เล่ม 1 ตอนที่ 183 มองการปลอมตัวของเธอออก

สลับชะตา ชายามือสังหาร

เป่ยกงถังมองดูซือหม่าโยวเย่ว์รักษาเด็กชายตัวน้อยอยู่ตลอด เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าอ้วนชวีก็ได้แต่ส่ายหน้าโดยมิได้พูดอะไร แววตาว่างเปล่าอยู่บ้าง

ซือหม่าโยวเย่ว์ทายาลงบนบาดแผลตามร่างกายของเด็กชาย แล้วให้เขากินยาวิเศษเม็ดหนึ่ง หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นเอ่ยว่า “บนร่างกายเขามีเพียงแค่อาการบาดเจ็บภายนอกเท่านั้น ภายในมิได้มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด กินยาวิเศษไป อีกสองวันก็คงหายดีแล้วล่ะ เป่ยกง เจ้าเห็นเขาแล้วนึกถึงน้องชายตัวเองใช่หรือไม่”

เป่ยกงถังมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างประหลาดใจ นางรู้ได้อย่างไรกัน!

ซือหม่าโยวเย่ว์ยักไหล่แล้วพูดว่า “เมื่อครู่เช็ดฝุ่นผงบนใบหน้าเจ้าเด็กน้อยทิ้งไปแล้วเห็นว่าเขาดูคล้ายคลึงกับเจ้าอยู่บ้าง ก็เลยลองเดาน่ะ”

พวกเว่ยจือฉีมองดูรูปโฉมของเจ้าเด็กน้อยอย่างละเอียด เครื่องหน้าเขาคล้ายคลึงกับเป่ยกงถังอยู่บ้างจริงๆ

เป่ยกงถังพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ใช่แล้ว พอเห็นเขาถูกคนทำร้าย ข้าก็นึกถึงตอนนั้นที่ข้ากับน้องชายถูกคนรังแกขึ้นมา ตอนนั้นข้าก็อยากให้มีคนมาช่วยเหลือพวกเราบ้างก็พอแล้ว”

ซือหม่าโยวเย่ว์ตบบ่านางแล้วพูดว่า “เจ้าโชคดีแล้ว ได้พบกับเจ้า น้องชายเจ้าก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว จะต้องรอเจ้ากลับไปช่วยเหลือเขาอยู่แน่”

“อื้ม” เป่ยกงถังรับคำเบาๆ

ขณะนี้เอง ไป๋อวิ๋นฉีก็เดินเข้ามาจากข้างนอกแล้วพูดว่า “จัดการเรือนพักให้พวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว อยู่ข้างๆ เรือนของข้านี่เอง ให้พวกเจ้าห้าคนอยู่เรือนเดียวกัน ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าอุตส่าห์จัดการที่พักให้พวกเราก็ดีเหลือเกินแล้ว” เว่ยจือฉีอมยิ้มพูด

“เช่นนั้นข้าจะพาพวกเจ้าไปเอง” ไป๋อวิ๋นฉีพูด

“ได้สิ”

เป่ยกงถังไปอุ้มเจ้าเด็กน้อยขึ้นมา แล้วพาเขาตามไป๋อวิ๋นฉีไปยังเรือนด้านข้างด้วยกัน

“จัดการห้องหับเอาไว้ให้พวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว พวกนางคือสาวใช้ที่จัดไว้ดูแลพวกเจ้านะ” ไป๋อวิ๋นฉีชี้ไปทางหญิงสาวหลายคนที่อยู่ภายในเรือนพลางเอ่ยขึ้น

“อวิ๋นฉี พวกเราเคยชินกับการลงมือทำด้วยตัวเอง สาวใช้อะไรพวกนี้น่ะไม่จำเป็นเลย” เว่ยจือฉีพูด “เจ้าให้พวกนางไปจัดการธุระของตัวเองเสียเถิด”

“ไม่ต้องจริงๆ น่ะหรือ” ไป๋อวิ๋นฉีถาม

“อื้ม” เว่ยจือฉีพยักหน้าอย่างแน่ใจ

“เช่นนั้นก็ได้” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “พวกเจ้ากลับไปยังเรือนที่พวกเจ้าอยู่ก่อนหน้านี้เสีย”

“เจ้าค่ะ นายน้อย” สาวใช้เหล่านั้นไปจากเรือนแห่งนี้ในทันที

“พวกเจ้าเพิ่งมาถึงที่นี่ พักผ่อนกันเสียก่อนเถิด ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อข้าเสียหน่อย หลังจากนั้นค่อยพาพวกเจ้าไปเดินดูรอบๆ” ไป๋อวิ๋นฉีพูด แฝงไว้ด้วยท่าทีของผู้เป็นนาย

“ได้เลย เจ้าไปจัดการธุระก่อนเถิด”

ไป๋อวิ๋นฉีจากไป พวกเขาทั้งห้าต่างคนต่างเลือกห้องของตัวเอง เป่ยกงถังวางเจ้าเด็กน้อยเอาไว้ที่ข้างห้องของตัวเอง รอให้เขาตื่นขึ้นมา

หลังผ่านไปครึ่งวัน เจ้าเด็กน้อยจึงตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เมื่อเห็นเป่ยกงถังผู้นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะก็กะพริบตาคล้ายกับอยู่ท่ามกลางห้วงความฝัน

“พี่สาว…”

เป่ยกงถังได้ยินเจ้าเด็กน้อยตื่นแล้วจึงเงยหน้าขึ้นถามว่า “ตื่นแล้วหรือ”

“พี่สาว ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าเอาไว้” เจ้าเด็กน้อยพูดอย่างสุภาพ

เป่ยกงถังลุกขึ้นเดินเข้าไปหาที่ข้างเตียงแล้วถามว่า “เจ้าชื่ออะไรหรือ”

“เสี่ยวถู” เจ้าเด็กน้อยเอ่ยตอบ

“เสี่ยวถู คนในครอบครัวเจ้าเล่า เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ข้างนอกคนเดียวได้” เป่ยกงถังลูบศีรษะเสี่ยวถูพลางเอ่ยถาม

แววตาสว่างไสวของเสี่ยวถูหมองหม่นลง เขาพูดเสียงต่ำว่า “เสี่ยวถูถูกคนไล่ออกจากบ้าน พวกเขาไม่ต้องการข้าแล้ว เสี่ยวถูก็เลยไม่มีครอบครัวน่ะ”

“ถูกคนในครอบครัวไล่ออกมา…” เป่ยกงถังพูดพึมพำ มิได้เซ้าซี้ถามเหตุผลของเขา เพียงแค่พูดอย่างเรียบเรื่อยว่า “วันนี้ถูกทอดทิ้ง วันหน้าจะต้องสยายปีกทะยานไกล ให้พวกเขานึกเสียใจให้จงได้”

เจ้าเด็กน้อยสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เขาถูกคนรังแก ถูกคนทอดทิ้งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร วันนี้มาได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงอดที่จะขอบตาแดงก่ำมิได้

“โอ้ ฟื้นแล้วสินะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเจ้าเด็กน้อยขอบตาแดงก่ำ จึงเข้ามาบีบจมูกเขาพลางเอ่ยว่า “บุรุษอกสามศอก เสียเลือดได้แต่อย่าเสียน้ำตา!”

“ข้ายังไม่ได้ร้องเลย!” เสี่ยวถูสูดจมูกแล้วพูดขึ้น

“เสี่ยวถู เขาเป็นคนจัดการบาดแผลบนร่างกายให้เจ้าน่ะ” เป่ยกงถังพูด

“ขอบคุณพี่สาวมาก พี่สาว ข้าชื่อเสี่ยวถู!” เสี่ยวถูพูด

ทั้งซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังตัวสั่นสะท้าน มองเสี่ยวถูอย่างตกใจพลางพูดว่า “เสี่ยวถู เหตุใดเจ้าจึงเรียกเขาว่าพี่สาวเล่า”

เสี่ยวถูมองเป่ยกงถังอย่างแปลกประหลาดพลางเอ่ยว่า “ก็พี่สาวเป็นพี่สาวนี่นา นางก็แค่สวมเสื้อผ้าบุรุษเท่านั้นเองนี่”

“เจ้ามองออกได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้ามองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผู้อื่นมองไม่เห็นได้ตั้งแต่ยังเล็ก ดังนั้นพวกเขาจึงทำเหมือนข้าเป็นสัตว์ประหลาดอย่างไรล่ะ” เสี่ยวถูพูดอย่างน้อยใจอยู่บ้าง

ซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังประสานสายตากันปราดหนึ่ง ต่างมองเห็นแววเหลือเชื่อในสายตาของกันและกัน

ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบหินก้อนหนึ่งออกมาแล้วถามว่า “เสี่ยวถู เจ้ามองออกหรือไม่ว่าภายในก้อนหินคือสิ่งใด”

“หยก”

“อันนี้เล่า”

“เหล็กกลมๆ”

ตอนนี้พวกซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เพียงแต่ตกตะลึงเท่านั้น เสี่ยวถูมีความสามารถอันใดกันนี่!

เสี่ยวถูสัมผัสบรรยากาศแปลกประหลาดระหว่างซือหม่าโยวเย่ว์กับเป่ยกงถังได้อย่างเฉียบคม จึงร้องไห้พูดว่า “พี่สาว พวกท่านอย่าไล่เสี่ยวถูไปเลยนะ”

เป่ยกงถังยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของเขาพลางเอ่ยว่า “พวกเรามิได้บอกว่าจะไล่เจ้าไปเสียหน่อย”

“ใช่แล้ว เจ้าตุ๊กตาน้อยร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกแล้วนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ

“พวกท่านไม่ไล่ข้าไปจริงๆ นะ” เสี่ยวถูมองซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถัง “อย่าหลอกข้านะ”

“จะหลอกเจ้าไปทำไมกันเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์หุบยิ้ม

“เมื่อก่อนก็มีคนทำดีกับข้าเช่นนี้แหละ แต่ต่อมาพอรู้ว่าข้าไม่ปกติก็เลยไล่ข้าออกมา” เสี่ยวถูพูด “เพราะว่าข้าไม่อาจบำเพ็ญได้ พวกเขาจึงเห็นข้าเป็นคนไร้ค่า”

“เจ้าไม่อาจบำเพ็ญได้อย่างนั้นหรือ” เป่ยกงถังพูดอย่างประหลาดใจ จากนั้นจึงคว้าข้อมือเสี่ยวถูมาตรวจดู หลังจากนั้นก็มองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดว่า “เส้นลมปราณถูกสกัดเอาไว้ทั้งหมดเลย”

การฝึกยุทธ์นั้นจำเป็นต้องดูดซับปราณวิญญาณเข้าสู่ร่างกาย หลังจากนั้นจึงเหนี่ยวนำเข้าสู่จุดตันเถียนผ่านเส้นลมปราณ หากเส้นลมปราณของคนผู้หนึ่งถูกสกัดเอาไว้ ก็ย่อมไม่มีทางฝึกยุทธ์ได้

“ให้ข้าดูหน่อยสิ

เป่ยกงถังหลีกทางให้ ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งลงที่ข้างเตียงแล้วจับมือเสี่ยวถูมาตรวจดูก็ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันกับเป่ยกงถัง

“เป็นเช่นไรบ้าง” เป่ยกงถังถาม

“เหมือนกับเจ้าเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

เสี่ยวถูพูดอย่างสงบว่า “ก่อนหน้านี้ท่านพ่อข้าก็เคยคิดหาวิธีอยู่เหมือนกัน แต่ท่านหมอปรมาจารย์วิญญาณเหล่านั้นต่างบอกว่าเส้นลมปราณของข้าเหมือนกับถูกสนิมขึ้น ไร้ซึ่งหนทาง ดังนั้นท่านพ่อข้าจึงทอดทิ้งข้า ต่อมาข้ายังถูกขับไล่ออกมา ข้าเคยชินเสียแล้วล่ะ”

“เสี่ยวถู เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“แปดขวบแล้ว” เสี่ยวถูเอ่ยตอบ

เด็กที่เพิ่งอายุได้แปดขวบคนหนึ่ง แต่พวกเขากลับสัมผัสได้ถึงความจนใจต่อชะตาชีวิตในคำพูดของเขา

“เสี่ยวถู ตระกูลของเจ้าฝึกยุทธ์กันได้หรือไม่”

“อืม ล้วนเป็นปรมาจารย์วิญญาณกันหมด มีข้าแปลกแยกอยู่คนเดียว” เสี่ยวถูเอ่ยตอบ

“เช่นนั้นเจ้าอยากฝึกยุทธ์หรือไม่เล่า”

เสี่ยวถูแววตาเป็นประกายขึ้นมาในทันใด เขาคว้าแขนเสื้อของซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้แล้วถามว่า “ข้าสามารถฝึกยุทธ์ได้หรือไม่”

“โยวเย่ว์?” เป่ยกงถังก็มองไปทางซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยเช่นกัน ถ้าหากมีวิธี เช่นนั้นเสี่ยวถูก็ฝึกยุทธ์ได้แล้ว บวกกับความสามารถพิเศษของเขา เช่นนั้นในภายหน้าชีวิตของเขาย่อมแตกต่างไปจากเดิมอย่างแน่นอน

……………………………………….