บทที่ 195: การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ (2)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 195: การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ (2)

“อะไร?” ฉินเย่ถามอย่างสงสัย “เจ้าพบสิ่งใด?”

กู่ชิงไม่ได้ให้คำออกไปทันที กลับกัน เขากะพริบตาอยู่หลายครั้ง ขณะสูดดมกลิ่นในอากาศอย่างไม่แน่ใจนัก ก่อนจะหันไปหาฉินเย่อย่างอัศจรรย์ใจ “นายท่าน…ท่านได้กลิ่นอะไรไหม?”

ฉินเย่พยักหน้า “มันคือกลิ่นของเมเปิ้ลแดง น่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่มีอยู่ในยมโลกในตอนนี้”

“ผมไม่ได้หมายถึงสิ่งนั้น!” กู่ชิงขมวดคิ้ว “กลิ่นนี้…ผมเคยได้กลิ่นมันมาก่อน…และค่อนข้างบ่อยเสียด้วย…มันมาจากจุดไหนกัน…”

เขาเดินไปที่ตอไม้และสัมผัสกับผิวของมันเบา ๆ ก่อนจะทิ้งตัวไปบนตอดังกล่าวและสูดหายใจเข้าลึก ๆ

“พวกเจ้าชอบกลิ่นแปลก ๆ หรือ?” อาร์ทิสเอ่ย

“ไม่…” ฉินเย่กะพริบตาปริบอยู่หลายครั้ง จากนั้นจึงหันไปหาอาร์ทิสและถามว่า “ต้นไม้พวกนี้…ท่านรู้หรือไม่ว่ามันเป็นพันธุ์อะไร?”

“ยมโลกจะมีต้นไม้พันธุ์ใดได้อีก?” อาร์ทิสขมวดคิ้วเข้าหากัน “มันก็เหมือนกันทุกแห่งอยู่แล้ว แล้วก่อนหน้านี้เจ้าก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่ามันคือเมเปิ้ลแดง?”

“ไม่ มันไม่ใช่ต้นเมเปิ้ล….” กู่ชิงจ้องไปยังตอไม้ทั้งหมด และเหลือบไปมองใบไม้สีแดงที่อยู่ห่างออกไปไม่มาก เสียงของเขาค่อนข้างแหบพร่ายามเอ่ยออกมา “โอ้สวรรค์ทรงโปรด…นี่อาจจะ…เป็นไปได้มากที่จะเป็น…ไม้พะยูงหอม[1] นี่มันไม่น่าเชื่อ….”

ไม้พะยูงหอม?

เราไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน…ฉินเย่ทำหน้ายุ่ง นี่มันต้นบ้าอะไร? ทำไมชื่อของมันดูไม่มีราคาเลยสักนิด ตอนแรกเขาก็นึกว่าต้นเมเปิ้ลแดงอะไรนั่นเสียอีก….

กู่ชิงหันกลับไปหาเด็กหนุ่มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น “นายท่านฉิน หากนี่เป็นไม้พะยูงหอมจริง ๆ ทั้งหมดนี้ เราจะต้องขายได้อย่างน้อยหลายร้อยตันแน่ ๆ…”

“ว่าอย่างไรนะ?!” ฉินเย่ผงะไปอย่างตกตะลึงขณะที่จ้องมองกู่ชิงราวกับตนเพิ่งเห็นผี ริมฝีปากของเขาสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ “ไหนลองพูดอีกครั้งที เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

“ผมพูดว่ามันมีความเป็นไปได้! ว่าบางทีมันอาจจะเป็นไม้พะยูงหอม” จังหวะการหายใจของชายสูงวัยถี่เร็วจากความตื่นเต้น “หรือที่รู้จักกันในชื่อของไม้ฮวงหัวลี่ หนึ่งในสี่พันธุ์ไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรองลงมาจากไม้จันทน์แดง! ที่แดนมนุษย์มีผู้คนที่ต้องการไม้พวกนี้อยู่จำนวนมาก!”

ให้ตายเถอะ!

ฉินเย่กวาดสายตาไปทั่วป่า “เมเปิ้ลแดง” ที่อยู่เบื้องหน้าของเขา

ให้ตายเถอะ…เมเปิ้ลแดงของเขา กลายเป็นไม้ฮวงหัวลี่ได้อย่างไรกัน?

หากผู้ใดต้องการจะอวดสถานะของตัวเอง พวกเขาก็จะสวมกำไลที่ทำจากไม้ฮวงหัวลี่

หากผู้ใดต้องการจะโอ้อวดความร่ำรวยของตัวเอง พวกเขาก็จะใช้ของแต่งบ้านที่ทำจากไม้ฮวงหัวลี่

ประเด็นสำคัญก็คือ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คนจนอย่างเขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แต่ตอนนี้….

เด็กหนุ่มกระแอมออกมาเสียงแห้ง เปลวไฟนรกที่รุนแรงลุกโชนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของแววตาขณะที่เขากวาดตามองที่ดินห้าตารางกิโลเมตรรอบ ๆ ตน ก่อนหน้านี้ ที่ดินทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้สีแดงเข้ม ราวกับกองเลือดขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้…เขารู้สึกราวกับว่ากำลังมองดินแดน ซึ่งเต็มไปด้วยทองคำแท่งที่ส่องแสงแพรวพราว!

“รวยแล้ว…เจอขุมทองแล้วจริง ๆ…” ความรู้สึกตื่นเต้นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง เขารีบกลืนน้ำลายอย่างตื่นตระหนก “ที่ดินผืนใหญ่ที่เต็มไปด้วยไม้ฮวงหัวลี่…มันมากเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงตัวเองไปตลอดชีวิต…”

“มันคืออะไร?” อาร์ทิสถามอย่างมึนงง

ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ และเลียริมฝีปากของตนด้วยความละโมบ “หนึ่งในสี่พันธุ์ไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในจีน ราคาตามท้องตลาดของมันคือตันละสิบล้าน และนี่ก็เป็นราคาตลาดของเมื่อ 2 ปีก่อนด้วย!”

อาร์ทิสผงะไปอย่างตกตะลึง นางรู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปหมด

ทั้งสามเงียบไปเป็นเวลานาน ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อนว่าขุมสมบัติขนาดใหญ่จะซ่อนตัวอยู่เพียงใต้จมูกของพวกตนนี่เอง หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่อาร์ทิสก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “สิบล้าน…ธนบัตรนรก?”

“สิบล้านหยวน!!!” กู่ชิงและฉินเย่ตอบกลับเป็นเสียงเดียวกัน ในที่สุดชายสูงวัยก็หายจากอาการดีใจและเอ่ยว่า “ไม่เพียงเท่านั้น! ไม้ฮวงหัวลี่ยังมักถูกใช้ในข้าวของขนาดเล็กอย่างกำไลข้อมือ เครื่องประดับ ชุดน้ำชาและอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ของตกแต่งบ้านที่ทำจากไม้ฮวงหัวลี่ทั้งหมดเป็นของที่ถูกสั่งทำเท่านั้น! และมันก็ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยหกเดือน!”

“สิ่งที่มีค่าและเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของไม้ฮวงหัวลี่ก็คือ ‘ลายหน้าผี’ ที่คุณจะสามารถพบเจอได้เป็นบางครั้งบนชิ้นไม้ ยิ่งกว่านั้น ลายหน้าผีพวกนี้ก็มักจะปรากฏขึ้นใกล้กับส่วนรากของโคนต้นไม้ ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะขุดมันขึ้นมาตั้งแต่ราก ทำให้จำนวนของต้นไม้พวกนี้ลดลงเรื่อย ๆ ปัจจุบันนี้ ท่านสามารถพูดได้เลยว่าพวกมันเป็นไม้หายากชนิดหนึ่งในตลาด!….”

เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และมองไปยังตอไม้ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงสั่นเทา “เมื่อใดก็ตามที่ค้นพบไม้ฮวงหัวลี่ร้อยต้น…ไม่สิ! หรือเพียงแค่สิบกว่าต้น ตลาดของตกแต่งบ้านทั้งหมดระเบิดความบ้าคลั่งขึ้นมาทันที! ไม่รู้เลยว่าจะมีบริษัทกี่แห่งที่ต้องขอร้องให้พวกเขาขายมันให้กับตัวเอง เพื่อที่พวกเขาจะได้ดำเนินการและขายมันให้กับพวกมหาเศรษฐีหรือผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย แม้แต่กำไรก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญต่อไป เพราะสุดท้ายแล้ว ชื่อเสียงต่างหากที่สำคัญกับพวกเขามากที่สุด! ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขามีไม้พันธุ์นี้อยู่ในมือ…มันก็เพียงพอแล้วที่จะผลักดันพวกเขาจากการเป็นมือใหม่ในตลาดไปสู่ผู้ขายชั้นนำในเมืองของตน…หรืออาจจะทั้งมณฑลด้วยซ้ำ!”

อาร์ทิสตัวสั่น นางรีบหันไปบอกฉินเย่และเอ่ยว่า “ข้าอยากได้สกิน Blood Moon ของยาสุโอะ! [2]”

“แน่นอน! ข้าจะซื้อให้ท่านสองอันเลย! อันหนึ่งไว้ใช้ และอีกอันหนึ่งไว้อวด!” ฉินเย่ผายมืออย่างยิ่งใหญ่ ความรู้สึกอิ่มเอมใจที่ถาโถมเข้ามานั้นกะทันหันเกินไป และเขาก็ไม่ทันได้เตรียมตัวเสียด้วย… ดังนั้นเช่นนี้ พวกเขาก็เข้าใจผิดกันไปเอง ไม่ใช่ว่ายมโลกไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไรเลย พวกเขาแค่ไม่มีความสามารถมากพอจะรู้คุณค่าของมันต่างหาก!

ตอนนี้ในยมโลกมีไม้ฮวงหัวลี่หลายร้อยตัน เมื่อคิดจากราคาตลาดที่ตันละสิบล้านหยวน…

เอาล่ะ ลองสมมติว่าเราปัดตัวเลขเป็นพันต้น มันก็จะเป็นเงิน…หมื่นล้านหยวน!!

เงินเท่านั้นเพียงพอสำหรับการสร้างสวนจี้ชั่งได้แล้ว อันที่จริง เขาอาจมีเงินเหลือเพียงพอที่จะสร้างอาคารของรัฐบาลตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อีกด้วย!

เฮ้อออ…มันรู้สึกราวกับว่าชีวิตของเขาเพิ่งก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดจุดใหม่…จุดสูงสุดที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน…

“เอ่อ…” กู่ชิงข่มใจลงและสูดหายใจเข้าช้า ๆ “อย่างที่ข้าพูด…มันแค่มีความเป็นไปได้…”

แววตาขุ่นเคืองทั้งสองคู่จ้องไปที่ชายสูงวัยทันที

พวกเขาทั้งสองอุตส่าห์คิดแผนการไปต่าง ๆ นานา เพียงเพราะคำว่าความเป็นไปได้นี้หรือ กู่ชิงเจ้ากล้าดึงพวกเขากลับมาสู่โลกความเป็นจริงได้อย่างไร? อีกฝ่ายจะต้องถูกทำโทษด้วยการแขวนคอ!!

“ใจเย็น ๆ” ฉินเย่หยิกตัวเอง “นี่ไม่ใช่ความฝัน…แต่ทำไมเราถึงไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ?”

“ก็เพราะว่าเจ้ากำลังหยิกข้าอยู่อย่างไรล่ะ!!…เจ้าหนู แน่ใจนะเจ้าไม่ได้กำลังกวนประสาทข้าอยู่?” อาร์ทิสเอ่ยเตือนอย่างเย็นชา

ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองก่อนจะหันไปพูดกับกู่ชิงอีกครั้ง “ผู้อาวุโส สิ่งใดกันที่ทำให้ท่านสะดุดตากับต้นไม้พวกนี้? และเพราะสาเหตุใดกันที่ทำให้ท่านเดาว่าต้นไม้พวกนี้คือไม้ฮวงหัวลี่ในตำนาน?”

กู่ชิงใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อจัดระเบียบความคิดของตัวเองแล้วจึงอธิบายว่า “ขั้นแรกในการพัฒนาแผนผังเมืองแกมบิค คือการขอข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับที่ดินที่จะได้รับการพัฒนา โดยข้อมูลส่วนแรกที่เราจะดูก็คือภูมิประเทศ ตามมาด้วยความพร้อมและการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ”

“ท่านฉิน…ยมโลกอาจจะไม่เหมือนกับแดนมนุษย์ แต่…สวรรค์ไม่มีทางขัดขวางเส้นทางของผู้ใด” เขาเอ่ยอย่างจริงจัง “ธรรมชาตินั้นอยู่เหนือจินตนาการของมนุษย์ สภาพภูมิศาสตร์ของเมืองแกมบิคนั้นเลวร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ มันอยู่ติดกับป่าฝนที่หนาทึบ อย่างไรก็ตาม เมืองยังคงถูกสร้างขึ้นที่นั่นเนื่องจากพวกเขาค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียง นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึง”

ชายสูงวัยยังคงเอ่ยต่อ “เมื่อตอนแรกที่พวกเราได้รับงานนี้มา สิ่งแรกที่พวกเราทำก็คือพาทีมมุ่งหน้าไปสำรวจพื้นที่ สมาชิกทั้งหมดของเราคือระดับหัวกะทิจากทุกสาขาวิชา เพราะการพัฒนาเมืองจำเป็นจะต้องเหลือพื้นที่ไว้สำหรับการพัฒนาของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอนาคต ในเรื่องนี้ นักลงทุนที่อยู่ภายในเมืองจะได้ซื้อวัสดุที่มีคุณภาพสูงหรือไม่ก็วัตถุดิบที่ถูกที่สุดเท่านั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจึงไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมทีมสำรวจกับเรา”

“หนึ่งในสิ่งที่เรากังวลมากที่สุดก็คือ การไม่สามารถระบุทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้ แต่ในทีมของเราเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่วงการแพทย์ไปจนถึงอุตสาหกรรมเบา หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ และพวกเราต่างก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าที่เมืองแกมบิคนั้น ไม่มีทรัพยากรอื่นเลยนอกจากน้ำมันดิบ”

เขากระแอมออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่…ขณะที่พวกเรากำลังจะกลับไปอย่างผิดหวัง…ข้าไม่แน่ใจว่าท่านเคยได้ยินชื่อของบริษัทที่ชื่อว่าจวี้เยรินจี้ยินมาบ้างหรือไม่?”

ฉินเย่นึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

มันคือบริษัทยาชั้นนำของยูโซเนียซึ่งมีแบรนด์และผลิตภัณฑ์มากมายภายใต้ชื่อ แต่ละสินค้าที่พวกเขาขายยังเป็นสินค้าชั้นนำในด้านต่าง ๆ อีกด้วย

กู่ชิงเอ่ยต่อ “พวกเขาคือผู้ที่ค้นพบป่าส้มเชอร์รี่ขนาดใหญ่ในป่าฝนเขตร้อนที่อยู่ด้านหลังของแกมบิคอีกด้วย!”

“ส้มเชอร์รี่?”

“ส้มเชอร์รี่แอฟริกัน ใช้เรียกบรรยายคุณสมบัติของต้นไม้ชนิดนั้น ฤทธิ์ของมันสามารถเทียบได้กับไวอากร้า และมันก็เป็นที่รู้จักในนามของสารกระตุ้นความต้องการทางเพศอันดับหนึ่งในอาณาจักรพืชและสัตว์ ระดับความหายากของมันนั้นเทียบได้กับโสมภูเขาจากภูเขาฉางไป๋ซาน…หลายเมืองในแอฟริกาเองก็เป็นแบบนี้ และพวกเขาก็ค่อย ๆ อาศัยผลิตภัณฑ์พิเศษของตนในการสร้างชื่อให้ตัวเองในตลาด มีเพียงการขุดบ่อทองบ่อแรกเท่านั้น ถึงจะช่วยส่งเสริมวงจรที่ช่วยกระตุ้นการพัฒนาของเมืองได้ ยมโลกในตอนนี้เพิ่งอยู่ในขั้นแรกเริ่ม ดังนั้นผลผลิตพิเศษพวกนี้จึงเป็นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด!”

ลมหายใจของเขาถี่ขึ้นและใบหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยขณะลูบมือไปตามตอไม้อย่างสั่นเทา “การเดินทางครั้งนั้นสอนผมว่าบางสิ่งบางอย่างอาจจะอยู่ ในที่ที่ของมันมาโดยตลอด และมันก็มีเพียงความไม่รู้หรือความไม่ใส่ใจของเราเท่านั้นที่ทำให้เราไม่สังเกตเห็น ดังนั้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อใดก็ตามที่ผมได้รับหน้าที่ให้วางแผนสร้างเมือง ผมก็จะตรวจสอบเงื่อนไขและรายละเอียดที่ชาวบ้านส่งมา รวมถึงชนิด ปริมาณจองทรัพยากรพิเศษมาโดยตลอด เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมืองที่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นใหม่จะดึงดูดการลงทุนใดได้บ้าง? มันก็มีแต่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเท่านั้น ที่จะกลายเป็นบ่อทองบ่อแรก! นี่คือเส้นทางการค้าแรกที่จะถูกสร้างขึ้น! และมันก็เหมือนกันกับพวกเราในตอนนี้!”

“ผมเพียงแต่สังเกตเห็นความเป็นไปได้ของไม้พวกนี้ได้โดยบังเอิญเท่านั้น ธรรมชาตินั้นลึกล้ำ และช่างบังเอิญที่ตัวผมเองก็มีของตกแต่งบ้านที่ทำมาจากไม้ฮวงหัวลี่อยู่ที่บ้านเช่นกัน และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมกลิ่นพวกนี้มันถึงคุ้นนัก แต่มันก็สามารถพูดได้เช่นกันว่าอาชีพของผมมีส่วนช่วยให้ผมสังเกตเห็นความพิเศษนี้”

ฉินเย่และอาร์ทิสพยักหน้า จากนั้นอาร์ทิสจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น เจ้าช่วยรีบตรวจดูและระบุพันธุ์ของต้นไม้พวกนี้ทีได้หรือไม่?”

หากมันใช่ นี่อาจจะหมายถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของยมโลกแห่งใหม่!

ด้วยการสนับสนุนทางการเงิน ร้อยในพันของวิญญาณที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขาก็จะสามารถเปลี่ยนที่ดินที่ว่างเปล่านี้ให้เป็นเขตก่อสร้างอันดุเดือดได้!

กู่ชิงพยักหน้าและย่อตัวลงอีกครั้ง ครั้งนี้อาร์ทิสและฉินเย่เองก็ตามไปติด ๆ เช่นกัน จะวางท่าไปทำไม ในเวลาแบบนี้ใครบ้างจะสนใจเรื่องหยุมหยิมอย่างเรื่องภาพลักษณ์ของว่าที่จ้าวนรกกัน?

ทำไมเขาจะต้องยืนอยู่เฉย ๆ ด้วยล่ะ?….มันไม่ใช่ว่าการคุกเข่าลงต่อหน้าภูเขาแห่งความมั่งคั่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ ดูจะสมเหตุสมผลกว่าหรอกเหรอ?….

ภูเขาแห่งความมั่งคั่ง…แค่ชื่อก็บ่งบอกความหมายไปในตัวแล้ว…

ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ไม่มีใครกล้าขัดจังหวะกู่ชิงในเวลานี้แม้แต่นิดเดียว มันมีความเป็นไปได้สูงที่การยืนยันของชายสูงวัยเกี่ยวกับความสงสัยก่อนหน้านี้จะหมายความว่าดินแดนที่ดูเหมือนจะรกร้างแห่งนี้ แท้จริงแล้วคือเหมืองทองที่กำลังรอถูกแตะต้อง!

หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ลูบไปตามตอไม้เบา ๆ และพูดว่า “ไม้ฮวงหัวลี่มีอยู่ทั้งหมดสองสายพันธุ์ พันธุ์ไหหลำ และสายพันธุ์เวียดนาม แต่ราคาของสายพันธุ์ไหหลำนั้นสูงกว่าสายพันธุ์เวียดนามมาก เมล็ดของมันจะสวยงามกว่าและมีสีสวยกว่า นอกจากนี้มันยังมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อนำมาผ่านกระบวนการแปรรูป และความแข็งแรงของมันก็ทนทาน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เกิดความเสียหาย จุดแรกในการจำแนกก็คือกลิ่นหอม”

เขาหลับตาลงและเอ่ยต่อ “ทั้งสองสายพันธุ์ล้วนมีกลิ่นหอมทั้งสิ้น แต่โดยทั่วไปแล้วพันธุ์ไหหลำจะมีกลิ่นที่รุนแรงกว่า นอกจากนี้กลิ่นของสายพันธุ์เวียดนามจะมีกลิ่นที่ฝาดกว่าเล็กน้อย และท้ายที่สุด…ไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำจะมีกลิ่นที่…ชวนให้หลงใหลและเสพติดเป็นอย่างมาก”

ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ

แน่นอน กลิ่นในอากาศเวลานี้ก็รุนแรงมาก เมื่อคิดว่าก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าใจผิดว่ามันคือต้นเมเปิ้ลแดง…เมเปิ้ลบ้าอะไรล่ะ!

เด็กหนุ่มเดินไปดูตอไม้ที่อยู่รอบ ๆ และหัวใจของเขาก็เริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมา

เมื่อคิดว่าตัวเองมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานและภารกิจในแดนมนุษย์มาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่มีกองเงินกองทองอยู่ภายใต้จมูกของเขาแบบนี้?!

ต้องโทษอาร์ทิสนั่นแหละที่มีสมองเท่าเมล็ดถั่ว! นางจะไม่รู้จักกลิ่นของไม้ฮวงหัวลี่เลยได้อย่างไร?! ไร้ประโยชน์จริง ๆ!

“กลิ่นนี้…ไม่ผิดแน่” กู่ชิงพยักหน้า “กลิ่นของฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำจะไม่คงอยู่ในอากาศเหมือนกับกลิ่นธูป กลับกัน มันคือความงดงามตามธรรมชาติ มันมาและหายไปอย่างรวดเร็ว แต่โดยธรรมดาแล้วกลิ่นของมันจะยิ่งเด่นชัดขึ้นในวันที่ฝนตก ในขณะที่จะมีกลิ่นอ่อนลงในวันที่มีแดดออก สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดของสายพันธุ์ไหหลำก็คือกลิ่นของมันจะติดทนอยู่บนร่าง และทำให้รู้สึกสดชื่นแม้ว่าหลังจากผ่านไปนานแล้วก็ตาม ซึ่งส่วนที่มีกลิ่นหอมมากที่สุดก็คือช่วงตาไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่อยู่ใกล้กับส่วนล่างของลำต้นและราก นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นที่รู้จักในชื่อไม้พะยูงหอม”

“จุดแรกในการแยกแยะก็คือกลิ่นหอม จุดที่สองคือเรื่องสี นอกเหนือจากสีเหลืองทองที่สามารถเห็นได้โดยทั่วไปแล้ว ไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำยังมีสีอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็นสีม่วง แดง ดำ หรืออาจจะผสมผสานกันระหว่างสีเหล่านี้ โดยทั่วไปแล้วโทนสีของมันจะค่อนข้างไปทางเข้ม ซึ่งมันเป็นตัวที่ใช้แยกแยะระหว่างของจริงและของปลอมในท้องตลาดอีกด้วย”

“จุดที่สาม เราจะดูกันที่เมล็ดพันธุ์ ลายของเมล็ดสายพันธุ์ไหหลำจะละเอียดและหนาแน่น ลายเส้นสีเข้มของมันชัดเจนและสวยงามราวกับลวดลายบนตัวเสือ มีหลายครั้งที่ลักษณะของมันจะปรากฏในรูปของกรงเล็บ ลายขนวัว หรือลายเสือ มันอาจจะดูไม่สม่ำเสมอ แต่ก็ไม่ได้ดูยุ่งเหยิง ในความเป็นจริงแล้วลวดลายของมันดูสวยงามคล้ายกับลายน้ำไหล และจุดที่สี่….”

เขาแย้มยิ้มและลูบไม้อีกครั้ง “ก็คือ ‘ลายหน้าผี’ “

[1] ไม้พะยูงหอม ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูงตั้งแต่ราชวงศ์หมิงตอนปลายและต้นราชวงศ์ชิง

[2] นี่เป็นสกินตัวละครที่เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในเกม LoL