ส่วนที่ 12 ฝืนชะตาคนไร้ค่า ตอนที่ 10 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (10)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

หลังจากที่ตระกูลซูได้ออกคำสั่งรวมพลให้กับสาขาย่อยของตัวเองทั้งหมดแล้วนั้น ซูหยาก็ได้ไปจวนเจ้าเมืองในวันนั้นเลย ไม่มีใครรู้ว่าซูหยากับหลงเชียนจั้นมีข้อตกลงอะไรกัน แต่ในวันที่สองหลงเชียนจั้นก็พาซูหยาออกจากเมืองเหม่ยเท่อกันสองคนมุ่งตรงไปยังเมืองหลวงของแคว้นเอ้าหลิน 

 

 

หลังจากที่ซูหยาออกจากเมืองเหม่ยเท่อ ในวันนั้นก็มีข่าวออกมาจากบ้านตระกูลซูว่าซูหยาจะเอาวิชาลับที่ซูจั้นได้มาจากเทือกเขาลั่วรื่อประทานให้กับราชวงศ์ ทั้งเมืองเหม่ยเท่อฮือฮาไปทั่วทันที 

 

 

ในแผ่นดินใหญ่ตงชวน ทุกอย่างจะยกให้ศักยภาพความสามารถเป็นที่หนึ่ง ถึงแม้ต่อหน้ายอดฝีมือเหล่านั้น ราชวงศ์ไม่นับเป็นอะไรเลย แต่สำหรับคนส่วนมากแล้ว ราชวงศ์ยังคงเป็นสถาบันที่สูงส่งมิบังอาจเอื้อมถึง ราชวงศ์ของแคว้นเอ้าหลินสืบทอดมาเป็นร้อยปี ในกลุ่มผู้อาวุโสราชวงศ์นั้นมียอดฝีมือมากมาย ภายใต้ราชวงศ์นั้นยังควบคุมจัดการราชวิทยาลัยนักอัญเชิญโดยตรง โดยพื้นฐานแล้วอัจฉริยะทั้งหมดในเมืองหลวงนั้น มีมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ถูกเชิญชวนโดยราชวงศ์แล้ว  

 

 

ตระกูลซูเดินหมากตานี้ต่างอยู่เหนือความคาดหมายของหลายๆ คน และคนที่คิดจะมีความเคลื่อนไหวมาตลอดเหล่านั้น ล้วนสงบเสงี่ยมลงเพราะตกอยู่ใต้อำนาจของราชวงศ์ 

 

 

ในเวลานี้ผู้ที่ดูจะมีชีวิตชีวาที่สุดคงจะเป็นตระกูลจ้าวของเมืองเหม่ยเท่อแล้ว ผู้นำตระกูลจ้าวไม่มีบุตรชาย มีแต่บุตรสาวที่สวยดั่งหยกดั่งดอกไม้สองคน ตอนนี้บุตรสาวคนโตจ้าวชุ่ยอิ๋งก็ถึงอายุที่เหมาะจะออกเรือนแล้ว แต่เดิมแล้วตระกูลจ้าวชอบเซียวเหยี่ยนมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ตระกูลเซียวได้ยกเลิกการหมั้นหมายแต่งงานกับตระกูลซู ผู้นำตระกูลจ้าวเคยบอกให้รู้เป็นนัยทั้งทางตรงทางอ้อมกับตระกูลเซียวว่ามีความคิดที่จะสานสัมพันธ์เกี่ยวดองกันด้วยการสมรสไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง น่าเสียดายที่ไม่นานนักเซียวเหยี่ยนก็ออกจากเมืองเหม่ยเท่อไปยังเมืองหลวง และตอนนี้ในเมืองซูจั้นนั้นโดดเด่นรุ่งเรืองเสมือนพระอาทิตย์กลางฟ้า ถึงแม้คนภายนอกต่างก็ลือว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคุณหนูสามซูหว่านของตระกูลซู แต่ว่าเป็นถึงนักอัญเชิญอัจฉริยะ มีภรรยาสามอนุสี่ข้างกายก็เป็นเรื่องปกติ 

 

 

บุรุษความสามารถยิ่งมาก ความรับผิดชอบยิ่งมาก เสน่ห์ก็ยิ่งมาก  

 

 

ในโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กนี้ สิ่งที่สตรีเห็นสำคัญมากสุดในตัวบุรุษไม่ใช่หน้าตาและร่างกายภายนอกแน่นอน แต่เป็นความสามารถของเขา  

 

 

เพียงแค่คุณมีความสามารถ มีกระบี่หนึ่งเล่มในมือ ใต้ฟ้านี้ก็เป็นของคุณ 

 

 

เห็นอยู่ตำตาว่าผู้อาวุโสตระกูลจ้าวจะจัดงานฉลองวันเกิดอายุครบแปดสิบปี และตอนนี้ซูหยาก็ไม่อยู่ในเมืองเหม่ยเท่อพอดี ผู้นำตระกูลจ้าวรีบไปหาบุตรสาวของตัวเองให้เขียนหนังสือเชิญฉบับหนึ่งและให้นางไปส่งให้ซูจั้นที่บ้านตระกูลซูด้วยตัวนางเอง 

 

 

จ้าวชุ่ยอิ๋งตอนนี้อายุสิบแปดปี นางและซูหว่านอายุเท่ากัน ทั้งสองคนเป็นนักอัญเชิญระดับกลางขั้นห้าเหมือนกัน หญิงสาวทั้งสองคนถึงแม้ไม่เคยเจอหน้าทักทายกันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าจ้าวชุ่ยอิ๋งเอาซูหว่านเป็นคู่แข่งของตัวเองในเมืองเหม่ยเท่ออยู่เสมอ 

 

 

นางอยากอยู่เหนือซูหว่าน แต่ก็แค่ในด้านพลังลมปราณเท่านั้น  

 

 

สำหรับความรักนั้น… 

 

 

จ้าวชุ่ยอิ๋งมีคนที่ชอบในใจมาตั้งนานแล้ว และคนคนนั้นก็คือใต้เท้าพระเอก 

 

 

หลังจากเซียวเหยี่ยนยกเลิกการหมั้นหมายกับตระกูลซู จ้าวชุ่ยอิ๋งเคยถึงกับใจกล้านัดเขามาสารภาพรัก แต่ว่าวันนั้นเซียวเหยี่ยนปฏิเสธนางไป บอกว่าเขานั้นมีคนที่ชอบแล้ว  

 

 

จ้าวชุ่ยอิ๋งไม่รู้ว่าคนที่เซียวเหยี่ยนชอบนั้นคือใครกันแน่ แต่ว่านางจะไม่ล้มเลิกง่ายๆ อยู่แล้ว  

 

 

ตอนนี้เซียวเหยี่ยนไปเมืองหลวงแล้ว เขาจะยิ่งเก่งกาจขึ้น เขาจะต้องอยู่เหนือซูจั้น จ้าวชุ่ยอิ๋งมีความมั่นใจในตัวของผู้ชายที่ตัวเองชอบเสมอ 

 

 

ตอนนี้ในมือถือเอาหนังสือเชิญฉบับนั้น จ้าวชุ่ยอิ๋งรู้สึกว่ามันหนักอึ้ง นางไม่ได้ชอบซูจั้น ต่อให้คนอื่นมองว่าซูจั้นดีขนาดไหนก็ตาม ในใจของนางมีได้แค่คนเดียวเท่านั้น 

 

 

 “พี่หญิง” 

 

 

ในเวลานี้ เสียงไพเราะน่าฟังเสียงหนึ่งได้หยุดความคิดของจ้าวชุ่ยอิ๋งลง เมื่อจ้าวชุ่ยอิ๋งเงยหน้าขึ้นก็เห็นน้องสาวของตัวเองยืนมองตัวเองอยู่ที่ระเบียงยาวอย่างยิ้มแย้ม  

 

 

จ้าวหว่านอิ๋งที่ปีนี้เพิ่งจะอายุสิบหกปีสวมใส่เสื้อคลุมยาวของนักอัญเชิญ เดินก้าวเท้ามาอยู่ข้างกายพี่สาวของตัวเองอย่างร่าเริง 

 

 

“นี่คือหนังสือเชิญที่จะให้นายน้อยใหญ่ตระกูลซูหรือ” 

 

 

จ้าวหว่านอิ๋งมองหนังสือเชิญในมือของพี่สาวตัวเอง ในตาเป็นประกายตื่นเต้น “พี่หญิง ให้ข้าไปส่งได้ไหม ข้าชอบนายน้อยใหญ่มาก ข้ายังไม่เคยเห็นว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไรเลย!” 

 

 

สามปีที่แล้วตอนที่ซูจั้นออกจากเมืองเหม่ยเท่อ จ้าวหว่านอิ๋งที่อายุแค่สิบสามปียังเป็นแค่นักอัญเชิญที่เพิ่งจะปลุกพลังวิญญาณสำเร็จที่กำลังเรียนรู้วิชาพื้นฐานเท่านั้น  

 

 

ตอนนี้นางนั้นเป็นนักอัญเชิญระดับหกแล้ว พูดได้ว่าความสามารถของจ้าวหว่านอิ๋งดีกว่าทั้งพี่สาวของตัวเองหรือซูหว่าน  

 

 

นางคือสาวน้อยอัจฉริยะตัวจริงสมตามคำพูด และสิ่งที่ให้คนอิจฉามากกว่าอีกคือนางที่อายุแค่สิบหกปีก็มีหุ่นที่ดีไม่แพ้พี่สาวตัวเอง กับใบหน้าตุ๊กตาที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์  

 

 

หน้าตาและหุ่นแบบนี้ พูดได้ว่าเป็นดาวกำจัดผู้ชาย 

 

 

 “น้องหญิง” 

 

 

เห็นน้องสาวตัวเองแสดงออกถึงความสนอกสนใจต่อซูจั้น คิ้วของจ้าวชุ่ยอิ๋งขมวดเล็กน้อย “นายน้อยใหญ่นั้นว่ากันว่าอีกสักระยะจะแต่งงานกับคุณหนูสามของตระกูลซูแล้ว น้องหญิงรู้สึกกับเขา…” 

 

 

 “ข้ายังไม่เคยเจอเขาเลย ก็แค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น…” 

 

 

จ้าวหว่านอิ๋งแย่งหนังสือเชิญฉบับนั้นจากมือพี่สาวตัวเอง “ซูหว่านนั่นเมื่อก่อนเป็นศัตรูทางใจของท่านพี่ไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีนาง เรื่องงานแต่งของพี่กับท่านพี่เซียวปีนั้นไม่แน่อาจจะสำเร็จไปแล้วก็ได้ ตอนนี้ถ้าหากว่ามีโอกาสน้องสาวคนนี้จะช่วยแก้แค้นให้พี่สาวอยู่แล้ว แย่งผู้ชายของนางมา ให้นางได้ลิ้มรสของการถูกคนทิ้งด้วย”  

 

 

พูดพลางจ้าวหว่านอิ๋งก็เอาหนังสือเชิญเดินผ่านจ้าวชุ่ยอิ๋งไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ 

 

 

เห็นเงาร่างของน้องสาวที่ออกไปไกล สายตาของจ้าวชุ่ยอิ๋งมีความสับสนอยู่หน่อย ตั้งแต่เด็กนางสองคนพี่น้องก็เป็นเพราะหน้าตาสะสวย จึงถูกท่านพ่อเอามาเป็นข้อต่อรองของผลประโยชน์ตระกูลมาโดยตลอด  

 

 

และหลังจากบรรลุนิติภาวะพวกนางก็ยิ่งสืบสานหุ่นดั่งนางปีศาจของท่านแม่ของตัวเอง ท่านแม่กรอกความคิดให้พวกนางอยู่อย่างหนึ่งมาตลอด… 

 

 

‘บุรุษใช้ความสามารถของตัวเองพิชิตโลกใบนี้ ส่วนสตรีก็พิชิตบุรุษให้ได้แค่บนเตียงก็พอแล้ว’ 

 

 

คุณค่าของผู้หญิงมีเพียงแค่นี้หรือ  

 

 

จ้าวชุ่ยอิ๋งไม่เชื่อชะตาชีวิต นางก็ไม่เชื่อด้วยว่าผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แท้จริงนั้นจะเป็นแบบที่ท่านพ่อพูด เพราะดีเลิศจึงมีภรรยาได้หลายคน  

 

 

บนโลกนี้อย่างไรก็ต้องมีคนคนหนึ่ง เขาแข็งแกร่งยิ่งใหญ่และรักเดียวใจเดียว  

 

 

คนแบบนั้นถึงจะเป็นคนที่คุ้มค่าที่จะฝากฝัง 

 

 

………… 

 

 

ขณะที่จ้าวหว่านอิ๋งที่ได้พากลิ่นหอมมาถึงบ้านตระกูลซูพร้อมกับสายตาจ้องมองของผู้ชายกลุ่มใหญ่ กลับถูกแจ้งว่านายน้อยใหญ่ของพวกเขาได้ออกไปแล้ว  

 

 

ออกไปแล้วหรือ  

 

 

พรุ่งนี้ก็เป็นงานฉลองวันเกิดของตระกูลจ้าว ซูจั้นออกไปแล้วในเวลานี้หรือ 

 

 

จ้าวหว่านอิ๋งหันสายตายิ้มอย่างน่ารักยั่วยวนให้กับพ่อบ้านที่อยู่ที่ประตู “ถ้าอย่างนั้นข้าเข้าไปรอนายน้อยใหญ่ของพวกเจ้าได้ไหม อย่างไรตอนกลางคืนเขาก็ต้องกลับมาอยู่แล้วใช่ไหม” 

 

 

 “คุณหนูจ้าว ท่านกลับไปเถอะ นายน้อยใหญ่ของพวกข้ากลับบ้านเกิดเป็นเพื่อนคุณหนูสามแล้ว ไม่มีสามวันห้าวันไม่กลับมาหรอก”  

 

 

ถึงแม้จะถูกความสวยของจ้าวหว่านอิ๋งทำให้หลงใหลเคลิ้มเคลิ้มไปชั่วครู่ แต่คุณลุงพ่อบ้านก็ยังตอบคำถามไปอย่างจริงจัง 

 

 

  “อะไรนะ” 

 

 

ครั้งนี้จ้าวหว่านอิ๋งได้ตกตะลึงจริงๆ “ถ้าอย่างนั้นเขาไม่มาร่วมงานฉลองวันเกิดของตระกูลจ้าวแล้วหรือ” 

 

 

“นายน้อยใหญ่ได้จัดแจงให้ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งหลายไปแล้ว คุณหนูจ้าวไม่ต้องเป็นห่วง!” 

 

 

ซูจั้น!  

 

 

ดีเหลือเกินนะซูจั้น! 

 

 

จ้าวหว่านอิ๋งโยนหนังสือเชิญในมือให้กับพ่อบ้านตระกูลซูอย่างโมโห ชั่วขณะที่หันตัวกลับ สายตาสวยงามของนางนั้นพลันเย็นยะเยือก 

 

 

ซูจั้น ข้านั้นอยากจะดูว่าเจ้านั้นเป็นคนอย่างไรกันแน่  

 

 

ด้วยความสามารถของคุณหนูอย่างข้าแล้ว จะยังทำให้เจ้าหลงใหลไม่ได้หรืออย่างไร 

 

 

ดั่งที่กล่าวไว้ความไม่รู้คือสิ่งที่มีความสุขที่สุด คุณหนูจ้าวท่านกล้าหาเรื่องแม้กระทั่งท่านแม่ทัพซู ท่านนี่เป็นแบบอย่างของคนไม่กลัวตาย และเป็นแบบฉบับของตัวตายตัวแทนจริงๆ~ 

 

 

สำหรับเรื่องของจ้าวหว่านอิ๋ง ขณะนี้แน่นอนว่าซูรุ่ยไม่รู้เลยสักนิด กับตระกูลจ้าวเขาไม่มีความสนใจเลยสักนิดเดียว 

 

 

ตระกูลสายย่อยที่ซูหว่านอาศัยตั้งอยู่ในหมู่บ้านหุบเขาเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ในการปกครองของเมืองเหม่ยเท่อ การคมนาคมในหมู่บ้านไม่สะดวก ดีที่ซูรุ่ยมีอินทรีล่าสายลมที่วันหนึ่งไปได้เป็นหมื่นลี้ ครั้งนี้ทั้งสองคนไม่ได้พาเสี่ยวไป๋มาด้วย ซูเลี่ยงกับซูเพ่ยต่างก็ฝึกฝนอยู่ที่บ้าน ก่อนจะไปซูรุ่ยได้ให้พวกเขาสาบาน และเอาวิชาเคลื่อนวิญญาณให้กับเขาทั้งสองคน สำหรับทั้งสองคนสุดท้ายแล้วจะมีความสำเร็จอย่างไร ก็ต้องดูความพยายามของพวกเขาเองแล้ว  

 

 

อัจฉริยะของจริงบนโลกใบนี้มีแค่ส่วนน้อยมากมาเสมอ ทุกสิ่งอยู่ที่คนทำ เพียงแค่คุณพยายามแล้ว คุณก็สามารถที่จะเป็นอัจฉริยะภายหลังได้ 

 

 

“บินผ่านภูเขาใหญ่นี้ ก็น่าจะเป็นหมู่บ้านตระกูลซูแล้ว” 

 

 

ข้างหูเป็นเสียงลมดังฟู่ๆ ซูหว่านพิงอยู่ในอ้อมอกของซูลุ่ยพูดเสียงเบาๆ ตามความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม  

 

 

ขณะนี้ บนภูเขาวิสวยงามมาก มองลงมาจากบนฟ้า ยังสามารถเห็นดอกไม้ทั่วทั้งภูเขาออกดอกเบ่งบานอย่างไม่เกรงกลัว  

 

 

ที่นี่ทั้งปีเสมือนฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้นานาชนิดออกดอกสวยงาม ซูหว่านหวนคิดถึงภาพสวยงามสมัยเด็กในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม แววตาอดไม่ได้ที่จะอ่อนโยนลง 

 

 

“ที่นี่ยังคงสวยเหมือนเดิม” 

 

 

นางพึมพำกับตัวเองเบาๆ เวลาต่อมาอินทรีล่าสายลมที่อยู่ด้านใต้จู่ๆ ก็บินโฉบลงไปยังผืนป่า 

 

 

“ซูรุ่ย?”  

 

 

ซูหว่านชะงัก หันหน้ามองผู้ชายที่อยู่ข้างหลังตัวเองด้วยสีหน้าแปลกใจ 

 

 

“ที่นี่สวยจริงๆ”  

 

 

ซูรุ่ยเอาริมฝีปากชิดข้างใบหูของซูหว่าน “ภรรยา คุณไม่รู้สึกหรือว่าที่ที่นี้เหมาะที่จะทำเรื่องเรื่องหนึ่งมากเลยนะ” 

 

 

“อะไร”  

 

 

ซูหว่านตอบกลับไปด้วยจิตใต้สำนึก 

 

 

ซูรุ่ยซบอยู่หลังใบหูของซูหว่าน ลมหายใจหนักแน่น “ทำเรื่องอย่างว่ายังไงล่ะ!” 

 

 

ซูหว่าน “…” 

 

 

ท่านแม่ทัพซูศีลธรรมจรรยาของคุณตกหายไปแล้ว~ 

 

 

ซูรุ่ยคิดในใจ ศีลธรรมจรรยาคืออะไรเหรอ กินได้หรือเปล่า อุตส่าห์สะบัดก้างขวางคอมากมายที่บ้านให้หลุดออกไปอย่างยากเย็น ท่านแม่ทัพซูบอกว่าโลกของสองเราก็เล่นกันแบบนี้ล่ะ