ตอนที่ 223

เสน่ห์คมดาบ

พอคามิลล์พูดจบเขาก็ลากชีอ้าวชวางไปที่หน้ากระจกแล้วหาหวีและกรรไกรจากในลิ้นชักนั้นออกมา จากนั้นก็เตรียมจัดการกับผมที่ยาวเกินไปของชีอ้าวชวาง 

 

 

“เจ้า…” เฮยหยู่เพิ่งพูดออกไปเพียงคำเดียว แต่ไป๋ตี้ก็เอามือมาแตtเขาไว้เบาๆ เฮยหยู่หันไปมองไป๋ตี้ ก็เห็นว่าเขากำลังส่ายหัวน้อยๆ 

 

 

“ฮึ่ม!” เฮยหยู่เข้าใจแต่ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี จากนั้นเขาก็พูด “คามิลล์ เจ้ารู้ว่าพลังของพวกเราถูกผนึกไว้ เจ้าเองก็ช่วยปลดผนึกให้เราได้เช่นกันงั้นหรือ?” 

 

 

“ใช่” คามิลล์ยังคงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ได้หันกลับไปมองเฮยหยู่และไป๋ตี้เลย เขายังคงช่วยจัดการกับผมของชีอ้าวชวางอยู่อย่างอ่อนโยน 

 

 

“ให้ตายสิ! เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงไม่ช่วยปลดผนึกให้พวกเรา?” เฮยหยู่ถามอย่างโกรธเกรี้ยว 

 

 

“ก็เจ้าไม่ได้ขอให้ข้าช่วยปลดผนึกให้เจ้านี่” คามิลล์พูดเสียงเบา 

 

 

เฮยหยู่แทบจะกระอักเลือดออกมา ถ้าไม่ใช่ว่าไป๋ตี้ดึงเขาไว้ เขาคงจะพุ่งเข้าไปจัดการคามิลล์แล้ว 

 

 

“ที่นี่คือวังของโยซาลี่ เช่นนั้นก็แสดงว่าตอนนี้รัฐประหารในโยซาลี่สำเร็จแล้ว และหลงซ่าซือได้เป็นราชาแล้วหรือ?” ชีอ้าวชวางถามพลางอุ้มแมวล่าสมบัติอยู่ในอ้อมกอด “ในเวลาที่พวกเราอยู่ในที่แห่งนั้นเกือบสิบวัน มีเรื่องราวเกิดขึ้นที่นี่มากมายเลยหรือ?” 

 

 

“มากมายเลย เสี่ยวอ้าวชวาง เวลาที่พวกเจ้าอยู่ในที่แห่งนั้นสิบวัน เท่ากับเวลาที่นี่ผ่านไปถึงสามเดือนแล้ว” คามิลล์จัดทรงผมให้ชีอ้าวชวางอย่างละเอียด เขาเล็มผมที่ยาวมากเกินไปของชีอ้าวชวางให้เหลือยาวแค่เข่าเท่านั้น 

 

 

สามเดือน! ชีอ้าวชวางหันไปมองคามิลล์อย่างตะลึง เวลาที่นี่ผ่านไปนานขนาดนั้นเลยหรือ?! 

 

 

“อย่าเพิ่งขยับสิ ข้ายังตัดผมไม่เสร็จเลยนะ ตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว” คามิลล์พูดเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม 

 

 

ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว… 

 

 

ชีอ้าวชวางนิ่งอึ้งไป 

 

 

เกือบจะหนึ่งปีแล้วสินะ… 

 

 

นับจากวันเกิดครั้งนั้นมาจนถึงตอนนี้ ก็เกือบหนึ่งปีแล้ว… 

 

 

“เสี่ยวอ้าวชวางจะเติบโตขึ้นแล้ว วันเกิดอายุครบสิบหกปีเจ้าอยากได้อะไร?” คามิลล์ตัดผมให้ชีอ้าวชวางเสร็จแล้วก็พยักหน้าอย่างพอใจโดยไม่สนใจไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่อยู่ในห้องด้วยเลย 

 

 

“ข้า…” ชีอ้าวชวางอึ้ง ของขวัญหรือ? นางไม่เคยนึกถึงของแบบนั้นเลย  

 

 

“สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ไป๋ตี้พลันเอ่ยขึ้นมาในเวลานี้ 

 

 

“ทุกอย่างเป็นไปตามที่ข้าได้วางเอาไว้” คามิลล์เอนกายพิงโต๊ะเครื่องแป้งด้วยท่าทางสง่างามแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “หากอันพาแกรนด์และลากัคจะประกาศสงครามกัน โยซาลี่ก็ย่อมจะเป็นพันธมิตรกับทางลากัคอยู่แล้ว ถึงวิหารแห่งแสงจะอยากเข้ามาวุ่นวายก็จะถูกผลักออกไป เพราะว่าโยซาลี่ได้กำจัดอำนาจของวิหารแห่งแสงออกไปหมดแล้ว” 

 

 

“พวกเราต้องทำอะไรบ้าง?” เฮยหยู่เอ่ยถาม 

 

 

“สังหารหมู่” คามิลล์ยิ้มอ่อนโยนราวกับฤดูใบไม้ผลิในขณะที่พูดคำนั้นออกมา จากนั้นก็พูดเรียบๆ “สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็คือไปฆ่าพวกชนชั้นสูงของวิหารแห่งแสง แน่นอนว่ารวมไปถึงพวกทูตสวรรค์ที่เอาแต่บินว่อนไปทั่วนั่นด้วย” 

 

 

“ใช่สินะ หากจะให้มนุษย์ไปจัดการกับทูตสวรรค์หกปีกกับแปดปีกนั่นก็จะเป็นการเสียเปรียบมาก” ไป๋ตี้พูดเบาๆ 

 

 

“พวกเจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ พักผ่อนให้เต็มที่แล้วค่อยลงมือ” คามิลล์หยิบหวีมาสางผมสีบลอนด์ของเขาแล้วพูด “อื้ม ผมของข้ายังเรียบสลวยอยู่เลยนะ” 

 

 

ไป๋ตี้ “…” 

 

 

เฮยหยู่ “…”  

 

 

ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วพูดเสียงเรียบ “ท่านได้ข่าวอาจารย์ข้าบ้างหรือไม่? ที่อยู่ของซัมเมอร์ล่ะ? คนอื่นๆ ด้วย ตอนนี้ทุกคนเป็นอย่างไรกันบ้าง?” 

 

 

“อาจารย์ของเจ้า ตอนนี้เขากำลังหลับอยู่ในห้องนอนของวังแห่งนี้รอเจ้ากลับมาอยู่ ก่อนที่เจ้าจะกลับมา เขากลายเป็นคนที่ดุร้ายที่สุดเลย เห็นอะไรในโยซาลี่ขัดตาหน่อยก็เอาแต่จะระเบิดแล้วก็ร่ายคาถาต้องห้ามออกมา ส่วนซัมเมอร์และสุ่ยเหวินโม่ตอนนี้กำลังช่วยเฟิงอี้เซวียนอยู่ที่ลากัค พอซัมเมอร์รู้ว่าเจ้าไม่เป็นไร นางก็ตื่นเต้นจนแทบจะสลบไปเลย ส่วนคนอื่นๆ แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าและกำลังเปล่งประกายอย่างยิ่งใหญ่” คามิลล์เสยผมเบาๆ แล้วพูดอย่างหลงตัวเอง 

 

 

“เปล่งประกายอย่างไร?” เฮยหยู่ถาม 

 

 

“สาขาย่อยของวิหารแห่งแสงในโยซาลี่ถูกกำจัดทั้งหมดแล้วถูกแทนที่ด้วยวิหารแห่งคำสั่งของพวกเรา” คามิลล์ยื่นมือออกไปลูบหัวชีอ้าวชวางแล้วพูด “การที่จะให้พวกเขาศรัทธาเทพเจ้าแห่งความมืดในเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก ดังนั้น ข้าจึงตั้งวิหารแห่งคำสั่งนี้ขึ้นมา โดยที่ระบบต่างๆ จะคล้ายกับวิหารแห่งความมืด เพียงแต่ว่า หากประชาชนอยากได้อะไรก็จะต้องจ่ายด้วยราคาที่เท่าเทียมกัน ทุกอย่างต้องแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม” 

 

 

“วิหารแห่งคำสั่ง?” ไป๋ตี้ย้ำเสียงต่ำ จากนั้นก็พูด “ดูมีตั้งอยู่บนความจริงมาก แบบนี้ดีกว่าคำสัญญาลมปากของวิหารแห่งแสงนั่นตั้งเยอะ” 

 

 

“แน่นอนสิ ดูเสียก่อนว่าข้าเป็นใคร” บนใบหน้าสง่างามของคามิลล์ปรากฏยิ้มภาคภูมิใจ 

 

 

ชีอ้าวชวางมองรอยยิ้มของคามิลล์แล้วอ้าปากเล็กน้อย นางคิดจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา 

 

 

“ว้าว แมวล่าสมบัติ!” คามิลล์เห็นแมวล่าสมบัติที่นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของชีอ้าวชวางแล้วพูดอย่างตื่นเต้น 

 

 

“ท่านรู้จักเจ้าตัวนี้ด้วยหรือ?” ชีอ้าวชวางก้มหน้ามองแมวล่าสมบัติที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่แล้วถามด้วยความสงสัย 

 

 

“ของดีเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ…” คามิลล์ยิ้ม “เลี้ยงมันให้ดีนะ ต่อไปในอนาคตจะมีประโยชน์มากๆ เอาละ เดี๋ยวข้าจะให้คนพาพวกเจ้าไปพักผ่อน อาหารเย็นก็จะส่งให้ถึงห้องนอนของพวกเจ้าเลย พรุ่งนี้เราค่อยมาฉลองการกลับมาของพวกเจ้ากัน ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนพวกนั้นรู้เข้านะ ไม่เช่นนั้นคืนนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้พักผ่อนเลย” 

 

 

“ตอนนี้เจ้าอยู่ในตำแหน่งอะไรของโยซาลี่?” เฮยหยู่ขมวดคิ้วถาม 

 

 

“อัครมหาเสนาบดี” คามิลล์เหลือบตามองพร้อมรอยยิ้ม “จำเอาไว้ว่าต่อไปให้เรียกข้าว่าท่านอัครเสนาบดี” 

 

 

“…คิดเสียว่าข้าไม่ได้ถามแล้วกัน” เฮยหยู่พูด 

 

 

คามิลล์พูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ไปพักผ่อนกันเถอะ มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้” 

 

 

“เดี๋ยวก่อน!” เฮยหยู่นึกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ 

 

 

“อะไร?” คามิลล์ตอบรับ 

 

 

“ในเมื่อเจ้าเปิดประตูมิติได้ แล้วยังเปิดผนึกพวกเราได้ด้วย เช่นนั้นก็แสดงว่าเจ้ามีความสามารถที่จะจัดการกับทูตสวรรค์แปดปีกได้น่ะสิ หรืออาจจะทูตสวรรค์ชั้นสูงก็ด้วย? เช่นนั้นทำไมเจ้าไม่สังหารหมู่พวกทูตสวรรค์ตั้งแต่เริ่มล่ะ?” เฮยหยู่ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย 

 

 

“เจ้ากำลังพูดอะไรกัน” คามิลล์ลูบนิ้วขาวเรียวยาวของเขาอย่างไม่พอใจแล้วพูดอย่างรังเกียจ “ทำไมข้าจะต้องไปทำเรื่องที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกที่หยาบคายและไร้ความงดงามพวกนั้นด้วย? สิ่งที่ข้าชอบก็คือการที่กริชเย็นๆ เฉือนไปที่คอของคนอย่างเงียบๆ ต่างหาก ความรู้สึกสวยงามและเยือกเย็นเช่นนั้น คนหยาบคายอย่างพวกเจ้าคงจะเข้าไม่ถึงหรอก” 

 

 

เฮยหยู่หน้าตึงจนแทบจะระเบิดออกมา 

 

 

คามิลล์สะบัดนิ้วของเขา จากนั้นเขตกั้นในห้องก็หายไป 

 

 

“ทหาร” เพียงแค่คามิลล์สะบัดมือ ประตูก็เปิดออก ปรากฏให้เห็นทหารยามที่อยู่หน้าประตู เมื่อทหารยามได้เห็นว่าในห้องนั้นมีคนเพิ่มขึ้นสามคนก็ตกตะลึง สามคนนั้นเข้าไปในห้องของท่านเสนาบดีเมื่อไหร่กัน ในเมื่อพวกเขายืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องไม่ห่างเช่นนี้ 

 

 

“ไม่ต้องมองแล้ว พวกเขาคือเพื่อนของข้าเอง เจ้าพาพวกเขาไปพักผ่อนเสีย จัดเตรียมห้องรับแขกอย่างดีที่สุดและอาหารเลิศรสให้ผู้หญิงคนนี้ด้วย” คามิลล์มองทหารที่ยืนอึ้งแล้วออกคำสั่ง 

 

 

“ครับท่าน” ทหารเรียกสติคืนมาแล้วพยักหน้าอย่างสุภาพ จากนั้นก็ทำตามคำสั่ง “ทุกท่านโปรดตามข้ามา” 

 

 

เมื่อไปถึงหน้าห้องที่เตรียมไว้สำหรับชีอ้าวชวาง เฮยหยู่ก็ทำท่าจะเดินตามเข้าไป แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดเพราะสายตาเย็นชาของชีอ้าวชวาง 

 

 

“เหอะๆ ฮ่าๆ…ข้าลืมไป” เฮยหยู่หัวเราะแกนๆ แล้วถอยออกมายืนกับไป๋ตี้ 

 

 

“ฮึ!” ชีอ้าวชวางเข้าไปแล้วปิดประตูด้วยความไม่พอใจสุดๆ แม้ว่าตอนที่สองคนนั้นยังเป็นเจ้าขนปุยอยู่จะไอคิวไม่สูงนัก แต่ตอนนี้ที่พวกเขากลับคืนร่างมนุษย์แล้วก็ไม่มีทางลืมทุกอย่างหรอก เสียเปรียบจริงๆ นางนอนกับสองคนนั้นมาตั้งนาน! 

 

 

ไป๋ตี้เหลือบมองเฮยหยู่อย่างเย็นชาแล้วเดินนำหน้าไปพร้อมพูดเบาๆ “หน้าด้านไร้ยางอาย” 

 

 

“ให้ตายสิ! เจ้าว่าใคร?” เฮยหยู่ชักสีหน้าขึ้นมาทันที “พูดเหมือนเจ้าเป็นคนดีเสียอย่างนั้น ทุกคืนเจ้าไม่ได้นอนกับ…” เฮยหยู่เกือบจะพูดคำพูดหลังออกมา แต่นึกได้ว่ามันดูไม่ดีเลยกลืนคำพูดกลับไป 

 

 

หลังจากที่ชีอ้าวชวางกับแมวล่าสมบัติอาบน้ำเสร็จไม่นาน อาหารเย็นก็มาแล้ว แมวล่าสมบัติไม่เหมือนกับแมวทั่วๆ ไป มันชอบน้ำมาก ตอนที่ชีอ้าวชวางอาบน้ำให้มัน มันเพลิดเพลินที่สุด ทั้งยกเท้าหน้า ยกเท้าหลัง กระดิกหางให้ชีอ้าวชวางอาบน้ำให้ สุดท้ายก็ให้ชีอ้าวชวางเช็ดขนให้จนแห้งแล้วก็ไปขดอยู่ในอ้อมแขนของชีอ้าวชวางไม่ยอมออกไปไหน 

 

 

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เจ้าแมวล่าสมบัติก็กินอย่างพิถีพิถันตามที่โพ่เทียนบอก มันเขี่ยผักที่มีอยู่ออกไปทั้งหมดแล้วกินแค่เนื้อเท่านั้น หลังจากกินเนื้อเสร็จก็เหยียดเท้าออกไปเช็ดที่ผ้าเช็ดปากสีขาว เช็ดแล้วเช็ดอีกจนสะอาด จากนั้นนั้นมันก็มองชีอ้าวชวางสลับกับผลไม้ 

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มออกมาแล้วหั่นผลไม้ชิ้นใหญ่ให้เป็นชิ้นเล็กๆ แมวล่าสมบัติก็แทะผลไม้ไปทีละชิ้นอย่างพึงพอใจ พอกินอิ่มแล้วมันก็กระโดดขึ้นเตียงไปนอนบนเบาะที่ชีอ้าวชวางเตรียมเอาไว้ให้อย่างสบาย 

 

 

ภาพทั้งหมดนี้ทำเอาสาวใช้ที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ตะลึงไปเลย แมวน้อยที่น่ารักราวกับคนเช่นนี้ทำให้สาวใช้ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เตียง นางเห็นว่าแมวน้อยช่างน่ารักเหลือเกินเลยอยากจะสัมผัสดูสักหน่อย สาวใช้ค่อยๆ ยื่นมือออกไปใกล้แมวล่าสมบัติที่หลับตาพริ้มอยู่อย่างระมัดระวัง 

 

 

ทันใดนั้นชีอ้าวชวางก็หันไปเห็นเข้าพอดี “อย่านะ!” ชีอ้าวชวางตะโกนอย่างร้อนใจ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว 

 

 

แมวล่าสมบัติลืมตาขึ้นทันที ตาสีเหลืองอำพันของมันมีประกายสีทองประหลาดเกิดขึ้น จากนั้นมันก็หมุนตัวแล้วส่งเสียงอย่างไม่พอใจ 

 

 

“กรี๊ด…” สาวใช้ร้องตกใจกลัว เพราะจู่ๆ ร่างของนางก็ถูกผลักถอยหลังจนใกล้จะกระแทกกับกำแพงข้างหลังโดยไม่ทันตั้งตัว 

 

 

ชีอ้าวชวางสะบัดนิ้ว ทันใดนั้นก็มีเขตกั้นนุ่มๆ มาป้องกันที่หลังของสาวใช้ทันที 

 

 

สาวใช้ตะลึงแล้วมองไปที่แมวล่าสมบัติบนเตียงอย่างหวาดกลัว พร้อมกับลมหายใจที่หอบถี่จนควบคุมให้สงบลงไม่ได้