เล่ม 1 ตอนที่ 185 งานประมูลของโรงอัปลักษณ์

สลับชะตา ชายามือสังหาร

“ยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“ได้เลย” เจ้าวิญญาณน้อยพูดจบก็หายตัวไป

ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบตำรับยาพื้นบ้านของยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกออกมาศึกษาโดยละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง เพียงครู่เดียวเจ้าวิญญาณน้อยก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับถือเครื่องยาเอาไว้ในมือเป็นจำนวนไม่น้อย

“เจ้านาย ยาวิเศษชนิดนี้หลอมไม่ง่ายเลย ข้าจึงเตรียมเครื่องยาเพิ่มให้เจ้าอีกสองส่วน” เจ้าวิญญาณน้อยวางเครื่องยาลงบนโต๊ะพลางเอ่ยขึ้น

“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าวิญญาณน้อย” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าให้เขา หลังจากนั้นจึงเริ่มต้นรวบรวมสมาธิ หลอมยาวิเศษ

การกลั่นสำเร็จในคราวเดียว แต่ในขณะที่ทำการผสานรวมก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้นจนทำให้เครื่องยาเสียหายไปส่วนหนึ่ง

“ยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกนี่หลอมยากจริงๆ เสียด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์ทำความสะอาดเครื่องยาที่เสียหายพลางเอ่ยพึมพำ

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว มิฉะนั้นคงไม่เป็นยาวิเศษระดับสี่ แต่มีมูลค่าเท่ากับยาวิเศษระดับห้าหรอก” เจ้าวิญญาณน้อยพูด “แต่เย่ว์เย่ว์ เจ้าเพิ่งเคยหลอมมันเป็นครั้งแรก หากล้มเหลวก็เป็นเรื่องปกตินะ”

“อื้ม”

ซือหม่าโยวเย่ว์รวบรวมสมาธิอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มต้นหลอมยาครั้งที่สอง

หลังจากล้มเหลวมาสองครั้ง เธอก็หลอมยาวิเศษได้สำเร็จเตาหนึ่ง รวมทั้งสิ้นสี่เม็ด

เมื่อเห็นว่ายังมีเครื่องยาเหลืออยู่อีกสองส่วน เธอจึงหยิบทั้งหมดมาหลอมยา และประสบความสำเร็จทั้งหมด

“สิบสองเม็ด ไม่เลวเลยนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบครึ่งหนึ่งออกมาห่อ หลังจากนั้นก็เหลือเอาไว้ให้เจ้าวิญญาณน้อยครึ่งหนึ่ง

เจ้าวิญญาณน้อยกอดขวดยาวิเศษเอาไว้พลางยิ้มอย่างมีความสุข

เธอออกมาจากเจดีย์วิญญาณ เวลายังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวัน ยังไม่ถึงตอนเที่ยงเลยด้วยซ้ำ

เมื่อออกจากประตูก็เห็นพวกเว่ยจือฉี จึงเรียกพวกเขาไปยังห้องของเสี่ยวถู

เป่ยกงถังกำลังพูดกับเสี่ยวถูอยู่พอดี เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามาจึงเอ่ยว่า “เสร็จแล้วหรือ”

ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปถามว่า “เสี่ยวถูฟื้นฟูร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง”

“เร็วกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก” ถึงแม้ว่าเป่ยกงถังจะไม่ใช่หมอ แต่ก็เป็นนักหลอมยา จึงมีความเชี่ยวชาญทางด้านเภสัชวิทยาด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นความเร็วในการฟื้นตัวของเสี่ยวถูก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง

ซือหม่าโยวเย่ว์ตรวจร่างกายเสี่ยวถูรอบหนึ่งแล้วพูดว่า “หายดีแล้วจริงๆ ด้วย หาเวลาเปิดทะลวงเส้นลมปราณได้แล้วล่ะ”

“จริงหรือ!” เสี่ยวถูมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างไม่อยากเชื่อ “เช่นนั้นพวกเราก็ลงมือกันตอนนี้เลยสิ!”

ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบศีรษะเขาพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้ไม่ได้หรอก”

“ทำไมกันเล่า” เสี่ยวถูและเป่ยกงถังถามพร้อมกันเป็นเสียงเดียว

“พวกเราเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ต้องไปคารวะท่านพ่อท่านแม่ของอวิ๋นฉีก่อนจึงจะใช้ได้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ก่อนหน้านี้ข้ากำลังปลีกวิเวกอยู่ พวกจือฉีจึงมิได้เรียกข้า เมื่อครู่เห็นพวกเขาบอกว่ากำลังจะไปพบพวกท่านตอนนี้พอดี”

“ใช่แล้ว” เป่ยกงถังพูด

“พี่สาว พวกท่านคงจะไม่โยนข้าทิ้งเอาไว้ที่นี่ใช่หรือไม่” เสี่ยวถูได้ยินว่าทั้งสองคนจะไปกันหมด จึงคว้าเสื้อผ้าของเป่ยกงถังเอาไว้ในทันที

“ไม่หรอก เจ้าเองก็เป็นแขกเช่นกัน ก็ต้องไปพร้อมกับพวกเราด้วยสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“ข้าก็ต้องไปด้วยหรือ” เสี่ยวถูกลัวการพบเจอคนแปลกหน้าอยู่บ้าง นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว

“ถูกต้อง เจ้าก็อาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขามาสองวัน ก็ต้องไปเอ่ยคำขอบคุณเจ้าของบ้านสักหน่อยสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“ก็ได้” เสี่ยวถูพูดเสียงต่ำ

พวกเว่ยจือฉีรออยู่ในลานบ้าน พอเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์ออกมาจึงเอ่ยว่า “ไปกันเถิด”

เมื่อออกจากลานบ้านมา พวกเขาก็ไปหาไป๋อวิ๋นฉีที่เรือนข้างๆ ก่อน เด็กรับใช้บอกว่าไป๋อวิ๋นฉีไปพบบิดามารดาของเขาแล้ว ทั้งยังบอกว่าถ้าหากพวกเขาสิ้นสุดการปลีกวิเวกแล้วก็ให้เด็กรับใช้ผู้นั้นนำทางพวกเขาไปได้

เมื่อมาถึงโถงด้านหน้าก็พบตัวไป๋อวิ๋นฉี ไป๋อวิ๋นฉีนำทางพวกเขามายังโถงรับแขกแล้วส่งคนไปพบไป๋หยวนฉุนผู้เป็นบิดาของตน

“วันนี้ท่านพ่อข้าอยู่บ้านพอดี แต่ถูกท่านแม่ข้าเรียกตัวไปเมื่อครู่ พวกเจ้านั่งกันก่อน อีกประเดี๋ยวพวกท่านก็คงมากันแล้วล่ะ” ไป๋อวิ๋นฉีพูดอย่างเกรงใจ

“ได้สิ”

“ใช่แล้ว ข้าได้ถามเรื่องงานประมูลนั่นมาแล้วนะ เดิมทีกำหนดเอาไว้ว่าจะจัดขึ้นในอีกห้าวันให้หลัง แต่ได้ยินมาว่ามีสมบัติล้ำค่าสองอย่างมาอย่างกะทันหัน ก็เลยเลื่อนเวลาเข้ามาห้าวันน่ะ”

“เลื่อนเข้ามาอย่างนั้นหรือ”

“อืม น่าจะให้เวลาคนที่สนใจไปรวบรวมทรัพย์สินเงินทองมา ถึงอย่างไรของทั้งสองอย่างนี้ต่างก็มิใช่สิ่งของธรรมดาทั่วไป ราคาต้องไม่ใช่น้อยๆ แน่” ไป๋อวิ๋นฉีพูด

“คือของสิ่งใดหรือ” เจ้าอ้วนชวีถาม

“ชิ้นหนึ่งคือตำราทักษะวิญญาณระดับสีดำขั้นสูง ส่วนอีกชิ้นหนึ่งคือยาวิเศษระดับหก” ไป๋อวิ๋นฉีพูด

“ฟืด…” ทุกคนสูดลมหายใจเข้าปาก หากของทั้งสองอย่างนี้อยู่ที่ดินแดนอี้หลิน ก็คงเป็นของที่จะทำให้คนบ้าคลั่งขึ้นมาได้เลยทีเดียว

“โรงอัปลักษณ์ได้กระจายข่าวออกไปแล้ว เมื่อถึงเวลาจะต้องมีการแข่งขันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” ไป๋อวิ๋นฉีพูด

“เช่นนั้นคนกลุ่มใดบ้างเล่าที่จะเข้าร่วมได้” เว่ยจือฉีถาม “คงจะมิใช่ว่าอยากไปก็ไปได้เลยหรอกกระมัง”

“อืมๆ มีเพียงขุมอำนาจชั้นสามขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถไปได้” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “โรงอัปลักษณ์ได้ส่งเทียบเชิญออกมาแล้ว มีเพียงผู้ที่ได้รับเทียบเชิญเท่านั้นจึงจะไปเข้าร่วมได้ หรือไม่ก็ต้องเป็นผู้ที่มีสิ่งของไปประมูล รวมทั้งบุคคลพิเศษจำนวนหนึ่ง”

“คนพวกไหนกันหรือที่เรียกว่าเป็นบุคคลพิเศษ”

“ก็คือคนที่ถือครองบัตรสีฟ้าของโรงอัปลักษณ์ แต่ว่ากันว่าบัตรสีฟ้าพรรค์นี้มีอยู่น้อยนัก แต่ใครบ้างที่มีอยู่ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “ข้าคิดว่าคนที่มีบัตรสีฟ้าเหล่านั้นจะต้องเป็นแขกระดับสูงของโรงอัปลักษณ์ เป็นบุคคลที่อยากมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดด้วยกระมัง”

“พอถึงตอนนั้นพวกเราจะไปได้หรือไม่” เจ้าอ้วนชวีถาม

“พอถึงตอนนั้นพวกเจ้าไปกับพวกเราก็พอแล้ว พวกเราได้รับบัตรเชิญมาเรียบร้อยแล้วล่ะ” ไป๋อวิ๋นฉีพูด

“พวกเจ้าว่าพวกเราจะไปประมูลอะไรมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินทองได้บ้างหรือไม่” เจ้าอ้วนชวีถามพลางมองทุกคน

“ถ้าหากเจ้าอยากไปเที่ยวเล่นก็คงได้อยู่หรอก” โอวหยางเฟยพูด “ถ้าหากถึงตอนนั้นเจ้าเห็นอะไรที่อยากได้ก็ประมูลมาแล้วกัน”

“ถ้าหากพวกเจ้าอยากประมูลสิ่งของ จะต้องยืนยันตัวก่อนไปงานประมูล แต่ระยะนี้ข้ายังไม่มีเวลาออกไป…” ไป๋อวิ๋นฉีพูดอย่างลำบากใจอยู่บ้าง

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกเราหาทางไปกันเองก็ได้” เจ้าอ้วนชวีพูด

“อื้ม พอถึงตอนนั้นข้าจะให้คนเตรียมรถเทียมสัตว์อสูรเอาไว้ให้พวกเจ้านะ”

“ไม่ต้องยุ่งยากหรอก พวกเราเดินไป ก็จะได้ไปเดินเล่นรอบๆ เมืองผิงคังแห่งนี้พอดี”

“ก็ได้ หากพวกเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ ตอนแรกบอกว่าจะพาพวกเจ้าไปเที่ยวชมให้ทั่ว แต่ปรากฏว่าถูกงานพัวพันจนปลีกตัวไปไม่ได้เลย” ไป๋อวิ๋นฉีพูดอย่างขอโทษขอโพย

ขณะนี้เอง ไป๋หยวนฉุนกับสตรีผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา พวกซือหม่าโยวเย่ว์จึงพากันลุกขึ้นยืน

“ฮ่าๆ พวกเจ้าคือสหายของอวิ๋นฉีอย่างนั้นหรือ ยินดีต้อนรับนะ!” ไป๋หยวนฉุนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพ่อ ท่านแม่” ไป๋อวิ๋นฉีลุกขึ้นยืนพลางส่งเสียงเรียก

พวกเว่ยจือฉีประสานมือทำความเคารพ “คารวะท่านลุง ท่านป้า เดิมทีควรจะไปคารวะพวกท่านสักหน่อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เพราะโยวเย่ว์ปลีกวิเวกจึงได้ล่าช้ามาจนถึงวันนี้ เสียมารยาทแล้ว ขอท่านลุงท่านป้าโปรดอภัยด้วย”

“อภัยไม่อภัยอันใดกันเล่า พวกเราได้ฟังหลี่ขุยพูดหมดแล้ว พวกเจ้าช่วยชีวิตอวิ๋นฉีเอาไว้ พวกเจ้าก็คือผู้มีพระคุณของพวกเรากลุ่มทหารรับจ้าง” ซุนหรานหร่าน มารดาของไป๋อวิ๋นฉีอมยิ้มพูด

นางกับซุนลี่ลี่ดูคล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง แต่อุปนิสัยกลับแตกต่างกันอย่างลิบลับ ไม่เหมือนกับซุนลี่ลี่เลย นางดูเหมือนมีความมั่นคงแฝงอยู่ในความร่าเริง

“นั่งลงกันเถิด” ไป๋หยวนฉุนโบกไม้โบกมือให้ทุกคน เมื่อเห็นเจ้าเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายเป่ยกงถังแล้วจึงเอ่ยว่า “นี่คือเด็กน้อยที่พวกเจ้าช่วยเอาไว้เมื่อวานนี้ใช่หรือไม่”

“เสี่ยวถูคารวะท่านลุง ท่านป้าขอรับ” เสี่ยวถูพูดอย่างสุภาพ

ซุนหรานหร่านมองท่าทางของเสี่ยวถูแล้วพูดว่า “ช่างเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดรู้ความดีจริง”

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเจ้าอ้วนเขาอยากไปประมูลสิ่งของที่โรงอัปลักษณ์ พวกท่านทราบหรือไม่ว่ามีเงื่อนไขเช่นไรบ้าง”

……………………………………..