมาเองเหรอ คนก็ตายไปแล้ว ทำไมถังหนิงไม่ออกมาอธิบายเลยล่ะ]

 

 

[ฉันก็ว่างั้นแหละ เธอถึงขนาดให้ไห่รุ่ยออกมาจัดการเรื่องนี้ ฉันเกรงว่าครั้งนี้มันคงไม่ได้ผล]

 

 

ผลตอบรับจากสาธารณชนไม่ดีอย่างที่โม่ถิงคาดไว้ แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่เพียงไหน นี่ก็เป็นการตัดสินใจของถังหนิง ดังนั้นในฐานะสามีเขาต้องปกป้องและสนับสนุนเธอจนถึงที่สุด เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเธอไม่อธิบายทุกอย่างให้ชัดเจนกับทุกคน มันคงสร้างปัญหาให้เธอไม่จบไม่สิ้นจนไม่สามารถกลับไปถ่ายภาพยนตร์ได้อีก

 

 

“ถ้าจากนี้ไปฉันจะหยุดถ่ายหนังและอยู่บ้านดูแลคุณและลูกๆ คุณจะคิดว่ายังไงคะ”

 

 

เมื่อเห็นถังหนิงฝืนยิ้มโม่ถิงก็ปวดใจขึ้นมา “ถ้าคุณมีความสุขก็สุดแล้วแต่คุณครับ แต่ยังไงผมก็ต้องอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่างเพื่อคุณก่อน”

 

 

โชคร้ายที่มันไม่ง่ายขนาดนั้น

 

 

สำหรับสวี่ซินความตายถือเป็นการปลดปล่อย หากแต่ในสายตาของคนอื่นๆ เธอได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อเปิดเผยว่าถังหนิงเป็นคนเลว ข้อความนี้ทิ้งรอยประทับที่ฝังลึกและทำให้ภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้ที่ถังหนิงสั่งสมมาทั้งหมดถูกทำลายเสียย่อยยับ

 

 

นี่เป็นปัญหาที่รับมือยากที่สุดเท่าที่เธอเคยพบมา

 

 

ปัญหาที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ไม่สามารถแก้ไขได้

 

 

ในครู่ต่อมา หลงเจี่ยโทรหาถังหนิงและโวยวายขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปหรือเปล่าเนี่ย คุณไปทำอะไรให้เธอกัน ทำไมเธอถึงฆ่าตัวตายแบบนั้น”

 

 

ถังหนิงที่เดิมทีรู้สึกไม่ดีนัก หากแต่ทันทีที่ได้ยินเสียงของหลงเจี่ย เธอก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา “มั่นใจว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเหรอ”

 

 

“น่าตลกจริงๆ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน” หลงเจี่ยเย้ยหยัน “คุณเป็นนักแสดงที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจนะ ถ้าไม่มีใครไปหาเรื่องคุณ คุณก็คงไม่สนใจพวกเขาหรอกค่ะ”

 

 

“ถ้ารู้อย่างนั้นแล้ว นั่นก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”

 

 

“แต่ฉันไม่คิดว่าครั้งนี้ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์จะผ่านไปได้ง่ายๆ นะคะ” หลงเจี่ยเป็นกังวล “ฉันได้ยินจากลู่เช่อว่าคุณวางแผนจะเปิดเผยทุกอย่างกับสื่อ หมายความว่าคุณจะบอกทุกคนว่าที่ผู้หญิงเสียสติคนนั้นสั่งเสียไว้แบบนั้น และฆ่าตัวตายเพียงเพราะไม่พอใจคุณเหรอคะ”

 

 

“ถังหนิง คุณรู้ใช่ไหมว่าเรื่องนี้จะไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการประชาสัมพันธ์”

 

 

“ฉันรู้” ถังหนิงตอบ

 

 

“แต่คุณเป็นใครล่ะ คุณคือถังหนิงนะ ฉันเชื่อใจคุณค่ะ” อีกฝ่ายเอ่ยให้กำลังใจทันที “อย่างแย่ที่สุดคุณก็แค่เลิกเป็นนักแสดง จริงๆ ฉันมีความคิดที่อยากจะคุยกับคุณอยู่ คงถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ”

 

 

“บอกฉันมาสิ”

 

 

“ฉันอยากจะเปิดเอเจนซี่การจัดการค่ะ” หลงเจี่ยว่าขึ้นอย่างจริงจัง “แม่ลู่เช่อคอยดูถูกฉันอยู่เรื่อยเลย ครั้งนี้เธอยังอับอายที่ฉันมีลูกสาวด้วย ฉันเลย…”

 

 

“สมกับที่เราเป็นเพื่อนกันมาหลายปี” ถังหนิงยกยิ้ม “จริงๆ แล้วฉันก็คิดเหมือนกันกับเธอ”

 

 

“เอเจนซี่ของเราต้องไม่เหมือนใคร วงการนี้ต้องการเพียงแค่ไห่รุ่ยเดียว” หลงเจี่ยเอ่ยสำทับ

 

 

“ใช่แล้ว ฉันถึงได้บอกให้หลินเฉี่ยนหาคนที่มีความสามารถสูงที่ยังไม่มีใครไปเจอเข้าเอาไว้” ถังหนิงตอบ

 

 

“โอ้พระเจ้า ฉันรู้สึกเหมือนเราจะเห็นตรงกันอย่างน่าเหลือเชื่อเลยค่ะ”

 

 

หลังจากคุยกับหลงเจี่ยเสร็จ ถังหนิงก็วางสายและมองไปที่โม่ถิง “ถิงคะ… ช่วยจัดงานแถลงข่าวให้ฉันหน่อยนะคะ”