บทที่ 65.2 ข้าโชคดีขนาดนี้เลยรึ? (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

ขณะที่สายฟ้าแลบแปลบปลาบ อสนีบาตหลายสายก็กระหน่ำฟาดฟันลงมาเหนือท้องฟ้า เนื่องจากสี่น้อยมั่นใจในทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาของตนมาก เขาจึงไม่สามารถตอบสนองสายฟ้าเหล่านี้ได้ทันเวลา หลังจากถูกหนวดสีดำพันธนาการเอาไว้ จู่ๆ ทั่วทั้งร่างของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้าอันเป็นผลมาจากทักษะสายฟ้าของโจวเหว่ยชิง กระแสไฟฟ้าแล่นผ่านทั่วร่างกายจนทำให้ผมตั้งโด่เด่ อีกทั้งยังมีควันสีขาวลอยโขมงขึ้นมาจากลำตัว ราวกับว่าเขาเพิ่งจะถูกทอดจนไหม้เกรียม

ในเวลาเดียวกัน ลูกศรดอกที่ 2 ของโจวเหว่ยชิงก็พุ่งมาหาเขาอีกระลอก คราวนี้สี่น้อยไม่อาจขยับตัวตอบสนองได้เพราะเขากำลังถูกทักษะของโจวเหว่ยชิงควบคุมร่างเอาไว้ เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงทำได้เพียงปลดปล่อยทักษะป้องกันออกมา เกราะที่ดูวิจิตรงดงามพลันปรากฏขึ้นที่หน้าอกของเขาทันที ชั้นแสงสีเงินส่องสว่างออกมารอบๆ ตัวเขา ในเวลาเดียวกันเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการของหนวดสีดำ

แน่นอนว่าลูกศรที่ส่งตรงมาจากธนูราชันย์นั้นก็มีประสิทธิภาพในการเจาะทะลวงอยู่แล้ว เมื่อเพิ่มความสามารถในการระเบิดทำลายล้างเข้าไปด้วย ชั้นแสงสีเงินที่ก่อตัวขึ้นรอบๆ ร่างของสี่น้อยก็พลันถูกกระแทกจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือหลังจากนั้นร่างกายของเขาดูเหมือนจะแข็งทื่อไปในทันที เกราะและปีกที่อยู่ด้านหลังของเขาก็พลันสลายหายไปในเวลาเดียวกัน ไม่นานเขาก็ทิ้งตัวดิ่งลงจากท้องฟ้า

สี่น้อยบินขึ้นไปที่ความสูงเกือบ 100 หลา ถ้าเขาร่วงลงมากระแทกพื้นจริงๆ เขาจะต้องไม่รอดชีวิตอย่างแน่นอน

ลูกศรทั้ง 2 ดอกของโจวเหว่ยชิงนั้นอาจดูค่อนข้างเรียบง่าย แต่ในความจริงแล้วมีแผนการลับๆมากมายซ่อนอยู่เบื้องหลัง เมื่อสี่น้อยบินขึ้นไปในอากาศ โจวเหว่ยชิงก็เดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องมีทักษะที่ใช้สำหรับหลบหนีหรือหลบหลีกแน่นอน ด้วยเหตุนี้ ลูกศรดอกแรกของเขาจึงฝังทักษะผลกระทบวงกว้าง (AOE) ลงไปด้วย 2 ชนิด

แน่นอนว่าหนึ่งในทักษะที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างคือทักษะสัมผัสมืด ส่วนอีกทักษะหนึ่งคือทักษะโจมตีวงกว้างเพียงชนิดเดียวของเขา นั่นก็คือทักษะอสนีบาตพันสาย ทั้ง 2 ทักษะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่จุดแข็งของพวกมันคือขอบเขตการใช้งานที่กว้างมาก

ตามที่คาดไว้ สี่น้อยมีทักษะการหลบหลีกและนั่นก็ยังเป็นทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาที่โจวเหว่ยชิงโปรดปราน อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาก็ยังไม่อาจพาเขาออกจากจากขอบเขตการใช้งานของทักษะสัมผัสมืดได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกจับตัวและพันธนาการเอาไว้และเสี้ยววินาทีต่อมาทักษะอสนีบาตพันสายก็มาถึงตัวเขาทันที ถึงแม้ว่าทักษะนี้จะไม่มีพลังเพียงพอที่จะทำร้ายเขา แต่มันก็ยังสามารถทำให้เขามึนงงไปได้ชั่วขณะ ฉับพลันนั้นเขาจึงไม่สามารถควบคุมพลังปราณสวรรค์ภายในร่างกายได้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ

แน่นอนว่าช่วงเวลาสั้นๆ นั้นก็เพียงพอให้ลูกศรดอกที่ 2 ของ โจวเหว่ยชิงพุ่งมาถึงตัวเขาแล้ว ทักษะเพียงแค่ 2 ชนิดก็มากเกินพอจะทำให้สี่น้อยไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีระลอกต่อไปได้แล้ว อีกทั้งยังบังคับให้เขาต้องอยู่นิ่งๆ คอยรับการโจมตีอย่างไร้ทางเลือกอีกด้วย ในเวลานั้นไม่ว่าเขาจะเรียกใช้ทักษะป้องกันอย่างไร ทุกสิ่งก็ยังคงไร้ความหมายอยู่ดี ลูกศรดอกที่ 2 ของโจวเหว่ยชิงได้รับการเสริมพลังด้วยทักษะสมบูรณ์ 2 ชนิด นั่นก็คือทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์และทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์จะทำให้โจวเหว่ยชิงมั่นใจได้ว่าสี่น้อยจะยังถูกควบคุมอยู่ หากว่าเขาสามารถหลุดพ้นจากทักษะสัมผัสมืดได้ ในขณะที่ทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์จะทำลายปีกและโล่ศาสตรามณียุทธ์ที่เขาสวมอยู่ในทันที มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ปีก แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีปีกเป็นของตัวเอง ไม่ว่าสี่น้อยจะทรงพลังเพียงใด เขาก็ย่อมหมดหนทางหากถูกปล่อยให้ลอยเคว้างคว้างอยู่กลางอากาศ แผนการอันชาญฉลาดเช่นการบินขึ้นไปบนท้องฟ้านั้นยอดเยี่ยมมาก แต่สุดท้ายสิ่งนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่นำหายนะมาสู่ตนเองจนได้

หลินเทียนอ้าวถอนหายใจก่อนที่จะขยับตัวออกไปข้างหน้า เพียงพริบตาเดียวเขาก็สามารถรับร่างของสี่น้อยที่เพิ่งหล่นลงมาจากอากาศเอาไว้ได้ เขาสะบัดมือขวาออกไปจับร่างของสี่น้อย รับแรงกระแทกแทนอีกฝ่ายและปกป้องเขาเอาไว้ด้วยพลังของตน

แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้พยายามจะหยุดยั้งเขาแต่อย่างใด มาถึงตอนนี้ ใครเป็นผู้ชนะก็ย่อมเห็นได้ชัดเจนแล้ว

ทุกคนจ้องมองไปที่ธนูราชันย์ในมือของโจวเหว่ยชิง นอกจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์และหลินเทียนอ้าวที่รู้ความจริงอยู่แล้ว พวกเขาที่เหลือต่างก็คิดไปในทางเดียวกันว่าพลังลูกศรมหัศจรรย์ทั้ง 2 ดอกที่โจวเหว่ยชิงยิงออกมาน่าจะเป็นผลมาจากศาสตรามณียุทธ์ชิ้นนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าสี่น้อยจะพ่ายแพ้ในเวลาอันรวดเร็ว…ด้วยการขยับตัวไม่ถึง 3 กระบวนท่าด้วยซ้ำ…หากจะพูดให้ถูกก็คือ เขาแพ้เพียง 2 กระบวนท่าเท่านั้น!

ตอนนี้ขากรรไกรของขี้เมาเป่าตกลงไปถึงพื้น ปากของเขาอ้ากว้างพอที่จะยัดลูกผิงกั่ว (แอปเปิ้ล) ลงไปได้หนึ่งลูกเลยทีเดียว อีกทั้งดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกมาจากเบ้า ด้านอู่หยาก็ขยี้ตาด้วยความตกตะลึงเช่นกัน เธอทำเช่นนั้นซ้ำๆราวกับหาวิธีทำให้ตัวเองมั่นใจว่าไม่ได้ฝันอยู่ สำหรับเซียวเอี๋ยน คิ้วของเขาขมวดมุ่นขณะกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับโจว เหว่ยชิงอย่างลึกล้ำ

ตอนนี้ผลจากทักษะต่างๆ บนตัวสี่น้อยก็ได้สิ้นฤทธิ์ไปหมดแล้ว แม้ว่าผมของเขาจะยังคงชี้โด่เด่เพราะพลังธาตุสายฟ้าจนก่อให้เกิดเป็นภาพที่ดูแปลกประหลาดไปเสียหน่อยก็ตาม

โจวเหว่ยชิงเก็บธนูราชันย์ของเขา ยิ้มน้อยๆ ขณะที่กล่าวว่า “ขอบคุณรุ่นพี่ที่หลีกทางให้ข้า คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวข้าเองจะโชคดีขนาดนี้ พี่สี่น้อยรู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นนักธนู ท่านก็เลยบินขึ้นไปเป็นเป้ายิงให้ข้าได้แสดงฝีมือ ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ”

หลินเทียนอ้าวช่วยประคองวางสี่น้อยไว้ที่พื้น อีกฝ่ายหันไปจ้องมองโจวเหว่ยชิงด้วยสายตาเลื่อนลอย ทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมาด้วยความโกรธ “ข้าโดนหลอก! ข้ายอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ไม่ได้!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเกินไป เขายังไม่ทันได้แสดงพลังที่แท้จริงของตนออกมาเลยด้วยซ้ำ ทั้งยังไม่รู้แน่ชัดว่าตนพ่ายแพ้ได้อย่างไร ฉะนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าตนจะแพ้เดิมพันจริงๆ เพราะถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็เกี่ยวข้องกับอิสรภาพตลอดชีวิตของเขาเชียวนะ!

ทว่าในขณะนั้นเอง จู่ๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำและทรงพลังก็ดังแว่วมาจากอาคารหลัก “เทียนอ้าว ทำไมพวกเจ้าถึงยังยืนอยู่ที่เดิมแทนที่จะรีบออกเดินทาง? เกิดการต่อสู้ขึ้นงั้นรึ?”

เสียงนั้นให้ความรู้สึกคล้ายกับวิญญาณที่จับต้องไม่ได้ ราวกับแว่วมาจากทุกทิศทุกทาง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตะโกน แต่ทุกคนก็ยังได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถรับรู้ได้ว่ามันมาจากทิศเดียวกับอาคารหลัก แต่ก็ยังไม่สามารถบอกแหล่งที่มาที่แน่ชัดได้อยู่ดี

เมื่อได้ยินเสียงนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดวาบขึ้นมาในสมองของโจวเหว่ยชิงทันที ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ จากนั้นเขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

“รุ่นพี่สี่น้อย เอาเป็นว่าเรื่องนี้พวกเราเพียงล้อเล่นกันเท่านั้น รีบออกเดินทางกันเถอะ ดูสิ อาจารย์ของพวกท่านกำลังจะโกรธแล้วนะ”

สี่น้อยชะงัก ส่วนขี้เมาเป่าก็กลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง “ล้อเล่น? ล้อเล่นเรื่องอะไรเรอะ!?”

โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “ข้ากำลังจะบอกว่าการเดิมพันก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องล้อเล่น พวกเรายังต้องเข้าร่วมการประลองมณีสวรรค์ จะปล่อยให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเราได้อย่างไร ถึงอย่างไรพวกเราก็ยังต้องทำงานร่วมกันในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ดี หัวหน้าหลิน เช่นนั้นพวกเราจะออกเดินทางกันได้หรือยัง?”

สายตาประหลาดใจทั้ง 7 จ้องมองไปยังโจวเหว่ยชิง ทุกคนพลันพร้อมใจกับปิดปากเงียบด้วยความตกใจ ท้ายที่สุดแล้วการเดิมพันครั้งนี้ก็เห็นได้ชัดเจนว่าโจวเหว่ยชิงเป็นผู้ชนะ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเลือกจะทิ้งขว้างผลประโยชน์ที่ตนควรจะได้ไปเสียดื้อๆ? ขี้เมาเป่าและสี่น้อยเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในบรรดานักเรียนของโรงเรียนเจ้ามณี พวกเขามีอายุเท่านี้แต่กลับปีนป่ายขึ้นไปถึงระดับปรมะขั้นแรกและขั้นกลางตามลำดับ เช่นนี้ใครจะยอมทำให้ตนเองพ่ายแพ้และกลายเป็นผู้ติดตามของคนอื่น? แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ครั้งนี้โจวเหว่ยชิงกลับทำสำเร็จจนได้!

โจวเหว่ยชิงยักไหล่และพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องมองข้าเช่นนั้นด้วย? ข้าก็แค่พูดความจริงออกมาเท่านั้น ตอนนี้ข้าเป็นแค่นักเรียนปี1 เพราะฉะนั้นข้าจะต้องการผู้ติดตามไปทำไม? ก่อนหน้านี้ข้าแค่คันไม้คันมืออยากทดสอบฝีมือกับรุ่นพี่ดูเท่านั้น อีกทั้งข้าก็โชคดีเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ถึงอย่างไรในแง่ของพลังข้าก็อ่อนแอกว่ารุ่นพี่สี่น้อยอยู่แล้ว เอาล่ะ พวกเราจะจบเรื่องนี้ไว้ตรงนี้ แม้ว่าพวกเราจะให้คำสาบานกับมณี แต่ข้าก็สามารถถอนคำสาบานให้พวกท่านได้ หัวหน้าหลิน พวกเรารออะไรอยู่หรือ รีบไปเถอะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง ขี้เมาเป่าและสี่น้อยต่างก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นผู้โชคดีที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติ แม้ว่าสี่น้อยจะยังยืนกรานไม่ยอมรับและตะโกนบอกว่าเขาจะไม่อาจทนความอัปยศเช่นนี้ได้ แต่หัวใจของเขาก็ยังรู้สึกหนักอึ้งอยู่ไม่น้อย อย่างไรเขาก็รู้ว่าตนเองพ่ายแพ้จริงๆ และทั้งสองฝ่ายก็ได้สาบานเอาไว้แล้ว ด้วยความยุติธรรมของหลินเทียนอ้าวในฐานะผู้ตัดสิน เขารู้ดีว่าตนเองย่อมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องกลายเป็นผู้ติดตามของโจวเหว่ยชิง ใครจะรู้ว่าจู่ๆโจวเหว่ยชิงจะยกเลิกการเดิมพันและปลดปล่อยพวกเขาจากคำสาบาน หลังจากรับรู้เช่นนั้น ทั้งสี่น้อยและขี้เมาเป่าต่างก็มีสีหน้าเก้อเขินและปิดปากเงียบสนิท

หลินเทียนอ้าวมองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะพยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะออกเดินทางกันเถอะ”

ขณะที่ทั้ง 8 คนมุ่งหน้าออกจากโรงเรียนเจ้ามณี ความคิดของแต่ละคนก็ยังคงจมอยู่กับเหตุการณ์ในช่วงไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ไม่มีใครเข้าใจว่าโจวเหว่ยชิงกำลังคิดอะไรอยู่

แต่ทว่าในใจของเขา โจวเหว่ยชิงกลับกำลังหัวเราะอย่างเยือกเย็น เหตุผลแท้จริงที่เขาเปลี่ยนใจก็เป็นเพราะเสียงที่เอ่ยถามพวกเขาขึ้นมาอย่างกะทันหัน น้ำเสียงนั้นทำให้เขารู้สึกหนาวสั่น ไม่เพียงแต่ทำให้เขาตระหนักว่าคนๆ นั้นมีพลังสูงส่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เขายังต้องเป็นบุคคลที่โจวเหว่ยชิงไม่อาจรับมือได้อย่างแน่นอน และสิ่งนั้นเองก็ทำให้เขากลับมาฉุกคิดถึงสถานที่ที่ตนกำลังเหยียบอยู่ ณ ตอนนี้

ที่นี่คืออาณาจักรเฟยหลี่ และอยู่ใจกลางโรงเรียนเจ้ามณี! ในสถานที่แห่งนี้มีจ้าวมณีสวรรค์ที่โดดเด่นและทรงพลังที่สุดจากทั้งอาณาจักร ยิ่งไปกว่านั้นคือนายท่านเจ้าของสำนักกักเก็บทักษะ ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเจ้ามณีที่ทรงพลังก็อยู่ที่นี่ด้วย!

เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่งจะดึงดูดความสนใจของบุคคลทรงอำนาจ ถ้าเขายืนกรานที่จะให้สี่น้อยและขี้เมาเป่าเป็นผู้ติดตามของเขา พวกเขาก็จะต้องติดแหง็กอยู่ในโรงเรียนไปอีกสักพัก หากอาจารย์คนใด หรือที่แย่กว่านั้นคือท่านผู้อำนวยการมาสอบสวนด้วยตัวเองถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาจะยังยอมให้โจวเหว่ยชิงดำเนินการต่อหรือ? หากต้องยอมให้นักเรียนที่โดดเด่นที่สุดในโรงเรียนของพวกเขากลายเป็นผู้ติดตามของคนอื่นจริงๆ ด้วยเกียรติอันสูงส่งของโรงเรียน ใครหน้าไหนจะยอม! อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วโจวเหว่ยชิงจะสามารถทำให้ทั้ง 2 คนกลายเป็นผู้ติดตามได้จริงๆ นั่นก็ยังอาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการณ์ในอนาคตของเขาได้อยู่ดี ที่สำคัญที่สุดคือโจวเหว่ยชิงกลัวว่าสถานะผู้ติดตามของหลินเทียนอ้าวอาจจะถูกค้นพบเข้า ในใจของเขานั้น แม้จะมัดรวมสี่น้อยและขี้เมาเป่าเข้าด้วยกัน พวกเขาก็ยังไม่อาจเทียบเคียงหลินเทียนอ้าวได้เลยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อยากสร้างสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกค้นพบและทำให้แผนต้องชะงักเพียงเพราะรับผู้ติดตามใหม่ 2 คน

เหตุผลอีกประการหนึ่งเกี่ยวข้องกับการประลองมณีสวรรค์ ถ้าสี่น้อยและขี้เมาเป่ากลายเป็นผู้ติดตามของเขาจริงๆ บางทีความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 8 คนอาจจะตึงเครียดจนส่งผลต่อความสามัคคีและการทำงานเป็นกลุ่ม ขี้เมาเป่าและสี่น้อยอาจได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจจนไม่อาจต่อสู้ได้เต็มกำลัง และแน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่โจวเหว่ยชิงไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

แม้ว่าจ้าวมณีสวรรค์ 2 คนนี้จะทรงพลังและมีความสามารถมาก แต่ในความคิดของโจวเหว่ยชิง ความสำคัญของพวกเขาก็ยังถือว่าน้อยกว่าหยุนลี่มาก เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงหลินเทียนอ้าวที่ทรงพลังกว่าหยุนลี่ นอกจากนี้ ไม่ว่าพลังของทั้งคู่จะน่าดึงดูดแค่ไหน เขาก็ไม่อยากเสี่ยงให้มีคนค้นพบไพฑูรย์ตาแมวสองสีของเขาอยู่ดี

ทักษะสัมผัสมืดและทักษะอสนีบาตพันสายเป็นทักษะที่ชัดเจนมากเกินไป นั่นอาจทำให้ผู้อื่นสามารถค้นพบได้ว่าเขามีทั้งทักษะธาตุมืดและทักษะธาตุสายฟ้า หากเขายังคงอยู่ในพื้นที่ของโรงเรียนต่อไป ใครจะรู้ว่าเขาจะถูกตรวจสอบอะไรอีกบ้าง หากพวกเขารีบจากไปโดยเร็ว โจวเหว่ยชิงก็มั่นใจใว่าความลับของเขาจะยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ได้เช่นเดิม อีกทั้งสี่น้อยและขี้เมาเป่าก็ยังจะรู้สึกติดค้างเขาด้วย

ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงตัดสินใจสละโอกาสรับ 2 ผู้ติดตามที่ทรงพลังอย่างรวดเร็ว

ขณะที่พวกเขาทั้ง 8 คนออกเดินไปจากบริเวณสนามโรงเรียน ชายชราในชุดคลุมสีแดงก็เดินไปที่หน้าต่างชั้นบนของอาคารเรียนหลัก มองดูร่างของกลุ่มนักเรียนที่ค่อยๆ หายลับตาไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ความผันผวนของพลังปราณสวรรค์ไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่นั่นคือทักษะธาตุมืดและสายฟ้าแน่นอน…เป็นทักษะธาตุที่หายากและมีประโยชน์จริงๆ ดูเหมือนว่าคราวนี้องค์หญิงไช่ไช่จะขุดเจอเพชรเม็ดงามเข้าเสียแล้ว สมาชิก 2 ใน 3 จากโรงเรียนทหารถึงกับมีทักษะธาตุที่หายากเช่นนี้ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมกับโรงเรียนเจ้ามณีของเรา”