บทที่ 202 เจ้าจะซื้อหรือไม่ซื้อ ข้าก็ไม่ง้อหรอก

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

เมื่อต้องเผชิญกับบรรดาชายร่างหนาที่มีพลังปราณแก่กล้า กลุ่มของเจ้าอ้วนจินก็ตัวหดเล็กกระจ้อยร่อย เหมือนสาวน้อยที่ถูกผลักเซถลาให้ไปยืนอัดกันอยู่ด้านหลังไม่มีผิด ด้วยความที่พวกเขาขั้นปราณต่ำกว่าจึงไม่กล้าเสี่ยง แปลว่าเหล่ากองทัพชายอ้วนทำได้เพียงยืนขมขื่นทรมานใจเงียบๆ เท่านั้น

ปู้ฟางถึงกับผงะเมื่อเห็นคนกลุ่มนี้… มาทำอะไรกันตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ หรือว่ามาเพราะสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งกันนะ แม้เขาจะจำได้รางๆ ว่าเมื่อคืนตัวเองประกาศออกไปว่าใครมาก่อนได้ก่อน แต่ฝูงชนขี้เมาเหล่านี้ก็แห่กันมาเช้าเกินไปแล้ว

“เถ้าแก่ปู้ อรุณสวัสดิ์! พวกข้าซื้อเหล้าเลยได้หรือไม่”

โอวหยางเจินเกาศีรษะ ดวงตาเป็นประกายขณะมองไปที่ปู้ฟาง เมื่อคืนตอนที่เหล่าขั้นนักพรตยุทธการมารวมตัวกันอยู่หน้าร้าน สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางไม่กล้ายุ่มย่ามด้วย พวกเขาเลือกมาที่ร้านแต่เช้าแทนเพื่อซื้อสุราดื่มแล้วจากไปเงียบๆ ก่อนที่บรรดาขั้นนักพรตยุทธการจะรู้สึกตัว

“เฮ้ย… พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาขอซื้อก่อน” บรรดาสิบสามกองโจรหันมองสามหนุ่มตัวหนาอย่างพร้อมเพรียงกัน พลังปราณของผู้นำกองโจรเหล่านี้อยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับหกขั้นราชันยุทธการ จึงไม่ใช่คนที่สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางจะต่อกรด้วยได้ แค่ท่าทีข่มขู่คุกคามก็ทำให้ทั้งสามไม่กล้าหืออือแล้ว

ช่างน่าหงุดหงิดใจอะไรเช่นนี้! แต่ทั้งสามก็ทำได้เพียงกลืนคำปรามาสขมขู่ลงคอไปเงียบๆ เนื่องจากมีขั้นปราณต่ำกว่าคนเหล่านั้น จึงกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้

“เถ้าแก่ปู้ ข้ามีนามว่าหูอี้เฟิงแห่งเมืองโม่จั่ว เมื่อคืนข้าได้กลิ่นสุราหอมหวนที่เถ้าแก่ปู้เป็นผู้สรรสร้าง ทำเอาข้าถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว วันนี้ข้ามาพร้อมบรรดาพี่น้องแต่เช้าตรู่เพื่อขอซื้อสุรานั้น หวังว่าเถ้าแก่ปู้จะมีเมตตา” หูอี้เฟิงผู้อาวุโสแห่งสิบสามกองโจรแห่งเมืองโม่จั่วเอ่ยพร้อมยิ้มให้ปู้ฟาง

ผู้อาวุโสหูอี้เฟิงคือคนเดียวในกลุ่มสิบสามกองโจรที่เป็นสุภาพบุรุษผู้มีความคิดความอ่านและมีมารยาทยิ่ง ส่วนอีกสิบสองคนที่เหลือเป็นชายร่างกำยำกิริยากักขฬะ ทำให้ภาพที่เห็นยิ่งดูแปลกประหลาดยิ่งนัก

ปู้ฟางเหลือบตามองอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าร้านพร้อมป่าวประกาศไปด้วย “ตั้งแถวก็แล้วกัน เรียงกันเข้ามาซื้อตามลำดับคนที่มาก่อนหลัง”

ตั้งแถวเช่นนั้นรึ เหล่าสิบสามกองโจรตกใจเป็นอันมาก การจะซื้อของนี่ต้องตั้งแถวด้วยหรือ

พวกเขาเป็นโจรมืออาชีพ แน่นอนว่าต้องคุ้นชินกับการไปปล้นและแย่งชิงมาด้วยกำลัง การตั้งแถวเข้าไปซื้อของนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยชินแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้เหล่าสิบสามกองโจรจึงยืนทำหน้างงในดงลูกค้าเมื่อปู้ฟางประกาศให้ทุกคนยืนเรียงแถวกัน

“ตั้งแถวให้เร็วที่สุดเรียงตามลำดับอาวุโสของพี่น้องเรา” หูอี้เฟิงมุ่นคิ้วแล้วเอ่ยสั่ง เขาไปยืนที่หน้าร้านอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ก้าวเข้าร้านไปเป็นคนแรก

เบื้องหลังเป็นผู้นำกองโจรลำดับสองและสาม… เรียงกันไปจนครบสิบสามคน

ปู้ฟางเดินเข้าร้านไป ประจวบเหมาะกับที่ระบบประกาศขึ้นในศีรษะของเขาพอดี

“ประเมินราคาสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งเสร็จเรียบร้อย ราคาขาย ห้าร้อยผลึกต่อหนึ่งจอก”

ขาของปู้ฟางชะงักค้าง จากนั้นชายหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจ จอกละห้าร้อยผลึก… เทพไท้จงเป็นพยาน! แพงจนอยากกรีดเลือดออกมาบูชายัญ!

“แต่ข้าชอบแฮะ…” ชายหนุ่มยิ้มแล้วเดินปราดๆ เข้าครัวไป

หูอี้เฟิงก้าวเข้าร้านตามมา พลันรู้สึกได้ถึงพลังงานประหลาดที่ไหลเข้ามาปะทะร่าง กระแสพลังงานนี้ทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกาย

กระแสพลังปราณจากต้นตื่นรู้ทางห้าสายที่ช่วยในการบรรลุขั้นปราณได้… จัดว่าเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่ง!

ดวงตาของหูอี้เฟิงหันไปมองต้นกล้าในกระถางดินเผาสีเหลืองที่วางอยู่ตรงมุมร้าน

ต้นกล้านั้นเติบใหญ่ขึ้นมากจนสูงเกือบเท่ามนุษย์ทั่วไปแล้ว มันแตกกิ่งก้านสาขาพร้อมด้วยใบสีเขียวที่โบกสะบัดน้อยๆ พลางปล่อยพลังปราณเข้มข้นออกมาผสานกับกระแสตื่นรู้อันเป็นเอกลักษณ์

“ต้นตื่นรู้ทางห้าสายนี้สมชื่อเสียจริง หากข้าได้ครอบครองต้นไม้นี้แล้วฝึกปราณเป็นประจำทุกวัน คงบรรลุเป็นขั้นนักพรตยุทธการได้ในเร็ววัน!” ความละโมบวาบผ่านแววตาของหูอี้เฟิง ในตอนนั้นสัญชาตญาณความเป็นโจรของเขาพุ่งเข้าเกาะกุมจิตใจ แต่เมื่อนึกถึงความน่ากลัวของหุ่นเชิดจักรกลที่ร้านปู้ฟางเมื่อคืนแล้ว… หูอี้เฟิงก็ตัดสินใจไม่เสี่ยงดีกว่า

หุ่นยนต์ตัวนั้นเอาชนะได้แม้กระทั่งขั้นนักพรตยุทธการ ตัวเขาที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับหกขั้นสูงสุดย่อมต่อกรกับมันไม่ได้แน่ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาตนเองไปอยู่ในสถานการณ์น่าอายและถูกแก้ผ้าวิ่งล่อนจ้อนทั่วเมือง

ปู้ฟางเดินออกจากห้องครัวมาพร้อมเหยือกหยกสีขาวในอ้อมแขนและใบหน้าไร้อารมณ์คงเส้นคงวา

เขาวางจอกกระเบื้องสีฟ้าขาวลง จากนั้นก็หยิบกระบวนไม้ไผ่ขึ้นมา แล้ววางเหยือกหยกสีขาวไว้บนโต๊ะ ชายหนุ่มตบเหยือกเบาๆ เพื่อดึงความสนใจของหูอี้เฟิงออกจากต้นตื่นรู้ทางห้าสาย

“นี่คือสุราที่เจ้าอยากซื้อ ชื่อของมันคือสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็ง” ชายหนุ่มพูดเสียงสงบนิ่ง

พอประกาศจบ ปู้ฟางก็เปิดเหยือกสุราออก กลิ่นหอมชวนเมามายไม่ได้สติพลันพุ่งออกมา กลิ่นของสุรานั้นหนาแน่น มันไหลเข้าท่วมทั้งตรอกทันทีแล้วดูเหมือนจะกระจายไปไกลเรื่อยๆ ด้วย

เพียงแค่ดมกลิ่นสุราก็ทำให้สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางน้ำลายสอแล้ว กลิ่นของสุราชนิดใหม่นี้ช่างน่าหลงไหลเสียเหลือเกิน

ดวงตาของหูอี้เฟิงเป็นประกาย เขาจ้องเหยือกหยกสีขาวด้วยแววตากระหายโหยหา คนที่ทำอาชีพเดียวกับเขาล้วนเป็นพวกที่ชื่นชอบในการดื่มสุราอยู่แล้ว เนื่องจากสุราทำให้กล้าได้กล้าเสียมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เหล่าโจรมืออาชีพอย่างพวกเขาจึงต้องพกสุราเอาไว้… ไม่เคยให้ขาดมือ

“สุราชั้นเลิศ! ชั้นเลิศจริงๆ! กลิ่นนี้… บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยทีเดียว!” หูอี้เฟิงชมเปาะไม่ขาดปาก ใบหน้าสั่นระริก

แน่นอนว่าปู้ฟางเองก็ยินดีรับคำชม เนื่องจากเขาต้องใช้พลังงานในการทำสุราชนิดนี้ไปมาก ผลที่ออกมาย่อมต้องยอดเยี่ยมไร้ที่ติอยู่แล้ว

“รายการอาหารอยู่ด้านหลัง ราคาของสุราชนิดนี้ก็อยู่บนนั้นด้วยเช่นกัน หันไปดูก่อนสิ” ปู้ฟางเอ่ย

“ไม่จำเป็นหรอก! เถ้าแก่ปู้ ข้าขอซื้อหนึ่งเหยือกเลยก็แล้วกัน!” หูอี้เฟิงโบกมืออย่างกระตือรือร้นพลางประกาศออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ

แต่ชายหนุ่มเจ้าของร้านยังคงมีสีหน้าตายด้านเสมอต้นเสมอปลาย เขามองชายตรงหน้าแล้วเอ่ยตอบ “เจ้าไม่มีปัญญาจ่ายหรอก”

“หา ข้าเนี่ยนะไม่มีปัญญาจ่าย” หูอี้เฟิงชะงักไปทันทีพลางหัวเราะอย่างหัวเสีย “เถ้าแก่ปู้ อย่าดูถูกดูแคลนข้านักเลย ถึงข้าจะไม่ได้รวยขนาดนอนอยู่บนกองเงินกองทอง แต่ก็มีเงินพอจ่ายค่าสุราชั้นเลิศหนึ่งเหยือกแน่นอน”

แม้กลิ่นของสุราจะหอมหวนขนาดกระจายไปครึ่งเมือง แต่สุราก็ยังเป็นสุราอยู่วันยังค่ำ มันจะแพงอะไรนักหนากันเชียว ด้วยเหตุนี้หูอี้เฟิงจึงไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก

“รายการอาหารอยู่ด้านหลัง หันไปดูก่อนค่อยพูดจามั่วซั่วดีไหม” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจจะเสียเวลาอธิบายเพิ่มเติมแม้แต่น้อย

หูอี้เฟิงขมวดคิ้ว ความรู้สึกขุ่นเคืองก่อตัวขึ้นในจิตใจ กับอีแค่สุราเหยือกเดียวจะมัวลีลาไปทำบ้าอะไร

แต่เขาก็ยังฟังคำของปู้ฟาง จึงหมุนคอกลับไปมองรายการอาหารด้านหลัง

รูม่านตาของหูอี้เฟิงหดคบทันทีที่เริ่มอ่านจากบรรทัดบนสุดไปบรรทัดล่างสุด รายการอาหารนี้… ช่างน่ากลัวเหลือเกิน นี่มันรายการอาหารจริงๆ หรือนี่ บ้าไปกันใหญ่แล้ว ขนาดโอสถทิพย์ยังไม่แพงเท่านี้เลย!

สุรา… สุราอยู่ตรงไหนกัน สุราหัวใจหยกเยือกแข็ง… เอ่อ ไม่ ไม่ใช่อันนั้น สุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็ง อันนี้แหละ ใช่เลย!

หูอี้เฟิงกวาดสายตาอ่านรายการอาหารแล้วไปหยุดอยู่ที่สุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งในที่สุด แต่เมื่อเห็นราคาของสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็ง ตัวของเขาก็แข็งทื่อ รูม่านตาเปลี่ยนจากหดแคบเป็นขยายกว้าง ใบหน้าเหมือนโดนผีหลอก

“สุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็ง ห้าร้อยผลึกต่อหนึ่งจอก”

จอกละ ห้าร้อยผลึก… ผลึก… ผลึก…

“นี่มัน… ปล้นกันชัดๆ!” ริมฝีปากของหูอี้เฟิงสั่นระริก “ท่านทำมาค้าขายแบบนี้หรือ ขายสุราจอกละห้าร้อยผลึกเนี่ยนะ นี่มันโก่งราคาจนเข้าขั้นกรรโชกทรัพย์แล้ว”

สิบสามกองโจรแห่งเมืองโม่จั่วถูกขู่กรรโชกทรัพย์… ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายอะไรเช่นนี้

ปู้ฟางมองชายตรงหน้าพร้อมพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “หนึ่งจอกราคาห้าร้อยผลึก ราคานี้ยุติธรรมแล้ว ร้านของเราไม่เอาเปรียบใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่หรือลูกเล็กเด็กแดง”

หูอี้เฟิงรู้สึกราวกับถูกลูกธนูพุ่งเข้าปักที่กลางใจ ความเจ็บปวดนั้นยากเหลือแสนที่จะทานทน ราคายุติธรรมหรือ อย่ามาหลอกกันง่ายๆ เหมือนข้าเป็นหมูในอวยแค่เพราะข้าไม่ได้เรียนสูงนะ

“อย่ามาล้อเล่นกันเลยเถ้าแก่ปู้ ช่วยทำมาค้าขายแบบบริสุทธิ์ยุติธรรมเถอะ” ใบหน้าของหูอี้เฟิงมืดมนด้วยความไม่พอใจ ราคานี้… เกินไปจริงๆ

เมืองโม่จั่วนั้นเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างยากจนแร้นแค้น แน่นอนว่าการทำอาชีพโจรอยู่ที่นั่นไม่ได้รายได้สูง บางครั้งพวกเขาก็ไม่ได้อะไรเลยตลอดทั้งเดือน…

การซื้อสุราจอกละห้าร้อยผลึกนั้นถือเป็นการลงทุนยอดแย่ชนิดไม่ต้องสืบ!

ปู้ฟางเอานิ้วลูบกระบวยไม้ไผ่แล้วเคาะเหยือกหยกสีขาวเบาๆ จากนั้นเขาก็หยิบจอกขึ้นมา หย่อนกระบวยลงไปในเหยือก ตักสุราสีฟ้าอมเขียวสดใสขึ้นมาเต็มกระบวย

จ๋อม แจ๋ม เสียงสุรากระเพื่อมกระทบขอบเหยือกดังลอยผ่านอากาศมาเข้าหู กลิ่นสุรายิ่งหอมยั่วยวนใจมากขึ้น พลังปราณเข้มข้นพุ่งเข้าโอบล้อมหัวใจดวงน้อยของหูอี้เฟิงเอาไว้เหมือนเป็นผ้าไหมเลอค่าแสนอ่อนนุ่ม

ปู้ฟางรินสุราสีฟ้าอมเขียวดูสวยงามลงจอก หมอกพลังปราณก่อตัวขึ้นเหนือจอกเกิดเป็นเมฆสามสาย ภาพนั้นสวยงามจนมองอย่างไรก็ไม่อิ่มตา

“เจ้าจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ไม่ใช่กงการอะไรของข้า” ปู้ฟางเหลือบตามองหูอี้เฟิงพลางพูดเสียงขรึม

เอื๊อก กลิ่นสุราทำให้ลำคอของหูอี้เฟิงสั่นระริก ในตอนนั้นเองความกระหายติดสุราก็เข้าครอบงำจิตใจผู้อาวุโสของเหล่ากองโจรทันที

เจ้าชนะ! หูอี้เฟิงตกเป็นทาสกลิ่นสุราไปเรียบร้อย… นี่มันปล้นกันกลางวันแสกๆ โดยใช้เสน่ห์ของสุรามาล่อชัดๆ แต่หูอี้เฟิงก็เอาชนะความอยากและความน่าหลงใหลของสุราสีฟ้าอมเขียวไม่ได้

“ข้าซื้อก็ได้! พับผ่าสิ!” หูอี้เฟิงกำหมัดแน่นพลางโบกมือเพื่อเรียกผลึกถุงใหญ่ออกมาวางบนโต๊ะ นี่คือเงินทั้งหมดที่เขามี เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกกรีดจนเลือดซิบๆ

ปู้ฟางเลิกคิ้วแล้วเก็บผลึกเข้ากระเป๋าไป

“สุราจอกนี้เป็นของเจ้าแล้ว ดื่มด่ำกับมันอย่างเต็มที่ละ เจ้าอาจจะเจออะไรที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้” ชายหนุ่มเอื้อนเอ่ย