ตอนที่ 34 พี่สาวคนรองแห่งตระกูลเหอ
“เมื่อวานข้าบอกท่านแม่ว่าอีกสามวันข้าจะไปที่ตลาดจำได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“ข้าอยากให้ท่านพ่อใช้เวลาสองวันนี้ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ เราจะได้เอามันไปขายในตลาด”
“พ่อค้าเร่ยังคงเปิดร้านอยู่ใช่หรือไม่เจ้าคะ? ร้านของเขามีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง หากเราเอาเนื้อสัตว์ไปฝากเขาขายคงทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำแน่เจ้าค่ะ”
เวลาเที่ยงวัน พระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า
หลังจากทำสวนเสร็จ หยุนลี่เต๋อและแม่นางเหลียนนั่งพักผ่อนและฟังแผนการของหยุนเชวี่ยใต้ร่มไม้ในสวน เมื่อรับรู้แผนการทั้งหมดของลูกสาว พวกเขาจึงมองหน้ากันและกันอย่างลังเล
“ท่านพ่อกับท่านแม่มีความเห็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“เอ่อ…”
แม่นางเหลียนไม่เห็นด้วยกับการที่ผู้หญิงต้องไปตะโกนเรียกลูกค้ากลางตลาด แต่เมื่อนึกถึงความตั้งใจของหยุนเชวี่ย นางจึงเอ่ยตอบพลางถอนหายใจ “ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องค้าขายเท่าไร เจ้าไปถามพ่อของเจ้าเถอะ”
“ข้าว่ามันเป็นแผนที่ดีทีเดียว” ไม่รอให้หยุนเชวี่ยอ้าปากถาม หยุนลี่เต๋อก็ตอบพร้อมตบต้นขาทันที “รีบทำสวนให้เสร็จกันเถิด ข้าจะได้รีบขึ้นเขา!”
หยุนลี่เต๋อเป็นคนที่มุ่งมั่น หากงานที่ทำสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวได้ เขาจะทุ่มเททำงานนั้นให้สำเร็จโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ขณะที่หยุนเชวี่ยกำลังเตรียมตัวขึ้นไปบนเขากับบิดา เหอยาโถวก็มาหานางที่เรือนเสียก่อน
“เชวี่ยเอ๋อ เจ้าจะไปเก็บฟืนตอนแดดเปรี้ยงอย่างนี้หรือ? ขยันเกินไปแล้ว”
“ข้ากำลังจะไปล่าสัตว์บนภูเขากับท่านพ่อน่ะ” หยุนเชวี่ยวางตะกร้าไม้ไผ่ลงกับพื้น ซึ่งในนั้นบรรจุผักตบชวาและขนมแป้งทอดสองชิ้นที่ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้า
“อ๋อ” เหอยาโถวปาดเหงื่อบนหน้าผาก “ถ้าอย่างนั้น… เราไปหาพี่รองของข้าด้วยกันดีหรือไม่?”
“วันนี้พี่เยี่ยเอ๋อว่างหรือ?”
“พี่รองกำลังตั้งท้องอยู่ นางต้องว่างทั้งวันแน่!” ดูเหมือนว่าเหอยาโถวจะตื่นเต้นกับ ‘แผนการหาเงิน’ ยิ่งกว่าหยุนเชวี่ยเสียอีก
“อืม ไปหานางกันเถอะ!”
หยุนเชวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกวักมือเรียกเสี่ยวอู่และกระซิบสองสามคำก่อนเดินตามเหอยาโถวออกไป
หมู่บ้านหลิ่วชู่ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำไป่ซี ชื่อของหมู่บ้านถูกเรียกตามต้นหลิวขนาดสามถึงสี่คนโอบที่อยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้าน
เหอเยี่ยเอ๋อคือพี่สาวคนรองของเหอยาโถว นางแต่งงานกับบุตรของตระกูลกั๋วผู้มีที่ดินในหมู่บ้านนี้เกือบครึ่ง ดังนั้นหลังจากแต่งงานนางจึงย้ายตามสามีมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
ผู้อาวุโสกั๋วมีอายุเกือบแปดสิบปีแล้ว เขาเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่บ้านหลิ่วชู่และหมู่บ้านใกล้เคียงในเรื่องความมีเมตตา เนื่องจากผู้อาวุโสกั๋วจะไม่เก็บค่าเช่าที่ดินหากชาวบ้านเก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อย
ชาวบ้านในหมู่บ้านหลิ่วชู่ตั้งแต่เด็กยันผู้เฒ่าต่างยกย่องเป็นเสียงเดียวกันว่าตระกูลกั๋วเป็นตระกูลที่มีคุณธรรม
หลังจากเหอยาโถวและหยุนเชวี่ยมาถึงเรือนของตระกูลกั๋ว พวกเขาก็พบว่าเหอเยี่ยเอ๋อยังคงหลับอยู่
ไม่นานหญิงผู้หนึ่งแต่งตัวสะอาดสะอ้านก็เดินออกมาต้อนรับและพาทั้งสองไปยังห้องโถงเล็กก่อนนำเต้าฮวยใส่ผลซิ่งแช่เย็นมาให้
“นายน้อยเหอ ข้าไม่ได้เจอท่านมาสองถึงสามวันแล้ว แต่ท่านยังคงสดใสร่างเริงเช่นเดิมไม่เปลี่ยนเลย” หญิงผู้นั้นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ในหมู่บ้านไป่ซีทุกคนเรียกเหอยาโถวด้วยชื่อจริง ทว่าเมื่อมาที่หมู่บ้านนี้เขาจะถูกเรียกว่า ‘นายน้อย’ หยุนเชวี่ยพลันคิดในใจว่าเหตุใดถึงต้องมีหลายชื่อให้ยุ่งยาก
หลังจากตักเต้าฮวยเข้าปาก เหอยาโถวก็ตกตะลึงกับรสชาติที่แสนวิเศษของมันจนต้องออกปากชม “อร่อยมากเลยป้าหลิว ฝีมือทำขนมของท่านช่างวิเศษจริง ๆ”
“เต้าฮวยสูตรนี้เป็นสูตรที่คนในเมืองชอบทาน นายท่านเห็นว่านายหญิงชอบทานจึงสั่งให้ข้าไปซื้อไว้เจ้าค่ะ” ป้าหลิวเอ่ยตอบพลางหยิบผลไม้อบแห้งใส่จาน
“ตอนที่นายหญิงตั้งครรภ์ นางเปรี้ยวปากอยากทานเต้าฮวยตลอดเวลา ดังนั้นนายท่านจึงสั่งให้พ่อค้าเร่ที่เดินทางลงใต้ซื้อมันกลับมาด้วยทุกครั้งเจ้าค่ะ”
“คุณชายกั๋วต้องดีต่อพี่เยี่ยเอ๋อมากแน่นอน” หยุนเชวี่ยกล่าวพลางถอนหายใจ
ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน ผู้ชายที่เอาใจใส่และดูแลภรรยาหาได้ยากยิ่งโดยเฉพาะยุคชายเป็นใหญ่เช่นนี้
“นั่นเป็นเพราะว่าพี่เขยรักพี่รองอย่างไรล่ะ” เหอยาโถวกล่าวออกด้วยความภาคภูมิใจก่อนหันมองหยุนเชวี่ยพร้อมยกยิ้ม “เชวี่ยเอ๋อ ภายภาคหน้าหากเจ้าต้องการออกเรือน เจ้าต้องเลือกคนที่รักเจ้าและเจ้าก็รักเขา เจ้าถึงจะมีความสุข… เข้าใจหรือไม่?”
เชวี่ยเอ๋อนิ่งเงียบ…
อย่างไรก็ตาม หยุนเชวี่ยไม่เอยคาดหวังว่าตนจะได้พบ ‘รักแท้’ เนื่องจากสังคมสมัยโบราณมีช่องว่างระหว่างความคิดมากยิ่งนักและนางไม่เคยมีความคิดที่จะออกเรือนอีกด้วย
นางเพียงต้องการค้าขายเพื่อเก็บเงินได้เยอะ ๆ โดยไม่สนใจผู้ใด ไม่ยึดติดกับกฎระเบียบ และใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลเช่นนี้คงจะมีความสุขกว่าการออกเรือน
“เฮ้อ พวกเจ้าอายุยังน้อยแต่กลับรู้มากเพียงนี้”
เสียงหัวเราะอันสดใสดังออกมาจากห้องโถง เหอเยี่ยเอ๋อสวมกระโปรงสีอ่อน รูปร่างของนางอวบอัดขึ้น ทว่าไม่เทอะทะ เส้นผมทุกเส้นถูกเกล้าต่ำด้วยปิ่นปักผมหยกแสนเรียบง่าย
นางเดินตรงไปลูบศีรษะของเหอยาโถวพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงใสกังวานราวกับระฆัง “ตอบข้ามาว่าเจ้าคิดถึงเรื่องออกเรือนแล้วใช่หรือไม่?”
เหอยาโถวปัดมือของพี่สาวออกพลางกลอกตา “พี่รอง ท่านไม่ได้นอนพักหรอกหรือ?”
“เสียงหัวเราะของเจ้าดังลั่นบ้าน ถ้าข้าไม่ได้ยินสิแปลก” เหอเยี่ยเอ๋อมองหน้าน้องชายพลางนั่งลงและส่งยิ้มให้หยุนเชวี่ย “เชวี่ยเอ๋อ เจ้าเหอยาโถวยิ่งโตก็ยิ่งงาม โตไปเขาคงหักอกหญิงสาวไปทั่วแน่”
เหอเยี่ยเอ๋อเป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดา แต่งกายด้วยอาภรณ์เรียบง่ายไม่หรูหราเท่านายหญิงใหญ่แห่งตระกูลกั๋ว คิ้วของนางเรียวยาวดั่งคันศร ท่าทีและวาจาที่เอื้อนเอ่ยนั้นทรงพลังส่งผลให้ผู้คนที่เข้าใกล้รู้สึกว่านางเป็นคนเข้าถึงง่าย
“พี่เยี่ยเอ๋อ” หยุนเชวี่ยกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“เหตุใดถึงมาหาข้าตอนกลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ไม่ร้อนกันหรือ” เหอเยี่ยเอ๋อกล่าวพลางขยับพัดที่อยู่ในมือเล็กน้อย ทำให้ลมเย็นพัดผ่านใบหน้าของเด็กทั้งสองอย่างแผ่วเบา
“ข้ามีเรื่องจะรบกวนพี่รองน่ะ” เหอยาโถวเดินไปหาพี่สาว
เหอเยี่ยเอ๋อมองน้องชายด้วยสายตางุนงง “มีอะไรให้ข้าช่วยก็บอกมาเลย เหตุใดต้องทำท่าทีเกรงใจเช่นนี้? หากเจ้าเดือดร้อน มีหรือที่พี่สาวคนนี้จะไม่ช่วย?”
“ท่านพี่ ข้าต้องการให้พี่เขยสั่งลูกพลับจากทางใต้ให้ข้าหน่อยน่ะ”
“แค่นี้หรือ?” เหอเยี่ยเอ๋องุนงง “ผลไม้อบแห้งของข้ายังเหลือ พวกเจ้าสองคนแบ่งไปสิ หยิบไปเท่าที่เจ้าต้องการเลย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นท่านพี่ พวกเราต้องการลูกพลัมสด”
“ลูกพลัมสดหรือ? เปรี้ยวเข็ดฟันเช่นนั้น เจ้าจะเอาไปทำอะไร?”
เหอยาโถวส่งยิ้มให้หยุนเชวี่ยก่อนเล่าว่าพวกเขาต้องการลูกพลัมสดไปแปรรูปเป็นลูกบ๊วยและนำไปขายในเมืองเพื่อหารายได้
หลังจากฟังจบ เหอเยี่ยเอ๋อมองหน้าทั้งสองคนชั่วครู่ก่อนเอ่ยถาม “เชวี่ยเอ๋อเป็นคนคิดแผนนี้หรือ?”
“ใช่แล้ว!” เหอยาโถวโพล่งขึ้นก่อนที่หยุนเชวี่ยจะเอ่ยตอบ “ท่านพี่ เชวี่ยเอ๋อเป็นคนที่มีความสามารถมาก แม้กระทั่งกังหันน้ำในหมู่บ้าน นางก็เป็นคนคิดค้น…”
“ท่านพี่คิดว่าดีหรือไม่ที่เราสามารถซักเสื้อผ้าให้สะอาด โดยที่ออกแรงเพียงน้อยนิด แม่ของเรา เฟิงซิ่วไฉ่ หวังหลี่เจิ้ง และคนในหมู่บ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเชวี่ยเอ๋อมีความสามารถเป็นเลิศ”
“ความคิดของเชวี่ยเอ๋อไม่เลวเลย ข้าว่ามันต้องได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน!”
หยุนเชวี่ยเกาศีรษะพร้อมยกยิ้มอย่างเขินอายหลังจากได้รับคำชม “พี่เยี่ยเอ๋อ ข้าอยากหาเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัว… และเหอยาโถวกำลังหาทางช่วยข้าอยู่เจ้าค่ะ”
“ข้ารู้ น้องชายเอาแต่ใจของข้ามีจิตใจเอื้อเฟื้อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร” เหอเยี่ยเอ๋อขยับตัวเข้าใกล้เหอยาโถวก่อนเอื้อมือลูบศีรษะของเขา “ยาโถว เจ้าเป็นเด็กฉลาดและมีจิตใจดียิ่ง”