บทที่ 1 ให้ยาคุมเจ้าหนึ่งชาม

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 1 ให้ยาคุมเจ้าหนึ่งชาม
“วันนี้เจ้าต้องร่วมหอกับเยียนเอ๋อร์!”

“นี่คือยาปลุกอารมณ์ เจ้าเอากลับไปดื่มด้วยกันกับเยียนเอ๋อร์ ยามร่วมหออ่อนโยนกับนางหน่อย หากวันนี้สามารถท้องลูกชายได้เลยยิ่งดี ต่อไปพวกเจ้าค่อยมีลูกสาวกันจะยิ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมากขึ้น”

“ส่วนเรื่องนั้นที่เจ้าพร่ำขอร้องอ้อนวอนข้า หากวันนี้เจ้ารับปากแล้ว ข้าจะให้สัญญาเวลาห้าปีกับเจ้า…”

บ่อน้ำพุร้อน ไอร้อนขึ้นกรุ่น

ความเจ็บปวดที่เจาะใจเสียดกระดูกพลันกระจายไปทั่วร่างอย่างช้าๆ หนานหว่านเยียนยังไม่ทันรู้ตัว หัวเธอก็โดนคนจับกระแทกขอบสระอย่างแรง

มีคนรังแกเธอจากด้านหลัง!

“อ๊า…” หนานหว่านเยียนอุทานด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่รู้ตัว เลือดสดไหลรินลงมาจากขมับ ผู้ชายด้านหลังบ่นพร่ำอย่างโมโห—

“หนานหว่านเยียน เจ้าให้ไทเฮาพระราชทานน้ำแกงบังคับข้าร่วมหอ ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว พอใจแล้วหรือไม่เล่า?!”

ไทเฮาอะไร ร่วมหออะไร?

หนานหว่านเยียนทั้งเจ็บทั้งงง

เธอเป็นดอกเตอร์หญิงอันดับต้นๆของห้องวิจัยในมหาลัยปัจจุบันแท้ๆ ทำไมแค่ห้องวิจัยระเบิดครั้งเดียว ก็ทำจนเธอกลายเป็นคนอื่นเลย!

เธอตกตะลึงขั้นสุด อาศัยผิวน้ำของบ่อน้ำพุร้อนลอบมองผู้ชายด้านหลัง

ผู้ชายคนนั้นหน้าตาหล่อเหลามาก สองแก้มกลับมีสีแดงระเรื่ออย่างผิดปกติ ดวงตาดำขลับคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่มีต่อเธออย่างเข้ากระดูกดำ!

เธอตกใจมาก รู้สึกตัวอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง ความชาและคันเหมือนแมลงกัด ทำให้เธอปฏิเสธการร่วมเพศครั้งนี้ไม่ได้

หนานหว่านเยียนโดนเขารังแกจนตาเห็นดาว ในตอนนี้เอง ในสมองกลับมีความทรงจำแปลกๆเข้าหมัวมัวกมาย—

ที่นี่คือราชวงศ์ซีเย่ และร่างเดิมนี้คือหนานหว่านเยียน ลูกสาวเมียเอกของจวนเสนาบดี นิสัยอ่อนแอขี้ขลาดแต่เด็ก ไม่ชอบพูดจา ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหกปีก่อน จู่ๆแก้มขวาของนางก็มีจุดด่างดำแผ่นใหญ่ขึ้นมา อัปลักษณ์อย่างมาก

แต่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งนี้กลับรักปักใจมั่นคงต่อผู้ชายท่าทางดุร้ายตรงหน้านี้ —กู้โม่หานอ๋องอี้ และยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา

น่าเสียดายที่ตั้งแต่ต้นจนจบกู้โม่หานกลับรังเกียจร่างเดิมมาก เขาคิดว่าพ่อของร่างเดิมทำให้เสด็จแม่ของเขากลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา และยังทำลาย “บุพเพดีๆ”ของเขากับคนอื่นด้วย!”

หนานหว่านเยียนรวบรวมความทรงจำ ความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่สติเธอจะหลุดลอย เธอได้ยินเสียงเขาแค่นหัวเราะพูดคำสุดท้ายว่า—

“หนานหว่านเยียน เสียพรหมจรรย์ก่อนแต่งงานแล้วยังกล้ามาแต่งงานกับข้า เจ้าช่างใจกล้านัก! ข้าจะไม่ปล่อยเจ้ากับทั้งตระกูลหนานไป และไม่มีวันยอมให้เจ้ามีสายเลือดราชวงศ์ด้วย เพราะเจ้ามิคู่ควร!”

พูดจบ กู้โม่หานโยนหนานหว่านเยียนลงไปในบ่อน้ำพุร้อนอย่างแรง

เขามองดูผู้หญิงที่ดิ้นรนกลางสระอย่างเย็นชา ยิ้มมุมปากเย้ยหยัน

เขาสวมใส่เสื้อผ้า และหมุนตัวจากไปอย่างไม่ไยดี “โชคร้ายจริง!”

ในสระน้ำเงียบกริบ

คนรับใช้ที่คอยรับใช้หนานหว่านเยียนวิ่งกรูเข้ามาในห้องอาบน้ำ พอเห็นร่างสตรีลอยกลางสระน้ำ พวกเขาร้องเสียงหลงอย่างตกใจระคนหวาดกลัว—

“ใครก็ได้ พระชายาจมน้ำแล้ว!”

พอคำนี้ออกมา ก็มีสาวใช้หลายคนร่วมมือกันช่วยคนขึ้นมา

อากาศเข้าสู่จมูกของหนานหว่านเยียนอีกครั้ง หลังจากเธออาเจียนเลือดออกมาชุดใหญ่ ก็นอนหอบหายใจหนักอยู่ข้างสระน้ำ

เกือบไป เกือบตายแล้วสิ

ร่างเดิมนี่คิดยังไงนะ เจอผู้ชายที่ใช้ความรุนแรงกับครอบครัวแล้วยังรักเขาจนจะเป็นจะตายอีก!

หาเรื่องเองแท้ๆ!

เหล่าคนรับใช้เห็นนางกระอักเลือดก็ยิ่งหวาดกลัว “พระชายา ท่านเป็นอย่างไรบ้าง รีบไปเชิญท่านหมอมาเร็ว!”

หนานหว่านเยียนพึ่งโดนผู้ชายที่ใช้ความรุนแรงกับครอบครัวนั่นทำจนกระอักเลือด แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก “ไม่เป็นไร”

เธอเหล่อย่างไม่ตั้งใจ เห็นใบหน้าตนเองที่สะท้อนบนผืนน้ำสระน้ำพุร้อน

ใบหน้าของร่างเดิมนั้นงดงามมาก แต่จุดด่างดำชิ้นใหญ่ที่มาอย่างไม่รู้สาเหตุบนแก้มขวานั้นทำให้นางดูน่ากลัวสยดสยองยิ่งนัก

เคยคิดว่าจะน่าเกลียด แต่ไม่คิดว่าจะอัปลักษณ์ขนาดนี้

แต่จุดด่างดำนี่เหมือนโดนคนวางยาพิษใส่ล่ะมั้งนะ?

ด้วยวิชาการแพทย์ของเธอ สามารถรักษาใบหน้าตนเองได้สบาย

หนานหว่านเยียนยกมือขึ้นจะจับใบหน้าตนเอง องครักษ์ข้างกายกู้โม่หานก็เดินเข้ามาพูดเสียงเย็นชาว่า “ท่านอ๋องมีรับสั่ง! พระชายาชั่วช้าอย่างที่สุด จึงประทานยาคุมหนึ่งชามมาให้ นับจากวันนี้เป็นต้นไปให้ไปอยู่เรือนเย็น เป็นตายร้ายดีไม่ว่า!”

พูดจบ หนานหว่านเยียนก็โดนคนจับกรอกยาคุมชามหนึ่ง จากนั้นโยนเข้าไปในเรือนเย็น

พอเห็นเรือนเย็นที่สภาพยับเยินดูไม่จืด ไม่สามารถให้คนอาศัยอยู่ได้เลย หนานหว่านเยียนแอบกำหมัดแน่น

ผู้ชายสารเลว อย่าให้เธอเจออีกนะ!

ไม่อย่างนั้น…

วันเวลาผ่านไป อีกห้าปีให้หลัง

เด็กผู้หญิงอายุสามสี่ขวบคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอกกำแพงสูงของจวนอ๋องอี้ แหงนคอมองเด็กผู้หญิงอีกคนที่กำลังปีนอยู่บนกำแพง พลางพูดเสียงต่ำว่า “อีกนิดเดียว! ซาลาเปาพยายามเข้า!”

เด็กผู้หญิงสองคนหน้าตาเหมือนราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน เด็กผู้หญิงบนกำแพงมัดผมจุกลูกชิ้น กอดกำแพงแน่น ตอบเด็กผู้หญิงคนที่มัดสองหางเปียข้างล่างเสียงสั่นเครือว่า “พี่สาว ข้า ข้าไม่กล้า…”

“ไอ้หยา ก็แค่หลับตากระโดดลงมาเท่านั้นเองนี่นา”

“แต่แต่แต่..แต่ท่านแม่ให้พวกเรารอที่บ้านนะ”

“ในเมื่อพวกเราคิดจะหนี ก็ต้องรีบหน่อย ในตำราบอกไว้ว่าแผนการไม่ทันอะไรนะ…ยังไงซะเจ้ารีบลงมาเถอะ รอท่านแม่ซื้อรถม้ามาแล้ว พวกเราก็ได้ไปเที่ยวแล้ว”

ห่างไปไม่ไกล มีรถม้าที่ดูหรูหรานักคันหนึ่งพลันหยุดลง…