บทที่ 242 สือโถวหลุดปาก

จางซิ่วเอ๋อชะงักไปเล็กน้อย สือโถวนี่…..

สือโถวอายุยังไม่มาก ลำพังเขาเองจะพูดจาแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ที่เขาพูดแบบนี้แสดงว่าต้องได้ยินมาจากคนอื่นแน่ ๆ

จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ชอบสือโถวเท่าใดนัก แม้ว่าเขาจะอายุไม่มาก แต่นิสัยเสียไปจนถึงสันดานแล้ว

เขารังแกจางซานหยาไว้ไม่น้อยเลยล่ะ!

“สือโถว! เจ้าบอกข้าหน่อยว่าพ่อแม่เจ้าด่าแม่ข้าว่าอะไรบ้าง แล้วข้าจะให้ลูกกวาดเม็ดนี้กับเจ้า” จางซิ่วเอ๋อควักลูกกวาดหนึ่งเม็ดออกจากกระเป๋าตัวเองและแกว่งไปมา

สือโถวเห็นลูกกวาดแล้วดวงตาเป็นประกาย อ้าปากน้ำลายไหล

“แม่ข้าบอกว่าพวกเจ้าปิดประตูกินของดีกันทุกวัน ไม่รู้จักแบ่งพวกเราบ้าง แม่ข้ายังบอกอีกว่าในท้องของนางเป็นตัวขาดทุน เป็นเดรัจฉาน น่าเสียดายที่ชนไม่หลุด……”​ สือโถวทวนคำพูดที่แม่เถาแอบพูดออกมาจนหมดเปลือก

เสียงของสือโถวดังมาก คนในที่นี้ที่หูไม่หนวกล้วนได้ยินกันทั้งนั้น

จางซิ่วเอ๋อยื่นลูกกวาดให้สือโถว

นางมองแม่เถาด้วยสายตาเย็นเยียบ “ท่านป้าสาม จนป่านนี้แล้วท่านยังจะเล่นลิ้นอยู่อีกหรือ? เกิดอะไรขึ้นกับเด็กในท้องแม่ข้ากันแน่! ลูกชายท่านเป็นคนพูดเองนะ! นี่ลูกชายแท้ ๆ ของท่านเอง เป็นไปได้หรือที่เขาจะเข้าข้างเรา?”

ทีแรกจางซิ่วเอ๋อตั้งใจจะส่งสัญญาณลับให้ผู้ใหญ่บ้านซ่ง ขอให้ผู้ใหญ่บ้านซ่งเข้าข้างนางด้วย

แต่คิดไม่ถึงว่าสือโถวจะออกมาได้ทันท่วงทีขนาดนี้ ตัดปัญหาของจางซิ่วเอ๋อไปได้มากโข

มีคนจำพวกชอบแส่คนหนึ่งถามขึ้นท่ามกลางฝูงชนเพื่อความมั่นใจ “พี่ชายเจ้าเป็นคนชนรึ?”

สือโถวในตอนนี้ยังไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ จึงพยักหน้า

ว่ากันว่าเด็กโกหกไม่เป็น ตอนนี้สือโถวยังไม่รู้จักเล่ห์เหลี่ยม

จางเป่าเกินเห็นว่าปิดบังไม่อยู่แล้ว จึงสารภาพหมดทุกอย่าง “ข้าเป็นคนชนแล้วทำไม? นั่นก็เพราะนางสมควรโดน! ข้าแค่หิวเลยไปหาของกิน แต่นางกลับปากมาก! สมควรโดนชน!”

“เด็กคนนี้คลอดออกมาก็เป็นตัวขาดทุน ต่อให้ข้าชนจนเด็กหลุดแล้วจะทำไม?”

จางซิ่วเอ๋อมองจางเป่าเกินที่เลือดลมพลุ่งพล่าน สายตาเต็มไปด้วยความดูหมิ่น

จางเป่าเกินนี่ไร้สมองจริง ๆ!

โจวหู่ได้ยินแล้วก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เตะจางเป่าเกินจนร่วงลงไปกองที่พื้น

แม่เถาจะเข้ามาห้าม แต่หยางชุ่ยฮวาก็กระชากผมของแม่เถาไว้

จางต้าเหออีกด้านก็จะพุ่งเข้ามา

แต่เวลานี้ผู้ใหญ่บ้านซ่งได้ออกคำสั่ง “พวกเจ้ามัวยืนอยู่ทำไม? ยังไม่รีบเข้าไปแยกพวกเขาอีก?”

หลังจากจางเป่าเกินโดนเตะไปหลายทีแล้วโจวหู่ถึงโดนลากออกไป โจวหู่มองจางเป่าเกินด้วยดวงตาแดงก่ำและเอ่ยอย่างเคียดแค้น “วันนี้ข้าจะกระทืบไอ้ลูกกระต่ายอย่างเจ้าให้ตายไปเลย!”

หยางชุ่ยฮวาแค่นเสียงเย็น “ไม่ใช่พวกมีผู้ให้กำเนิดแต่ไม่มีผู้อบรมสั่งสอน ก็เป็นพวกเดรัจฉานที่แม่ท้องกับชายชู้!”

“ผู้ใหญ่บ้านซ่ง ความจริงของเรื่องนี้กระจ่างแล้ว ตอนแรกข้าคิดว่าอย่างไรเสียก็นับว่าเป็นญาติกัน ข้าไม่อยากถือสาหาความ คิดว่าเด็กคนนี้คงทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ แค่ขอโทษก็จบ แต่คำพูดเมื่อครู่นี้ทุกคนก็ได้ยินกันแล้ว จางเป่าเกินเป็นคนจิตใจอำมหิต น่าจะเป็นแม่เถานี่แหละที่สั่งให้จางเป่าเกินทำ ถ้าเรายอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ ก็ไม่รู้ว่าอีกหน่อยคนพวกนี้จะรังแกเหมยจื่ออย่างไรบ้าง!” หยางชุ่ยฮวาพูดเสียงดัง

คำพูดที่สือโถวทวนเมื่อครู่เรียกได้ว่าแทงใจทุกประโยค

ผู้ใหญ่บ้านซ่งคิดไปคิดมาจึงเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นเจ้าจะว่าอย่างไรดี?”

“หากไม่พาตัวไปส่งทางการก็ให้จางต้าหูเขียนหนังสือหย่า ข้าจะพาเหมยจื่อกลับบ้าน” หยางชุ่ยฮวาพูดเสียงดังฟังชัด

จางต้าหูได้ยินแบบนี้ร้อนใจขึ้นมาทันที “ทำแบบนั้นไม่ได้นะ! เหมยจื่อเป็นภรรยาข้า ในท้องยังมีลูกข้าอยู่!”

มือของแม่โจวที่จับจางซิ่วเอ๋ออยู่ก็จับแน่นขึ้น

ดูออกว่าแม่โจวไม่อยากกลับบ้านตระกูลโจว

จะว่าไปจางซิ่วเอ๋อก็พอเข้าใจความคิดของแม่โจวอยู่ แม่โจวเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอ ตอนนี้อายุก็ไม่น้อยแล้ว ถ้าต้องพาลูกเต้ากลับไปอยู่บ้านตัวเองจริง ๆ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

จางซิ่วเอ๋อลูบมือแม่โจวอย่างปลอบโยน ขอให้แม่โจวอย่าเพิ่งพูดอะไร

ผู้ใหญ่บ้านซ่งได้ฟังแล้วรีบบอก “เจ้าพอจะมีทางเลือกที่สามไหม? เจ้าพาแม่โจวกลับไปไม่ใช่ความคิดที่ดี ตอนนี้แม่โจวและจางต้าหูมีลูกกันหลายคนแล้ว แยกยากนะ….”

“ส่วนเรื่องจะไปศาล พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านตาดำ ๆ ไปศาลไม่ก่อประโยชน์ต่อใครทั้งนั้น” ผู้ใหญ่บ้านซ่งพูดพลางยิ้มเอาใจ

ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านซ่งยิ่งเกลียดคนตระกูลจางมากขึ้นไปใหญ่ ทุกครั้งที่ก่อเรื่องก็ต้องให้เขามาคอยเก็บกวาดให้ ที่สำคัญยังไม่ได้อะไรจากการทำแบบนี้ด้วย

จางต้าเหอและจางเป่าเกินได้ยินว่าจะไปศาลจึงร้อนใจขึ้นมา

จางเป่าเกินรีบบอก “เช่นนั้นก็เลือกวิธีที่หนึ่ง ให้แม่โจวพาตัวขาดทุนในท้องไสหัวไป!”

คำพูดของจางเป่าเกินช่างไร้สมองยิ่งนัก

ถ้าเวลานี้ปล่อยให้แม่โจวไปจริง ๆ ก็กลายเป็นว่าทั้งหมู่บ้านชิงสือปกป้องจางเป่าเกินน่ะสิ? ต่อให้ผู้ใหญ่บ้านซ่งเห็นดีเห็นงาม คนอื่นในหมู่บ้านก็ไม่เห็นด้วยหรอก

ทำไมเรื่องชั่ว ๆ ที่จางเป่าเกินทำต้องพาพวกเขาเสียชื่อเสียงไปด้วย!

ผู้ใหญ่บ้านซ่งถลึงตาใส่จางเป่าเกิน และรู้สึกว่าจางเป่าเกินช่างโง่เขลาเกินเยียวยาเสียจริง แล้วจึงเอ่ยขึ้น “เจ้าว่าแบบนี้ได้ไหม? จางเป่าเกินทำผิดจริง ตามหลักแล้วต้องโดนลงโทษ ไปศาลก็ต้องถูกโบย เรามาลงโทษกันส่วนตัวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปถึงศาลหรอก”

หยางชุ่ยฮวาเลิกคิ้วไม่พูดจา

จางต้าหูรีบออกตัวพร้อมกล่าว “ถือว่าไว้หน้าข้าเถอะ เป่าเกินแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ ถ้าต้องไปศาลแล้ววันหน้าจะใช้ชีวิตอย่างไร?”

จางเป่าเกินพูดอย่างเคียดแค้น “ไม่ต้องให้เจ้ามาเสแสร้งเป็นคนดีหรอก!”

จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูอย่างสมน้ำหน้า ก่อนจะกล่าว “ท่านพ่อ ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ? คนเขาอยากจะให้ท่านไม่มีทายาท ไม่ต้องการให้ท่านช่วย ท่านจะเอาตัวเข้าไปยุ่งทำไม?”

จางต้าหูได้ยินจางซิ่วเอ๋อพูดใส่จนหน้าหมอง เวลานี้จึงไม่กล่าวอะไรอีก

หยางชุ่ยฮวาแค่นเสียงเย็น “จางต้าหู เจ้ายังจะเหลือหน้าตาให้เสียอีกหรือ? ลูกเมียของเจ้าเองเจ้ายังปกป้องไม่ได้ เจ้ามันเป็นเศษสวะชัด ๆ!”

หยางชุ่ยฮวาด่าจางต้าหูจนเขาหน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่อาจโต้เถียงอะไรได้

จางซิ่วเอ๋อบีบมือแม่โจว และเอ่ยเสียงแผ่ว “ท่านแม่”

แม่โจวชะงักไปเล็กน้อย ครู่ใหญ่กว่าจะเข้าใจความหมายของจางซิ่วเอ๋อ

ขณะนั้นแม่โจวก็พูดขึ้นเสียงเบา “เป่าเกินยังเป็นเด็กอยู่ ลงโทษหอมปากหอมคอก็พอ ไม่จำเป็นต้องไปศาลหรอกเจ้าค่ะ”

ผู้ใหญ่บ้านซ่งได้ยินแล้วตาเป็นประกาย “แม่โจว ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นคนเข้าใจผู้อื่น! พวกเจ้าดูสิ ขนาดพวกเจ้าทำแบบนี้กับแม่โจว แม่โจวยังช่วยพูดให้พวกเจ้าอีก!”

จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าเรื่องวันนี้ไม่มีทางถึงโรงถึงศาลกันได้หรอก

มิฉะนั้นต้องมีคนในหมู่บ้านไม่น้อยที่จะคอยจับผิดแม่โจว ถึงตอนนั้นจากที่แม่โจวเป็นฝ่ายได้รับความเห็นใจจะกลายเป็นฝ่ายที่โดนเกลียดเอา

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ฝากทุบไอ้เด็กนี่ให้หนัก ๆ เลยนะคะ จะว่าไปแล้วจับแม่เถามาทุบด้วยก็ดีค่ะ โทษฐานเป็นคนเสี้ยมสอนลูก

ไหหม่า(海馬)