บทที่ 137 ฟ้าละเว้นมึง กูไม่ละเว้นมึง

แดนนิรมิตเทพ

บทที่ 137 ฟ้าละเว้นมึง กูไม่ละเว้นมึง
เฉินะโม่สะบัดฝ่ามือเบาๆ พลังทิพย์เคลื่อนออกมา ปัดเอาพลังทิพย์ที่ถูกคนสร้างปกคลุมของล้ำค่าทั้งสามสิ่งนั้นไว้ออกไปจนหมด
“ไข่มุกเม็ดนั้น จริงๆ แล้วเป็นลูกแก้วธรรมดาเม็ดหนึ่งเท่านั้น แต่ถูกคนใส่ปราณหยินเข้าไป ทำให้คนรู้สึกผิดคิดว่าตนเองสมองโล่ง ถ้าสัมผัสนานไป ไม่เพียงไม่สามารถฟื้นสติสัมปชัญญะได้ แต่จะทำให้ปราณกลืนกินวิญญาณ ตายเร็วกว่าปกติ!”
เจ้าสัวทุกคนก็ตกใจ สายตาก็ค่อนข้างสงสัย
สวีตงฮ่านกับชิวอู๋มิ่งก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที แล้วก็มองเฉินโม่ร้ายๆ
“พระพุทธรูปสำริดองค์นั้น ก็เป็นของขายตามตลาด ถูกคนใช้วิชามาหลอกลวงเหมือนกัน พอใช้พลังทิพย์เข้าไปสัมผัส ก็จะเกิดเป็นแสงสีแดงออกมาแปลกๆ แต่ว่าของสิ่งนี้ขับไล่ความชั่วร้ายไม่ได้ เพราะคนที่ฝึกวิชานั้นใช้พลังจากปราณหยิน จากนั้นวิชาที่ใช้ก็ออกเป็นปราณหยิน ไม่เพียงไม่สามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ แต่ยังจะเรียกภูติผีปีศาจมาด้วยซ้ำ ถ้าเอาสิ่งนี้ไปวางไว้ในบ้าน รับรองว่าได้เห็นผีเข้ามาหาตอนกลางคืนแน่นอน!”
สายตาความสงสัยของทุกคนก็หายไป เปลี่ยนเป็นความหนักใจแทน
หน้าของสวีตงฮ่านกับชิวอู๋มิ่ง ก็อึมครึมไปเลย
“ส่วนหินหยกปากว้าอันนี้ ก็ถูกคนทำขึ้นมา ด้านในถูกคนสร้างค่ายกลขึ้นมาง่ายๆ สามารถละลายพลังชะตาน้ำที่แฝงอยู่ในหยกอันนี้ได้ พลังชะตาธาตุน้ำสามารถบำรุงร่างกายคนได้จริง แต่การจะกระตุ้นพลังชะตาน้ำในหยกก้อนนี้ จะต้องสูญเสียพลังทิพย์จำนวนมาก ดังนั้นคนทั่วไปเลยมองหินหยกปากว้าก้อนนี้ไม่ออก”
เฉินโม่พูดจบ บนใบหน้าของเจ้าสัวทั้งหลายก็เผยความสิ้นหวังออกมา
เดิมทีนึกว่าเจอของล้ำค่าแล้ว จะสามารถทำให้ชีวิตยืดยาวได้ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอของปลอม
เซวียเชียนเหอก็ยังไม่ตายใจ ถามไปว่า “เฉินไต้ซือ คุณบอกว่าหินหยกปากว้าอันนี้สามารถบำรุงร่างกายได้ ก็แสดงว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่ของปลอมล่ะสิ?”
เฉินโม่ส่ายหัว “หินหยกปากว้าสามารถช่วยบำรุงร่างกายได้ แต่จำเป็นต้องใช้ชี่ทิพย์ของตนเองมากระตุ้นพลังชะตาน้ำที่แฝงอยู่ในหยก ไม่มีประโยชน์กับคนธรรมดาทั่วไป”
เซวียเชียนเหอถอนหายใจ แล้วก้ตัดใจไป
อยู่ดีๆ ชิวอู๋มิ่งก็ลุกขึ้นมา แล้วชี้หน้าก่าเฉินโม่ “ไอ้หนู มึงกล้ามาทำกูเสียเรื่อง วันนี้กูจะถลกหนังถอนเส้นเอ็นมึง สะกดวิญญาณมึง ให้มึงพลิกฟื้นตัวกลับมาใหม่ไม่ได้ตลอดกาล!”
พอเห็นชิวอู๋มิ่งหักหน้ากันแบบนี้ ทุกคนก็เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เฉินโม่ก็มองชิวอู๋มิ่งที่กำลังโมโห พูดไปนิ่งๆ ว่า “คุณน่าจะเป็นคนสำนักเดียวกับหวางไต้ซือสินะ แต่ว่าคุณเก่งกว่าเขามาก แต่เมื่อมาเผชิญหน้ากับผม ยังห่างไกลมากนัก”
“ไอ้หนู มึงฆ่าศิษย์น้องกู จนทำให้อาจารย์ไล่กูออกมา แค้นนี้กูยังไม่ได้คิดบัญชีกับมึงเลย!วันนี้มึงมาทำกูเสียเรื่องอีก แค้นใหม่แค้นเก่ารวมกัน วันนี้กูจะทำให้มึงแหลกเป็นผุยผง!”
พูดจบ ชิวอู๋มิ่งก็อ้าปากกว้างขึ้นมาหายใจเข้าอย่างลึก พุงใหญ่ๆ ของเขาก็พองขึ้นเป็นลูกโป่ง
“ไป!”
ชิวอู๋มิ่งอ้าปากพ่นออกมา ควันสีดำก็พุ่งออกมาอย่างแรง พุงของชิวอู๋มิ่งก็ยุบกลับไปดังเดิม
ควันดำนั้นแยกเป็นหกสายในอากาศ กลายเป็นหัวกะโหลก6หัว ที่กำลังอ้าปาก และกรีดร้องเสียงดังแสบหู
ในห้อง เกิดลมเย็นขึ้นมา เสียงร้องโหยหวนของผีทำให้คนขนลุก ราวกับที่นี่เป็นนรกทั้ง18ขุม
“ผีหลอก!”
เจ้าสัวทั้งหลายก็ตกใจกันแทบฉี่ราด แต่ละคนก็หลบกันไปคนละมุม ตัวสั่นระริก คนธรรมดาพวกนี้ ไหนเลยจะเคยเห็นอะไรแปลกๆ แบบนี้ ก็เลยตกใจกลัวกันหมด
แม้แต่นักพรตเต๋อหลง ก็สีหน้าเปลี่ยนเหมือนกัน จนหยิบยันต์สีเหลืองออกมาจากหน้าอก เตรียมจะป้องกันหัวกะโหลกในอากาศ ปากก็ท่องคาถา
“ไอ้หนู ศิษย์น้องของกูก็แค่เพิ่งเข้าสู่ระดับแดนเรียกขวัญ มึงฆ่าไปก็ไม่แปลก ส่วนกูอยู่ระดับแดนกลืนขวัญมาหลายปีแล้ว วันนี้จะให้มึงได้ลิ้มลองรสชาติที่ถูกกลืนกินวิญญาณว่ามันเป็นอย่างไร!”
ชิวอู๋มิ่งสีหน้าร้ายๆ กวัดแกว่งหัวกะโหลกที่ลอยในอากาศไปมา แล้วตะโกนว่า “หกผีลากขวัญ!”
ควันดำ6สายรวมตัวกันเป็นหัวกะโหลกอ้าปากออกมา แล้วจะกลืนกินมาทางเฉินโม่ พุ่งเข้ามาเป็นควันดำขนาดใหญ่!