ตอนที่ 136: การไล่ตามของตระกูลเทียนซ่ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 136: การไล่ตามของตระกูลเทียนซ่ง

ในขณะที่เจี้ยนเฉินอยู่กลางอากาศ เขาก็ฆ่าทหารรับจ้างที่ไล่ตามเขามาอย่างรวดเร็ว การแสดงความแข็งแกร่งอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ พวกเขาไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะสามารถฆ่าทหารรับจ้างได้ ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ทหารรับจ้างหลายคนจึงตัดสินใจล้มแผนการเดิมในการขวางเจี้ยนเฉิน

แม้ว่าหลายคนจะถูกเย้ายวนในสัญญาของเทียนซ่งหลีในรางวัลก้อนโต แต่พวกเขาก็ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะรับมัน ถ้าพวกเขาตายไป พวกเขาก็คงไม่ยินดีกับรางวัลถึงพวกเขาจะได้มันมา

หลังจากที่ฆ่าทหารรับจ้างที่ขวางทางไปแล้ว เจี้ยนเฉินก็มุ่งหน้าต่อไป เขากระโดดลงจากอาคารและวิ่งไปที่ประตูเมืองที่ใกล้ที่สุด

หลังจากที่ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่มีทหารรับจ้างคนไหนกล้าขวางเขาอีก ดังนั้นจึงเป็นเวลาที่ดีที่เจี้ยนเฉินจะไปที่ประตูเมืองได้อย่างราบรื่น

“เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แม้ว่าเจ้าจะหนีไปจนสุดโลก ข้า เทียนซ่งหลี สาบานว่าข้าจะตามไปฉีกร่างเจ้าเป็นพัน ๆ ชิ้น ! “

เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังมาจากหัวหน้าของตระกูลเทียนซ่งที่อยู่บนหลังสัตว์อสูรด้านหลังเขา พวกเขากำลังไล่ตามเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วสูงสุด และมันไม่ยากที่จะบอกจากเสียงได้ว่าเทียนซ่งหลีนั้นมุ่งมั่นที่จะฆ่าเจี้ยนเฉินเพียงใด

การฆ่าเทียนซ่งคังของเจี้ยนเฉินเท่ากับการฆ่าทั้งตระกูลของเทียนซ่งหลี เพราะว่าเทียนซ่งคังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา และร่างกายของเทียนซ่งหลียังมาเป็นแบบนี้ เขาจึงไม่มีความสามารถที่จะมีบุตรได้อีก

เจี้ยนเฉินทำเป็นหูทวนลมจากเสียงคำรามด้วยความต้องการฆ่าของเทียนซ่งหลี สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือการหนีจากเมืองใหญ่นี้ให้เร็วที่สุด เสียงฝีเท้าด้านหลังดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ในขณะที่เจี้ยนเฉินรู้ว่าพวกคนที่อยู่บนหลังสัตว์อสูรนั้นไวกว่าความเร็วของเขาเอง

5 กิโลเมตร 4 กิโลเมตร 3 กิโลเมตร

เจี้ยนเฉินเข้าใกล้ประตูเมืองอย่างรวดเร็ว เหลืออีกเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้นก่อนจะถึงประตูเมือง เขาเห็นประตูใหญ่ที่นำทางออกไปนอกเมืองแล้ว แต่ด้านหลังเขามีเทียนซ่งหลีที่กำลังขี่สัตว์อสูรอยู่ด้านหลังเขา 1 กิโลเมตร

“ผู้บังคับบัญชาฮาโต้ว ถ้าเจ้าปิดประตูและช่วยหยุดคนคนนี้ ข้า เทียนซ่งหลี จะขอบคุณเจ้าเป็นที่สุด ! “

เสียงของเทียนซ่งหลีดังออกมาเหมือนฟ้าร้องดังมาจากด้านหลัง ประตูเมืองเวคก็กำลังปิดอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นประตูเมืองเข้าปิดลง ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็หมองลง ตาของเขากวาดไปที่ประตูเมืองที่อยู่ห่างไป 40 เมตรออกไปในขณะที่เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา พลังเซียนที่อยู่ในร่างของเขาเริ่มหมุนเวียนในร่างของเขาและเพิ่มความเร็วของเขาขึ้น ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็เอาทักษะที่เขาได้เรียนรู้ว่าจากชาติที่แล้วมาใช้ ขาทั้งสองของเขาวิ่งอย่างเร็วมาจนดูเหมือนว่าเขาร่อนกับไปกับพื้น ทุก ๆ ทุก 10 – 20 เมตรที่เขาร่อน ขาของเขาก็แตะพื้น 1 ครั้ง

ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็มาถึงที่ตีนประตู ก็มีทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันอย่างรวดเร็วตรงประตูที่ปิดอยู่เพื่อที่จะรอเจี้ยนเฉิน บางคนในนั้นก่นด่าเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินไม่สนใจที่จะช้าลงเมื่อเขาเห็นแบบนี้ แทนที่กัน ขาของเขาหายไปเหมือนภาพราง ๆ ในขณะที่เขาวิ่งไปอีก 30 เมตรก่อนที่จะกระโจนไปที่ประตูเมืองเพื่อเตรียมที่จะปีนมัน ในที่สุดเขาก็รวบรวมกำลังแล้วขาของเขาก็กระทืบไปที่พื้นและเริ่มปีนป่ายกำแพง

ในตอนที่เจี้ยนเฉินเริ่มปีนกำแพง คนที่อยู่ด้านล่างก็สังเกตเห็นและเริ่มพูดคุยกันไม่หยุด

ในชั่วเวลาอึดใจเดียว เจี้ยนเฉินก็ปีนขึ้นไป 40 เมตรอย่างราบรื่น ขาทั้งสองของเขาก็ก้าวขึ้นไปบนกำแพง และเขาก็ลอยข้าวหัวยามรักษาการณ์คนหนึ่งบนยอดของกำแพงก่อนที่จะลดตัวลงอีกด้าน

มันเป็นไปอย่างราบรื่นสำหรับเจี้ยนเฉิน ในตอนที่เขาลงมาจากกำแพงเมือง เขาก็ไม่เจออุปสรรคใด แม้แต่ตอนที่เขาลอยข้ามยามรักษาการณ์ที่อยู่บนยอดสุดของกำแพง พวกเขาก็ทำได้แค่มองเท่านั้น

ในขณะที่เจี้ยนเฉินปีนกำแพงเมือง เทียนซ่งหลีที่อยู่ด้านหลัง ก็โดดไปบนกำแพงทันทีและเขาก็เริ่มปีนเหมือนที่เจี้ยนเฉินทำ อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่สัตว์อสูรจะตัวหนักเท่านั้น แต่มันยังไม่เชี่ยวชาญในการปีนอีกด้วย ดังนั้นมันจึงอยู่ที่พื้นเหมือนเดิมเพราะเทียนซ่งหลีหยุดขี่มันแล้ว

หลังจากนั้น กลุ่มชายวัยกลางคนสิบคนก็วิ่งมาและมองไปที่กำแพงเมืองก่อนที่จะปีนขึ้นกำแพงไปและไปยังทิศทางเดียวกับเจี้ยนเฉิน คนพวกนี้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเทียนซ่ง

“เปิดประตู ! “

ในตอนที่เขาเหล่านี้กระโจนออกไปจากเมือง เสียงทุ้มก็ดังมาจากด้านหลังประตู หลังจากนั้นไม่นาน ประตูที่ปิดอยู่ก็ค่อย ๆ แง้มเปิดออกมา

บนกำแพงมีชายวัยกลางคนสองคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นอยู่ในชุดขาว ในขณะที่อีกคนหนึ่งใส่เกราะดำ ในตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนสองคนก็มองไปที่กลุ่มคนที่กำลังออกไปไกลจากเมืองด้วยความเร็ว

ในตอนที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินหายไปจากสายตา ชายวัยกลางคนที่ใส่เกราะดำก็มองไปที่ชายชุดขาวที่ถัดจากเขาแล้วถาม “ผู้บัญชาการฮาโต้ว ทำไมเจ้าถึงไม่หยุดเขาไว้ ? “

ชายวัยกลางคนชุดขาวยิ้มแล้วพูด “เขาฆ่าลูกของเทียนซ่งหลี เทียนซ่งคัง และข้ายังไม่มีโอกาสที่จะขอบคุณเขาเลย ข้าจะไปหยุดเขาไว้ทำไมกัน ? “

ชายในชุดเกราะหยุดเล็กน้อยและดูเหมือนจะคิดบางอย่างได้ เขาฉีกยิ้มออกมาที่ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น

…..

นอกเมือง เจี้ยนเฉินที่เร่าร้อนก็มองกลับไปที่เทียนซ่งหลีคนที่ไล่ตามเขามาจากด้านหลัง ใบหน้าของเขาเครียดขึ้นเมื่อเห็นหน้าของเทียนซ่งหลี แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะยังไม่ได้สู้กับเขา แต่เขาก็รู้ว่าเทียนซ่งหลีไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาต่อกรด้วยได้

เจี้ยนเฉินมองไปที่พื้นที่ด้านหลังเขา เขาก็คิดสักครูก่อนที่จะกัดริมฝีปากด้วยความคับข้องใจและจากนั้นเขาก็หันแล้ววิ่งไปในทิศทางของเทือกเขาสัตว์อสูร

เขารู้ว่าในที่เปิดโล่งนั้น มันไม่มีทางที่เขาจะสลัดหลุดจากเทียนซ่งหลีที่แน่วแน่ได้ วิธีการเดียวสำหรับเขาคือการหนีไปที่เทือกเขาสัตว์อสูร ที่นั้น เขาจะสามารถใช้ป่าและภูมิประเทศที่ซับซ้อนเพื่อเป็นความได้เปรียบในการหนีของเขาได้

เมื่อเทียนซ่งหลีเห็นว่าช่องว่างระหว่างเขาและเจี้ยนเฉินหดใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ตาของเขาก็แดงก่ำทันที เขาไม่ได้ปกปิดเจตนาสังหารที่รุนแรงเอาไว้ในขณะที่เขาคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก ! “

เจี้ยนเฉินหันไปเพื่อสำรวจรอบ ๆ เขาอยู่ห่างจากเทียนซ่งหลีเพียง 500 เมตรเท่านั้น จากสถานการณ์แล้ว เทียนซ่งหลีต้องตามเขาทันก่อนที่เขาจะถึงเทือกเขาสัตว์อสูรแน่

เจี้ยนเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะขบฟัน กระบี่วายุโปรยปรากฏขึ้นมาในมือขวาของเขาทันที ในตอนต่อมา ร่างของเจี้ยนเฉินที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าจู่ ๆ ก็หยุด จากนั้นเขาก็พุ่งไปที่เทียนซ่งหลีอย่างคล่องแคล่ว

“เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าแข็งแกร่งขนาดไหน”