บทที่ 197: สรุปแผนงาน

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 197: สรุปแผนงาน

“นอกจากนี้ การควบคุมปริมาณในการส่งออกแต่ละครั้งยังเป็นประโยชน์ต่อเราด้วย ประการแรก พวกเราสามารถรับรองได้ว่า มันจะไม่ส่งผลกระทบกับตลาดมากนัก ประการที่สอง พวกเราสามารถรักษาเสถียรภาพทางการตลาดได้ในระยะยาว มันคล้ายกับการประกาศให้ทั้งประเทศรู้ว่าพวกเขาจะสามารถซื้อไม้ฮวงหัวลี่สายพันธุ์ไหหลำได้จากพวกเราเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น สินค้าของเราจะถูกปล่อยออกมาในปริมาณที่จำกัด แต่ว่าสม่ำเสมอ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อเตือนให้ผู้ซื้อพึงระลึกอยู่เสมอว่าพวกเขาได้รับสินค้ามาจากผู้ใดกันแน่ เพราะสุดท้ายแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกเราจะเข้าถึงผู้ซื้อได้โดยตรง”

“ต่อไปคือเรื่องของการเลือกคู่ค้า ธุรกิจของเราเป็นธุรกิจระยะยาว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับการสร้างคอนเน็กชั่น การหาคู่ค้าใหม่ทุกครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก โดยหลักการแล้ว พวกเราควรจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าสักสองหรือสามราย เพราะสุดท้ายแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเพียงบริษัทเดียวที่ผูกขาดการจัดหาไม้ทั้งหมดของเรา”

“นอกจากนี้ ในความคิดของข้า มันน่าจะใช้เวลาสักพักกว่าที่บริษัทจะคืนทุน ไม่เช่นนั้นบริษัทวัสดุก็คงจะขายสินค้าของพวกเขาด้วยตนเองไปแล้ว สาเหตุที่บริษัทพวกนี้มักจะขายวัตถุดิบของพวกเขาโดยไม่แปรรูปมัน ก็เพราะพวกเขาอยากได้เงินทุนกลับคืนมาให้เร็วที่สุด เพราะท้ายที่สุดแล้ว สภาพคล่องในสินทรัพย์ก็ดีกว่าสภาพคล่องของหุ้นในมืออยู่แล้ว”

เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา “มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใจร้อนในการขายไม้ฮวงหัวลี่ เพราะการขายสินค้าหนึ่งล็อตอาจใช้เวลา 1-5 ปี และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาก็คือราคาที่สูงมากของไม้ฮวงหัวลี่ เพราะมันหมายความว่าเหล่าพ่อค้าไม่สามารถซื้อสินค้าได้จำนวนมากนักได้ในคราวเดียว พวกเขาจะต้องขายชิ้นเก่าให้ได้ก่อนจึงจะสามารถซื้อใหม่ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะมองหาคู่ค้าเพียงรายเดียวได้”

ฉินเย่ฟังหวงเลี่ยงชวนพูดด้วยความสนใจ ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นหวงเลี่ยงชวน อีกฝ่ายยังคงเป็นเพียงหัวหน้าของกลุ่มสนับสนุนตะวันสีชาด แต่ตอนนี้ชายสูงวัยกำลังแสดงให้ถึงความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง แต่เมื่อพูดถึงพยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก แดนมนุษย์จะสามารถสู้กับยมโลกได้อย่างนั้นหรือ?

มันช่างน่าเสียงดายที่นิวตันและวิญญาณตนอื่น ๆ ถูกปัดเป่าโดยพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไปหมดแล้ว มันน่าเจ็บใจนัก…หรือบางทีเขาควรจะค้นหาในวิกิพีเดียดูเผื่อว่ามีบุคคลที่มีชื่อเสียงคนใดมีความเป็นไปได้ที่จะเสียชีวิตในเร็ว ๆ นี้บ้าง…

ฉินเย่กระแอมออกมาเบา ๆ และสลัดความคิดดำมืดที่แวบเข้ามาในหัวของตน ทำไมเขาเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองมองมนุษย์แตกต่างออกไปจากเดิมเข้าไปทุกที ตั้งแต่ที่เริ่มเข้ารับตำแหน่งในยมโลกกันนะ?

ทันใดนั้นเองเขาก็สังเกตได้ว่าทั้งห้องเงียบลงทันที เด็กหนุ่มพยักหน้า “เชิญพูดต่อ”

หวงเลี่ยงชวนแย้มยิ้ม “พวกเราอาจจะยังต้องรบกวนท่านฉินในการจัดการกับเรื่องต่าง ๆ ที่แดนมนุษย์ด้วย”

ฉินเย่ขมวดคิ้วยุ่ง เขาเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองจะต้องเป็นผู้ออกหน้าเจรจาเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแดนมนุษย์

“อาร์ตี้–…”

“ข้าไม่ไป”

เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน หางตาของฉินเย่กระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และก็หันไปกระซิบลอดไรฟัน “นี่ท่านเป็นพยาธิตัวกลมที่อาศัยอยู่ในท้องของข้าหรืออย่างไร? ท่านตอบข้าด้วยน้ำเสียงห้วนและรวบรัดแบบนั้นก่อนที่ข้าจะถามจบเสียอีก!”

“ข้าสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าจะพูดอะไรออกมา ก่อนที่คำพูดพวกนั้นมันจะหลุดออกจากปากของเจ้าเสียอีก” อาร์ทิสกลอกตาใส่อีกฝ่าย จากนั้นด้วยความเกรงใจที่ยังหลงเหลือต่อว่าที่จ้าวนรกในอนาคต

นางโน้มตัวไปกระซิบตอบว่า “ข้าไม่ว่าง เจ้าจะมาขอให้ข้าทำธุระแทนได้อย่างไรในเมื่อข้ายังไม่สามารถรักษาระดับชาเลนเจอร์ของตัวเองได้[1]? นอกจากนี้ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว เจ้าไม่สามารถแต่งตั้งยมทูตขาวดำได้จนกว่าเจ้าจะอยู่ขั้นตุลาการนรก และมันก็มีเพียงขั้นยมทูตขาวดำขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถเดินไปมาในเวลากลางวันได้ หรือเจ้ากำลังจะบอกให้ข้าไปทำธุระให้เจ้าทุกครั้ง?“

จากนั้นโดยไม่เสียจังหวะ อาร์ทิสเอ่ยต่อเสียงเบา “นอกจากนี้ ยมโลกจะต้องเข้าร่วมการค้าขายระหว่างประเทศ อีกไม่ช้าก็เร็วและเจ้าเองก็มีส่วนร่วมโดยตรงกับเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วสัญญาการค้าทั้งหมดล้วนต้องได้รับการรับรองจากจ้าวนรกแต่เพียงผู้เดียว ข้าว่าเจ้าใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ตอนนี้ ฝึกฝนทักษะเจรจาต่อรองของตัวเองไปด้วยเลยก็ดีเหมือนกันนะ”

เส้นเลือดบริเวณขมับของฉินเย่เต้นตุบ ๆ “เช่นนั้นแล้วท่านจะทำอะไร?!”

“ก้าวขึ้นเป็นระดับชาเลนเจอร์อย่างไรเล่า” อาร์ทิสตอบกลับตามตรง ด้วยสีหน้านิ่ง ๆ

“…ข้าให้เวลาท่านสามวินาทีในการคิดคำตอบอีกครั้ง หวังว่าท่านจะตระหนักถึงข้อผิดพลาดของตนเองได้…”

อาร์ทิสเงียบไป จากนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก “ข้า…จะทำให้ที่รักษาความสงบให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้?”

ดี…

ฉินเย่แย้มยิ้มชั่วร้ายและกลับไปนั่งหลังตรงตามเติม ในสายตาของผู้ร่วมประชุมตนอื่น ๆ นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสอง ได้ข้อสรุปในการหารือของพวกเราแล้ว แต่พวกเขาทั้งหมดไม่รู้เลยว่า ‘การหารือ’ ที่พวกเขาคิดนั้นแท้จริงแล้วไม่ต่างอะไรกับอสรพิษสองตัวที่พ่นพิษใส่กันเท่าไรนัก

อาร์ทิส: คนอ่อนแอเช่นเจ้ากล้าดีอย่างไรมาสั่งข้าให้ทำธุระให้?

ฉินเย่: เหอะ…ท่านเป็นเพียงพวกที่ชอบหาประโยชน์จากคนอื่นแต่กลับกล้าปฏิเสธคำขอที่แสนง่ายดายของข้าเนี่ยนะ…ระวังเถอะ สักวันข้าจะหมั้นหมายท่านให้กับยมทูตหัววัวหน้าม้าสักตน!

เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถมอบหมายงานนี้ให้อาร์ทิสได้ ดังนั้นเขาจึงรวบรวมความคิดและเคาะนิ้วลงบนโต๊ะพร้อมขมวดคิ้วยุ่ง

เขาจะออกไปข้างนอกอย่างไรดี?

“นายท่าน…มีบางอย่างทำให้ท่านหนักใจอย่างนั้นหรือ?” เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของฉินเย่ หวงเลี่ยงชวนก็รีบถามอย่างไม่แน่ใจทันที

ฉินเย่พยักหน้าและตอบหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน “ตอนนี้…ข้าอยู่ที่เมืองเป่าอัน เมืองทั้งเมืองอยู่ภายใต้คำสั่งทางทหารอย่างเข้มงวด ถึงแม้ว่าข้าจะมีสถานะพิเศษบางอย่างในเมืองนี้ แต่เหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ย่อมหมายความว่ามันไม่มีหวังเลยที่ข้าจะสามารถออกไปนอกเมืองได้ในเร็ว ๆ นี้”

สีหน้าของหวงเลี่ยงชวนเปลี่ยนไปทันที

บนโลกมักจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีสิทธิเหนือคนธรรมดาทั่วไป แต่ไหนแต่ไรมาความยุติธรรมเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝัน

ยกตัวอย่างเช่นคนอย่างหวงเลี่ยงชวนย่อมรู้ถึงสิ่งที่ประชาชนธรรมดาไม่รู้

เขาหันไปมองรอบ ๆ และถามต่อว่า “สำนักผู้ฝึกตนแห่งแรกอย่างนั้นหรือ?”

ฉินเย่ลูบคาง “ข้าต้องการโอกาสที่จะได้พูดกับตัวแทนของเหล่าพ่อค้าระดับต้น ๆ ในอุตสาหกรรมไม้และของตกแต่งบ้าน บางทีข้าอาจมีโอกาสได้ออกจากเมืองในอนาคตอันใกล้ก็ได้ แต่โอกาสที่ว่าก็น่าจะไม่เกินสามวันเท่านั้น”

เงียบ

หลังจากเงียบไปสักพัก หวงเลี่ยงชวนก็เสนออีกตัวเลือกหนึ่งขึ้นมา “การประมูล?”

“ท่านยังมีสมบัติของพวกเราอยู่ในครอบครอง ในแผ่นดินจีนมีจัดการประมูลครั้งใหญ่อยู่หลายครั้ง และผมก็สามารถเดาได้ว่าในอีกไม่ช้าก็เร็ว ท่านจะต้องขายสมบัติพวกนี้ในงานประมูลอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นท่านสามารถบอกแก่ตัวแทนของโรงประมูลได้ว่าท่านมีไม้ฮวงหัวลี่ 100 ตันและกำลังหาที่ปล่อยของอยู่ ด้วยวิธีนั้น มันจะต้องมีคนเดินทางมาหาท่านในทันทีแน่ นอกจากนี้ ข้ายังสามารถรับรองได้เลยว่ามันจะไม่ได้มีพ่อค้าเพียงแค่รายเดียวแน่ที่ติดต่อท่านมาทันทีที่ท่านประกาศเรื่องนี้ออกไป! เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในกลุ่มพวกคนรวย…ข้อมูลก็มีค่ามากกว่าเงินทองเสียอีก”

ดวงตาของฉินเย่เป็นประกายขึ้นขณะที่เขาลูบคางอย่างครุ่นคิด “แล้วถ้าเป็นการประมูลแบบสาธารณะล่ะ?”

หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือประมูลไม้ฮวงหัวลี่หลายร้อยตันในคราวเดียว

“นายท่าน” หวงเลี่ยงชวนอธิบายอย่างใจเย็น “ท่านลองดูป่าฮวงหัวลี่ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะตัดทั้งหมดได้ในคราวเดียว นอกจากนี้สิ่งที่เรากำลังหาก็คือแหล่งลูกค้าระยะยาว และ…นั่นก็จะเป็นการวางรากฐานสำหรับในอนาคต”

ฉินเย่เข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร

ชายสูงวัยผู้นี้ ควรค่าแก่การที่ถูกเรียกว่าเจ้าสัวแห่งอุตสาหกรรมกระจกอย่างแท้จริง เขาเป็นคนฉลาด และคำนวณทุกสิ่งอย่างละเอียดเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต แน่นอน ตอนนี้ในยมโลกอาจจะมีแค่ไม้ฮวงหัวลี่เพียงอย่างเดียว แต่ผู้ใดจะสามารถรู้ได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกในอนาคต?

การติดต่อคู่ค้าทีละเจ้านั้นสะดวกกว่าการซื้อขายแบบกึ่งสาธารณะอย่างโรงประมูลมาก แม้ว่าวิธีการนี้จะค่อนข้างเก่าไปแล้ว แต่การสร้างความสัมพันธ์เช่นนี้ก็ก่อให้เกิดความมั่นคงมากขึ้นเช่นกัน และผู้อื่นก็จะไม่สามารถยึดหรือเจาะตลาดได้โดยง่าย

“โรงประมูลเจียเต๋อ” กู่ชิงเอ่ยขึ้นก่อนที่หวงเลี่ยงชวนจะได้เอ่ยอะไรต่อ “มีโรงประมูลใหญ่ทั้งสิ้น 10 แห่งในจีน และที่เจียเต๋อก็นับได้ว่าเป็นอันดับ 1 จากนั้นจึงเป็นโพลีอินเตอร์เนชั่นแนล โรงประมูลหรงเป่า ตั่วหยุนซวน จงอันอินเตอร์เนชั่นแนล ฮั่นไห่ สมาคมแกะสลักตราประทับซีเหลิง และอื่น ๆ ตอนนี้โรงประมูลเจียเต๋อนับว่าใหญ่ที่สุดในโรงประมูลทั้งหมด และพวกเขาก็ได้รับความเชื่อถือในเรื่องการเก็บความลับของลูกค้าเป็นอย่างดี นอกจากนี้สถานที่ตั้งของพวกเขาก็อยู่ใกล้มณฑลอันฮุ่ยเป็นอย่างมาก พวกเขามีสาขาอยู่ทั้งที่ตงไห่และจูโจว”

เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่โรงประมูลเจียใช้ระบบของสมาชิก หากท่านฉินไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านอาจจะสามารถใช้บัญชีพรีเมียมของผมได้”

ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ

ดูเหมือนว่าเส้นทางสู่ความร่ำรวยของเขาจะเริ่มขึ้นที่โรงประมูลเสียแล้ว แต่เขาต้องการเวลา ถึงแม้ว่าการเป็นส่วนหนึ่งของสำนักฝึกตนแห่งแรกจะมีผลประโยชน์มากมาย แต่เวลาว่างนั้นน้อยมาก

เขาจะต้องหาทางออกไปนอกเมืองให้ได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง

“โอเค ข้าเข้าใจแล้ว” หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ฉินเย่ก็สรุปได้ว่ามันไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว เขาลุกขึ้นยืนและวิญญาณทั้งหมดก็ลุกขึ้นตามอย่างรวดเร็ว “ทุกท่าน…ข้าจะทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในครึ่งปี ข้าสัญญาว่าจะนำวัสดุทั้งหมดกลับมาให้โดยเร็วที่สุด แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวน”

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ประการแรก ผู้อาวุโสกู่จะรับผิดชอบทุกอย่างที่นี่ในขณะที่ข้าไม่อยู่ ผู้อาวุโสกู่ รบกวนท่านช่วยวาดภาพขนาดย่อของยมโลก รวมถึงสิ่งก่อสร้างทั้งหมดแล้วส่งมาให้ข้าทันทีที่วาดเสร็จ….”

“รับทราบ”

“ประการที่สอง…” เขามองหวงเลี่ยงชวนและวิญญาณตนอื่น ๆ “ผู้เฒ่าหวง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าต้องการให้ท่านรวบรวมวิญญาณภายใต้การดูแลของท่านและเริ่มวางแผนการสำหรับระบบเงินตราซะ”

“เอ่อ…รับทราบ!” หวงเลี่ยงชวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็ได้สติและตอบกลับอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม สายตาของเขายังคงเต็มไปด้วยหวาดหวั่น

“ไม่จำเป็นต้องกังวล” ฉินเย่แย้มยิ้มบาง “นี่คืองานใหญ่ที่ข้าไหว้วานให้ท่านทำ และข้าก็ไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะสามารถทำมันได้ด้วยผู้ช่วยเพียงหยิบมือหนึ่งเท่านั้น ข้ารู้ดีว่าท่านเองก็คงยังไม่คุ้นชินกับระบบเงินตราเช่นกัน แต่ท่านก็ยังมีความเชี่ยวชาญและชาญฉลาดมากกว่าคนอื่น ๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”

จากนั้นฉินเย่จึงหันไปมองรอบ ๆ “ทุกท่าน จงพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ข้าให้คำสัญญาเลยว่าความพยายามของพวกท่าน จะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน”

สิ้นสุดเสียงพูด ทั้งเขาและอาร์ทิสก็เปลี่ยนร่างเป็นกลุ่มก้อนพลังหยินและหายไปจากยมโลก

เมื่อเขาหลับตาลง มันรู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งใบหมุนอยู่รอบตัว และเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่างก็มืดไปหมด ตอนนี้…เขากลับมาที่สำนักผู้ฝึกตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มันเป็นเวลากลางคืนแล้ว และมีกลุ่มดาวมากมายประดับอยู่เต็มท้องฟ้า เด็กหนุ่มกำลังนอนอยู่บนเตียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องของเขาก็ถูกปิดทั้งหมด เสียงพูดคุยเบา ๆ ดังมาจากด้านนอกเมื่อเดินผ่านโถงทางเดินไป ฉินเย่เหลือบมองนาฬิกาของตัวเอง ตอนนี้เป็นเวลาตี 1 แล้ว

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะสามารถหาโอกาสออกไปข้างนอกได้?” อาร์ทิสถามเบา ๆ ฉินเย่มองเพดานและตอบกลับเสียงเบา “ข่าวดีเพียงเรื่องเดียวในตอนนี้ก็คือข้าเป็นส่วนหนึ่งของสาขาการต่อสู้ และในอีกหนึ่งภาคการศึกษาหลังจากนี้เราจะเริ่มการฝึกการต่อสู้จริง เมื่อถึงเวลานั้น เราก็จะมีโอกาสในการออกไปด้านนอกอย่างแน่นอน”

อาร์ทิสหัวเราะเบา ๆ “มันยังเหลือเวลาอีก 150 กว่าวันกว่าจะถึงเวลานั้น…เจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเองจะสามารถทนรอถึงตอนนั้นได้?”

“ถึงแม้ว่าหัวหน้าหน่วยทั้ง 7 จะไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เจ้าได้คิดบ้างหรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในยมโลก หากจำนวนประชากรวิญญาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้? พวกเรากำลังพูดถึงอีกภพภูมิหนึ่ง สถานที่ซึ่งวิญญาณทุกตนจะสามารถเดินไปมาได้โดยไม่ต้องสนใจโลก ข้าแทบจะสามารถยืนยันได้เลยว่ามันจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้แน่ ๆ” นางเอ่ย

“เจ้าอาจจะไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้อีกต่อไปเมื่อจำนวนประชากรทะลุ 1 ล้าน….”

นางจะไม่ลงมืออะไรทั้งสิ้น

ว่าที่จ้าวนรกองค์ต่อไปไม่สามารถเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุม เขาเป็นเหมือนกับดอกไม้ที่ต้องเติบโตในสภาพอากาศที่หนาวจัด

ไม่เช่นนั้น…เขาจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งโลกใต้พิภพองค์อื่น ๆ ในภายภาคหน้าได้อย่างไร?

ฉินเย่กอดอกและเคาะนิ้วไปมาเบา ๆ ไม่ได้ตอบอะไรออกไป

เขาไม่สามารถอดทนรออะไรเป็นเวลานานได้

จนถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มได้พยายามตามหาแหล่งเงินทุนและทรัพยากรที่มั่นคงมาเป็นเวลาสักพักแล้ว และในที่สุดเขาก็หามันพบ แล้วเขาจะรอนานขนาดนั้นได้อย่างไร? เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของการก่อสร้างในยมโลกออกมา!

ตอนนี้ราชาผีทั้งสามและเทพเจ้าแห่งโลกใต้พิภพอีกหลายองค์ที่กำลังจับตาดูการปรากฏตัวของยมโลกอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีเทศกาลศิลปะระดับชาติของอาร์โกส และยัง…..อ้อใช่!

….มันยังมีตี้ทิงที่กำลังนอนรออยู่ข้างใต้อีกด้วย

แล้วเขาจะสามารถอดทนรอนานขนาดนั้นได้อย่างไร?

“ท่านพอจะมีทางทำให้ข้าออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่ถูกจับได้บ้างหรือไม่?”

“มี”

“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มี ทำไมเราไม่….ห๊ะ?” ฉินเย่กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่อาร์ทิส! นางเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

อาร์ทิสเองก็ลุกขึ้นนั่งราวกับวิญญาณร้ายที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิง หลังจากนั้น ก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไรออกมา อีกฝ่ายก็เอ่ยต่อ “แต่ต่อให้เราสามารถออกไปได้แล้ว เราจะหาเวลาออกไปได้อย่างไร?”

“เจ้าจะต้องบรรยายทุกวัน มันไม่มีทางที่จะทิ้งความรับผิดชอบในเรื่องพวกนั้นได้ โจวเซียนหลงไม่ได้อยู่ขั้นยมทูตขาวดำ แต่เขาอยู่ขั้นตุลาการนรกระดับสูง ตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าข้า แน่นอน เจ้าสามารถแอบลงไปยังยมโลกได้โดยที่ไม่ถูกจับได้ด้วยความช่วยเหลือของเศษตราจ้าวนรก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถรับรู้ได้หากเจ้าหายไปจากสำนักเป็นเวลาสองสามวัน”

“สมมติว่าเจ้าติดต่อกับโรงประมูลได้สำเร็จ ขั้นตอนการสมัคร ตรวจสอบ และส่งคำเชิญของพวกเขาก็ต้องใช้เวลาอย่างต่ำสามเดือน และสมมติว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นในวันประมูล มันก็ยังต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวันกว่าที่พวกพ่อค้าพวกนั้นจะเดินทางมาหาเจ้า ไหนจะยังมีการเจรจาต่อรองอีก 2 วัน เมื่อบวกระยะเวลาไปกลับจากโรงประมูล…เราจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดหนึ่งสัปดาห์ เจ้าจะสามารถหายไปจากสำนักฝึกตนแห่งแรกได้ทั้งสัปดาห์ได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าโจวเซียนหลงเป็นเพียงตุ๊กตากระดาษที่มีไว้ตั้งแสดงโชว์เฉย ๆ หรืออย่างไร?”

นางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องเลือกระหว่างสละผลประโยชน์ที่จะได้จากสำนักฝึกตนแห่งแรก หรือยอมกัดฟันรออีกครึ่งปีเสียแล้ว”

“นี่เป็นเหมือนกับการแหกคุก สิ่งที่แม้แต่ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำได้สำเร็จ”

[1] ระดับผู้เล่นสูงสุดในเกมกลอรี่(ROVจีน)