บทที่ 782 การตั้งคำถามเชิงชักนำ โดย Ink Stone_Fantasy
อะไรเริ่มแล้ว? ทุกคนต่างไม่เข้าใจสิ่งที่หลิงม่อพูด
แต่ในเมื่อเขาเป็นคนพูด ทุกคนจึงพากันหยุดเดินชั่วขณะ
พวกเขาอยู่ในซอยเล็กๆ ที่ยาวมากเส้นหนึ่ง ทั้งสองด้านเต็มไปด้วยตึกที่พักอาศัยสูงชะลูด แม้แต่แสงแดดก็ยังส่องเข้ามาไม่ถึง
เมื่อมีซอมบี้ปรากฏตัวที่ปลายทางทั้งสองฝั่ง พวกเขาจะรู้ตัวทันที ดังนั้นจึงรับประกันความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง
เย่เลี่ยนกับหลี่ย่าหลินวิ่งไปสำรวจความปลอดภัยล่วงหน้าด้วยตัวเองแล้ว
หลิงม่อเดินมาหยุดตรงหน้าชายแว่นดำ แล้วยกมือห้ามมู่เฉินที่กำลังจะลงมืออีกครั้ง “ฉันเอง”
มู่เฉินที่เพิ่งจะเผยรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นออกมาทำได้เพียงลดหมัดลง และเก็บปลายเท้าที่กำลังเขย่งรวบรวมกำลังกลับมาเงียบๆ อย่างนึกเสียดาย
“แกคงจะอดทนต่อไปไม่ไหวแล้วสินะ” หลิงม่อพูดกับชายแว่นดำ
เขาพูดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนที่ได้ยินต่างไม่เข้าใจ ชายแว่นดำเองก็ดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร
เขายังคงเหลือกตาขาว เหมือนคนเป็นลกชักเหมือนเดิม “หึหึหึ…”
“จะแกล้งโง่ทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อถ่วงเวลา? จากมุมของแก นี่เป็นวิธีที่ไม่เลวจริงๆ ความจริงแกลงมือเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้นะ ฉันนึกว่าแกจะอดทนไปอีกซักช่วงหนึ่งซะอีก แต่ดูท่าว่า…การกระตุ้นจากเจ้ามาสเตอร์บอลจะทำให้แกหมดความเชื่อมั่นที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์ลำบากแล้วสินะ? แกช่างเป็นคนที่ยอมแพ้อะไรได้ง่ายๆ จริงๆ…” หลิงม่อพูดต่อ
“ช่างน่าขำ! น่าขายหน้าจริงๆ…”
เขาพูดด้วยวาจาร้ายกาจ แม้แต่มู่เฉินที่ดูสถานการณ์อยู่ก็ยังรู้สึกทนดูต่อไปไม่ไหว
สถานการณ์ลำบากอะไรนั่น…ก็นายเองที่เป็นสร้างให้เขาไม่ใช่หรอ!
แล้วยังจะบอกว่าอีกฝ่ายยอมแพ้อะไรง่ายๆ อย่างหน้าตาเฉยอย่างนั้น…ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าแว่นดำจะยังไม่โมโหจนกระอักเลือดตาย!
เหล่าหลันแอบถามเบาๆ “อะไรบอลๆ นะ?”
“คือว่า…ถ้าเป็นความหมายเดิมหนูก็พอจะรู้หรอก แต่มาสเตอร์บอลที่เขาพูดถึง หนูนึกไม่ออกจริงๆ…” หลันหลันตอบเสียงเบา
“ยังคิดจะทำต่ออีกหรอ?” หลิงม่อถามอีกครั้ง “แกน่าจะรู้ว่าฉันกำลังจับตามองแกอยู่ อยากแข่งว่าใครเร็วกว่ากัน? เรื่องนี้ฉันไม่อยากทำร้ายจิตใจแกหรอกนะ แต่ความเร็วของแกเทียบชั้นกับฉันไม่ได้หรอก”
“หึหึหึ…” ร่างกายของชายแว่นดำยังคงกระตุกสั่นต่อไป แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจู่ๆ ร่างกายของเขาก็กระตุกสั่นรุนแรงขึ้น เหมือคนที่ถูกไฟช็อต กระตุกขนาดนี้ ไม่ใช่อาการของคนแสร้งทำแน่ๆ แต่เป็นอาการที่พลังบางอย่างกำลังสำแดงฤทธิ์ บวกกับเดิมเขาก็ตาเหลือกอยู่แล้ว ตอนนี้จึงทำให้เขาดูน่ากลัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เฮ้ นี่นายกำลังคุยเรื่องไร้สาระอะไรกับเขาอยู่ ตบเขาไปเลยเซ่!” หลันหลันเห็นแล้วก็รู้สึกหนังศีรษะชา เธอเปิดหมวกฮู้ดออกทำท่าจะพุ่งเข้าไป แต่กลับถูกซย่าน่าคว้าแขนไว้
“พี่หลิงกำลังหยั่งเชิงอยู่” ซย่าน่าพูดเสียงเบา พลางพาเธอเดินไปอีกทาง
“หมายความว่าไง?” หลันหลันรีบถาม เธอมึนงงไปหมด และกำลังหวังว่าจะมีใครอธิบายให้เธอกระจ่างที
“การตั้งคำถามเชิงชักนำ เคยได้ยินไหม?” ซย่าน่าขยิบตา แล้วถามเธอ
“เหมือนจะ…เคยได้ยินมั้ง?” หลันหลันทำหน้างงๆ
ซย่ายกมือกดอกเกยคางแล้วทำท่าครุ่นคิด บอกว่า “ตอนนี้พี่หลิงมีเค้ารางๆ เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ แต่เขาไม่มั่นใจ ก็เลยตั้งใจจะหลอกถามเจ้านั่น เธอเห็นสีหน้าท่าทางของเจ้าจิ้งจอกตาขาวเมื่อกี้ไหม ถึงเขาจะไม่ได้พยักหน้ายอมรับ แต่หน้ากลับซีดขึ้นหลายส่วน สำหรับพี่หลิงนั่นถือเป็นคำตอบแล้วล่ะ และอีกอย่าง…”
พูดมาถึงตรงนี้ ซย่าน่ากลับเอาแต่ยิ้มประหลาด แล้วไม่พูดอะไรต่อ มีคนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตั้งหลายคน แต่เกรงว่าคงจะมีแต่เธอคนเดียวที่มองเห็น
หลิงม่อไม่ได้เพียงกำลังหยั่งเชิง เขายังฉวยโอกาสสังเกตคลื่นดวงจิตของอีกฝ่ายด้วย หนวดสัมผัสทางจิตบวกกับคำถามที่ถูกยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง ให้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากเครื่องจับเท็จประสิทธิภาพสูงเลยทีเดียว
ชายแว่นดำสามารถปฏิเสธที่จะตอบได้ แต่กลับไม่สามารถควบคุมคลื่นดวงจิตของตัวเองได้
“ดังนั้นก็เลยมีคำพูดที่ว่า “ปากบอกไม่เอา แต่ร่างกายกลับซื่อตรงต่อความต้องการ” ขึ้นมายังไงล่ะ ความจริงมันเป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งเลยนะ” ซย่าพูดยอ่างจริงจัง
“ฟังดูมีเหตุผลมากเลย…” หลันหลันพยักหน้า
ด้านมู่เฉิน เขาพาเหล่าหลันเดินไปอีกทาง เพื่อเหลือพื้นที่ว่างตรงกลางไว้ให้หลิงม่ออย่างรู้งาน
เมื่อสูญเสียแรงประคองจากมู่เฉินไป ชายแว่นดำก็ตัวอ่อนพิงกำแพงทันที หลิงม่อจึงนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเขา
“ดูเหมือนว่าการดิ้นรนมาหนึ่งคืนเต็มๆ จะทำให้แกสงบขึ้นมากนะ ฉันพูดขนาดนี้ แกกลับยังอดทนได้อีก แต่ฉันก็ยังอยากถามอะไรหน่อย ที่แกจงใจเลือกลงมือตอนนี้ เพราะทางนั้นเตรียมตัวเสร็จกันแล้วใช่ไหม?” หลิงม่อกระตุกมุมปากยิ้มเล็กน้อย เขาลดเสียงให้เบาลงมาก “ไหนบอกมาสิ บอสใหญ่”
เมื่อสิ้นเสียงพูด หนวดสัมผัสทางจิตเส้นหนึ่งของหลิงม่อก็พุ่งออกไป
ชายแว่นดำที่กำลังอึ้งถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว เขาถึงกับมึนเบลอไปชั่วขณะ
หลายวินาทีผ่านไป ร่างกายของเขาไม่กระตุกสั่นอีกต่อไป ดวงตาของเขากลิ้งกลอกไปมา จมูกส่งเสียงหายใจฟึดฟัดระรัว
“เห็นไหม บอกแล้วว่าแกเร็วสู้ฉันไมได้หรอก แต่พอได้ยินฉันเฉลยตัวตนของแก ดูเหมือนแกจะอึ้งอยู่ไม่น้อยเลยนะ…” หลิงม่อหัวเราะ แล้วยื่นมือไปดึงผ้าที่อุดปากชายแว่นดำออก “แกลองตะโกนได้นะ แต่อย่างมากก็คงทำได้แค่เรียกซอมบี้เข้ามา ถึงพวกฉันจะเดินออกมาได้ไม่นาน แต่ก็เดินมาไกลมากแล้วนะ แต่ฉันไม่ห้ามนะถ้าแกจะลองตะโกน”
“แก…อ๊อก…” สีหน้าของชายแว่นดำย่ำแย่ลงทันใด ขณะเดียวกันเขาก็ทำเสียงเหมือนจะอาเจียน
ปากถูกเศษผ้าอุดไว้เป็นเวลานาน จู่ๆ พอไม่มีอะไรมาอุด เขากลับรู้สึกอยากอ้วกขึ้นมา
“ท่าทางฉัน…เหมือนคนที่จะตะโกน?” ชายแว่นดำพูดตะกุกตะกัก
เขายังคงพยายามที่จะยืดคอขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่ง จึงทำได้เพียงสั่นหน้าไปมา
“เหมือนมาก” หลิงม่อพยักหน้าตอบ
ชายแว่นดำมุมปากกระตุก “ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้สิ่งนั้น…ของแก…ฉันจะ…”
“ฉันกลับรู้สึกว่าผลที่ได้ไม่เลวเลยนะ ดูสิ ถึงขนาดทำให้พูดติดๆ ขัดๆ ได้” หลิงม่อกลับพูดขึ้นอย่างพึงพอใจ
“แก…” ปากของชายแว่นดำกระตุกสั่นไม่หยุด เขาไม่สามารถควบคุมสีหน้าของตัวเองได้ “แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“เรื่องนี้น่ะหรอ ก็ต้องดูว่าบอสใหญ่อย่างแกจะให้ความร่วมมือหรือเปล่า” หลิงม่อบอก
“ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไร…” ชายแว่นดำตอบ
แต่หลิงม่อกลับหัวเราะแล้วพูดตัดบทเขา “ยังคิดจะเฉไฉอีก? มีประโยชน์อะไรกัน? ฉันไม่ได้กำลังหลอกถามแกหรอกนะ แต่ฉันมั่นใจแล้วต่างหาก”
ชายแว่นดำเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “แกตั้งใจ…จะทำอะไรกันแน่?”
“พูดง่ายๆ ก็คือ ฉันหวังว่าแกจะเลิกต่อต้านซักที” หลิงม่อพูดอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าแกคิดว่าตัวเองยังมีโอกาส ฉันจะให้เวลาแกอีกหน่อยก็ได้ แกจะได้พยายามต่อ”
“หึหึ…แกจะได้ถามอะไรที่แกอยากรู้ได้ตรงๆ สินะ?” ชายแว่นดำกลับพูดขึ้นอย่างไม่ยี่หระ
“นั่นมันขั้นตอนสุดท้าย” หลิงม่อบอก
เรื่องซักถาม คงใช้ไม่ได้กับชายแว่นดำ และพลังกลืนกิน…
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าข้อมูลที่ได้จากการกลืนกินนั้นไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แค่ผลจากการกลืนกิน “บอสใหญ่” อีกคนเมื่อครั้งที่แล้ว ก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกหวาดกลัวแล้ว
นอกเหนือจากนี้ ชายแว่นดำยังมีประโยชน์อย่างอื่นอยู่อีก หลิงม่อยังไม่อยากใจร้อนใช้วิธีนี้กับเขา
และเขาก็ยังรู้สึกได้รางๆ ว่าตราบใดที่คนคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะเป็นไพ่ตายที่หลิงม่อสามารถเอาไว้ใช้ต่อกรกับนิพพานได้
“บอกฉันมาก่อน แกดูออกได้ยังไง?” ชายแว่นดำเลี่ยงไม่ตอบ แต่กลับตั้งคำถามขึ้น
หลิงม่อยังไม่ทันตอบ เขาก็ก็พูดต่อว่า “ไม่เคยมีใครดูออก ต่อให้ตายฉันก็ต้องรู้ให้ได้”
“เรื่องนี้น่ะหรอ…ก็มันมีแต่ช่องโหว่เต็มไปหมดเลยนี่นา” หลิงม่อบอก
สีหน้าของชายแว่นดำบึ้งตึงหนักกว่าเก่า นี่เท่ากับหลิงม่อกำลังหักหน้าเขาอย่างจัง!
ความจริงแล้ว ในสายตาของหลิงม่อซึ่งเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านพลังควบคุม พลังของชายแว่นดำนั้นน่าทึ่งมาก แต่ขณะเดียวกันพลังของเขาก็มีช่องโหว่ให้ตามรอยได้เหมือนกัน
สิ่งที่ทำให้หลิงม่อรู้สึกถึงความผิดปกติ คือพลังจิตที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยนั่น
ตอนนั้นเขาไม่ได้มั่นใจมาก แต่ผ่านไปไม่นานพอลองคิดดูดีๆ ไม่นานเขาก็ได้คำตอบ
บอสใหญ่คนนั้น!
ตอนที่เขาใช้พลังกลืนกินกับบอสใหญ่คนนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ข้อมูลหรือความทรงจำอะไรกลับมา แต่เขากลับจำลักษณะพิเศษของพลังจิตนั้นได้
ลักษณะพิเศษที่มีเพียงหนึ่งเดียวอย่างนั้น จะมาปรากฏบนตัวของอีกคนได้อย่างไรกัน?
“ความจริงสิ่งที่ทำให้ฉันคิดว่าแกมีบางอย่างซ่อนอยู่ คือปฏิกิริยาของแกหลังจากที่โดนจับ” หลิงม่อบอก” ถ้าแกเป็นแค่สมาชิกของนิพพาน เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับแก ก็ต้องเป็นเรื่องเอาตัวรอดไว้ก่อนแน่นอน คนที่จะทุ่มเททั้งชีวิตให้นิพพานได้ขนาดนี้ ก็คงจะมีแต่ผู้ครอบครองนิพพานเท่านั้นล่ะมั้ง?”
“แกเดาจากเรื่องแค่นี้งั้นหรอ?” ชายแว่นดำอึ้ง
จู่ๆ เขาก็รู้ตัวกว่าตัวเองถูกหลอกเสียแล้ว หลิงม่อทำท่าทางเหมือนมั่นอกมั่นใจมาก แต่สิ่งที่เขาพูดกลับกลายเป็นเรื่องของการคาดเดาทั้งสิ้น!
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!
“ก็แค่สงสัยน่ะ แล้วก็ยังมีจุดน่าสงสัยอยู่อีกอย่าง นิสัยที่แกแสดงออกมายังไงล่ะ…”
—————————————————————————–