รองผู้อำนวยการอวี้หัวมองทุกคนในจัตุรัสที่ยังตกตะลึงอยู่ พูดเสียงดังลั่นว่า

“ในบรรดาปีศาจเงินสามตน มีเพียงสติปัญญาของโครงกระดูกสีชาดที่เป็นเหมือนเด็ก”

“ตัวแทนจากสรวงสวรรค์ไม่ได้เลือกใช้กำลัง แต่เลือกจะเริ่มต้นจากสติปัญญาอันเปราะบางของโครงกระดูกสีชาด พวกเขาใช้เกมล่อลวงมัน ชักจูงมัน สุดท้ายทำให้มันเข้าสู่เส้นทางจมดิ่งกับเกมที่ไม่มีวันหวนกลับ”

“บนโลกใบนี้ มีเรื่องราวมากมายไม่จำเป็นจะต้องแก้ไขด้วยกำลัง การจัดการกับข้อด้อยของศัตรู แม้จะไม่ใช้กำลัง ก็คว้าชัยชนะได้เช่นกัน”

“ทางด้านนี้ ตัวแทนของสรวงสวรรค์แสดงตัวอย่างด้วยการต่อสู้ครั้งนี้ได้สมบูรณ์แบบยิ่งนัก!”

คำพูดของรองผู้อำนวยการอวี้หัวดังก้องจัตุรัสฟ้าคราม ดังสนั่นทรงพลัง มีเหตุมีผล สรรเสริญเยินยออิทธิพลสรวงสวรรค์

คนของอิทธิพลอื่นๆ คิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่กลับพูดไม่ออก

ส่วนนักเรียนหลายหมื่นคนกลับกระจ่างใจโดยพลัน หลังได้ฟังคำพูดของรองผู้อำนวยการอวี้หัว อุทานไม่ขาดสาย

“แบบนี้นี่เอง ข้าว่าแล้วเชียว ทำไมโครงกระดูกสีชาดถึงเล่นมือถือ ทำให้รู้สึกละมุนละไมขนาดนี้ ที่แท้สติปัญญาของมันก็เป็นแค่เด็กนี่เอง!”

“ทั้งสามคนแค่เจอหน้า ก็วินิจฉัยปมด้อยของโครงกระดูกสีชาดได้ชัดเจนแจ่มเจ้ง ซ้ำยังวางแผนรับมืออย่างยอดเยี่ยม ช่างมีสายตาเฉียบแหลมและการตอบสนองที่น่ากลัวเสียจริง!”

“เทพหลิวเอาชนะโครงกระดูกสีชาดด้วยความสามารถ สร้างความดีความชอบอีกครั้ง”

“ทั้งสามคนไม่สะทกสะท้าน ตัดสินใจอย่างอาจหาญ สร้างเกียรติให้สรวงสวรรค์ของเรา!”

ขณะที่เหล่านักเรียนกำลังคุยโวอย่างตื่นเต้น พวกอันหลินภายในเทือกเขาจงหลงไม่รู้อะไรเลยสักนิด

อันหลินกับหวังเสวียนจ้านได้ยินว่าพวกเขาได้อีกสองคะแนน ต่างก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน

เล่นเกมก็ชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยเหรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน!

หลิวเชียนฮ่วนกลับทำท่าผ่อนคลายสบายๆ ทั้งการโกง การข่มเหงรังแกที่อาศัยความสามารถของตน ได้จอกศักดิ์สิทธิ์มาครองเป็นเรื่องที่ธรรมดามากไม่ใช่หรือ!

“เจ้าแพ้แล้ว หากไม่มีธุระอะไร ข้าไปก่อนนะ” นางจ้องโครงกระดูกสีชาดแล้วเอ่ยปากอีกครา

“อย่าสิ…มาแข่งกันอีกสักสองสามตา ข้าต้องเอาชนะเจ้าได้แน่นอน!” นัยน์ตาของโครงกระดูกสีชาดพูดด้วยน้ำเสียงที่เอาแต่ใจและไม่สบอารมณ์

หลิวเชียนฮ่วนได้ยินดังนั้นก็เบะปาก “แต่เจ้าไม่มีของเดิมพันจะมอบให้ข้าแล้วนี่นา ตอนนี้ข้ายุ่งมาก การประลองที่ไม่มีของเดิมพัน ข้าไม่มีเวลาเล่นด้วยหรอกนะ”

โครงกระดูกสีชาดที่อ้วนเตี้ยชะงักไป จ้องอักษรคำว่าแพ้สีแดงเด่นหราในมือถืออย่างเงียบงัน

อันหลินกับหวังเสวียนจ้านระแวดระวังขึ้นมาเล็กน้อย ลอบเตรียมการป้องกันการจู่โจมของโครงกระดูกสีทองที่ปะทุกะทันหัน

“ข้า…ข้าเปิดเผยข้อมูลให้เจ้าได้ นอกจากตำแหน่งของจอกศักดิ์สิทธิ์ทองแล้ว ตำแหน่งของจอกศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือข้าก็บอกเจ้าได้เหมือนกัน!” โครงกระดูกสีชาดเอ่ยขึ้นหลังเงียบไปครู่หนึ่ง

อันหลินกับหวังเสวียนจ้านต่างก็หายใจเข้าดังเฮือก จ้องมองโครงกระดูกตนนี้ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

พับผ่าสิ เริ่มทรยศเพื่อนแล้วเหรอเนี่ย

ซ้ำยังหักหลังได้เด็ดขาดเถรตรงถึงขนาดนี้!

หลิวเชียนฮ่วนเองก็จ้องโครงกระดูกตนนี้อย่างตกใจ ไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าบอกพิกัดของจอกศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ได้จริงหรือ คงไม่ได้คิดจะหลอกข้าหรอกนะ”

“ราชินีสั่งสอนข้ามาเสมอ ต้องเป็นเด็กดีที่ไม่โกหก ข้าเป็นแค่เด็ก ไม่มีทางหลอกใคร” โครงกระดูกสีชาดพูดพลางชูสองนิ้วออกมา จิ้มตรงกระดูกใบหน้าของตน ทำท่าทางน่ารักอันน่าสะพรึงกลัว

“อีกอย่าง ต่อให้บอกตำแหน่งกับพวกเจ้า ความสามารถอย่างพวกเจ้า ก็ใช่ว่าจะชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ได้เสียเมื่อใด” โครงกระดูกสีชาดพูดเสริม

หลิวเชียนฮ่วนตกปากรับคำคำขอของโครงกระดูกสีชาดอย่างสองจิตสองใจ เริ่มแข่งขันอีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขที่ชนะสองตาแลกกับข้อมูลพิกัดของจอกศักดิ์สิทธิ์หนึ่งใบ

ด้วยเหตุนี้ โครงกระดูกสีชาดจึงเริ่มประลองกับหลิวเชียนฮ่วนขึ้นอีกครั้งอย่างสมใจ

หนึ่งชั่วยามต่อมา

โครงกระดูกสีชาดแพ้ยับเยิน

โครงกระดูกสีชาดอ้วนเตี้ย “…”

หลังผ่านการย่ำยีอันไร้มนุษยธรรมตาแล้วตาเล่า ในที่สุดมันก็ตระหนักได้ถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสอง มันเป็นความแตกต่างราวฟ้ากับเหว ความแตกต่างระหว่างแสงหิ่งห้อยกับดวงตะวัน การประลองความสามารถแบบนี้ทำให้โครงกระดูกสีชาดรู้สึกสิ้นหวังยิ่งนัก

นัยน์ตาสุกใสของมันห่อเหี่ยวลงทันตา เริ่มหมดอาลัยตายอยากขึ้นมา

หลังสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งแล้ว โครงกระดูกสีชาดถึงได้พูดเชื่องช้าอย่างเซื่องซึมว่า “มังกรปีกครามอยู่ที่ที่ราบสูงไป๋ซู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขาจงหลง แฝดพายุสายฟ้าอยู่ที่ทะเลสาบทมิฬทางตะวันออกของเทือกเขาจงหลง…”

ความลับของจอกศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรูออกจากปากของมันอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด

อันหลินกับหวังเสวียนจ้านลืมพร่ำบ่นและโอดครวญ บันทึกข้อมูลเหล่านี้ด้วยความตื่นเต้น

เมื่อรู้ตำแหน่งโดยรวมของจอกศักดิ์สิทธิ์แล้ว มีโอกาสได้เปรียบอย่างสิ้นเชิงในการประลองครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ประหยัดเวลาค้นหานับครั้งไม่ถ้วน การประลองครั้งนี้เรียกได้ว่าเอาอยู่แล้ว!

หลิวเชียนฮ่วนเห็นโครงกระดูกสีชาดรักษาสัญญา ก็ดีใจเป็นอย่างมาก จึงยกมือถือเครื่องนั้นให้มัน “มือถือเครื่องนี้เจ้าเก็บไว้ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เล่นกับตัวละครเอ็นพีซีฝึกฝีมือให้มากๆ มีเวลาเราค่อยมาประลองกันอีก”

สองมือของโครงกระดูกสีชาดอ้วนเตี้ยประคองมือถือ โครงกระดูกสั่นระริก พูดจาสะเปะสะปะ “ขอบคุณพี่สาว…ฮือ…ข้าจะพยายามแน่นอน พบ…พบกันครั้งหน้าต้องเอาชนะเจ้าได้แน่…ฮือ…เพิ่งมีคนให้ของเล่นข้าเป็นครั้งแรก…”

โครงกระดูกสีชาดซาบซึ้งใจจนไม่มีสติ กอดมือถือไว้ราวกับเป็นของเล่นที่หวงแหนที่สุด ดวงตาสุกใสจดจ้องหลิวเชียนฮ่วนด้วยความตื้นตัน ทั้งน่ารักและน่าสยดสยอง

หลิวเชียนฮ่วนกลับไม่แยแสแต่อย่างใด เพียงแค่ฉีกยิ้มบางๆ

ก็แค่มือถือเครื่องเดียวไม่ใช่หรือไง…นางอยากทิ้งไอฟงแปดเครื่องนี้ไปนานแล้ว!

เป็นอย่างที่คิด ออปป้าสิบสองถูกจริตนางมากกว่า

ด้วยเหตุนี้ หลิวเชียนฮ่วน อันหลินและหวังเสวียนจ้านจึงทะยานขึ้นฟ้า ท่ามกลางการอำลาของโครงกระดูกสีชาดและลูกไฟสีน้ำเงินนับพัน เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่

ในจัตุรัสฟ้าคราม เหล่าผู้ชมตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

นักเรียนหลายหมื่นชีวิตมองภาพที่โครงกระดูกสีชาดส่งพวกอันหลินอย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

ผู้ติดตามของสามอิทธิพลที่เหลือกลับจ้องรองผู้อำนวยการอวี้หัวด้วยสายตาเย็นเยือก ราวกับกำลังถามว่า ‘โครงกระดูกตนนี้คงไม่ใช่สรวงสวรรค์จ้างมาหรอกนะ!’

รองผู้อำนวยการอวี้หัวมุมปากกระตุก กำลังครุ่นคิดหาข้ออ้างชี้แจง

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้อธิบายอย่างปวดเศียรเวียนเกล้าว่า “ของวิเศษในเทือกเขาจงหลง เกิดจากการผสานระหว่างสายเลือดมังกรและจอกศักดิ์สิทธิ์ อุปนิสัยของปีศาจแตกต่างกัน อย่างสถานการณ์แบบนี้ พูดได้เพียงว่า ตัวแทนของสรวงสวรรค์ใช้จุดอ่อนของศัตรูจนเกิดประโยชน์สูงสุด!”

คำพูดนี้มีเหตุมีผล อย่างไรเสียนักเรียนหลายหมื่นคนยอมรับแล้ว พวกเขาเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ พูดว่า ‘เล่นเกมพิทักษ์โลก’ ในการวิจารณ์กันบ้างเป็นครั้งคราว ก็ไม่แสดงปฏิกิริยารุนแรงมากนัก

แต่ผู้ติดตามของสามอิทธิพลที่เหลือกลับไม่พอใจ ต่างก็จ้องรองผู้อำนวยการอวี้หัวด้วยสายตาถมึงทึง

อวี้หัวลำบากใจเหลือเกิน เมื่อก่อนเคยพบเจอสถานการณ์บ้าบอเช่นนี้ที่ไหนกัน แต่กลับเกิดขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เขารู้ว่าอธิบายอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ ทำได้เพียงชมการประลองต่อไปด้วยใบหน้าที่อมทุกข์

ในทะเลสาบทมิฬของเทือกเขาจงหลง ตัวแทนทั้งสามของหอสร้างโลกเจอกับแฝดวายุสายฟ้า สงครามใหญ่จึงปะทุขึ้น…