สุดยอดกายาคู่

แปลโดย iPAT

 

เนื่องจากผู้คิดค้นวิธีการนี้ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้มัน ฟางหยวนจึงตั้งชื่อมันอย่างเป็นทางการว่า วิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย

 

คุณค่าของมันไม่สามารถประเมินได้

 

หากข้อมูลนี้รั่วไหลออกไป โลกของผู้บ่มเพาะจะตกสู่ความโกลาหล กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็ต้องเคลื่อนไหวและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อใช้ประโยชน์จากวิธีการนี้

 

เนื่องจากมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายสามารถลดความรุนแรงของภัยพิบัติสวรรค์พิภพลงครึ่งหนึ่ง นั่นหมายความว่าพวกเขามีโอกาสก้าวข้ามภัยพิบัติเพิ่มขึ้นอีกห้าสิบส่วน

 

ในช่วงเวลาที่สงบสุข ผู้อมตะมักเสียชีวิตเพราะภัยพิบัติสวรรค์พิภพ ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายของภัยพิบัติเหล่านี้ ภัยพิบัติแต่ละครั้งไม่สามารถคาดเดา ความรุนแรงของพวกมันก็ไม่เท่ากัน แต่ความยากลำบากจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ผู้อมตะต้องทำงานอย่างหนักในการฝึกฝนและเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติแต่ละครั้ง

 

สิ่งสำคัญก็คือการบ่มเพาะจำเป็นต้องพึ่งพาทรัพยากรเช่น วิญญาณอมตะ ท่าไม้ตายอมตะ คฤหาสน์วิญญาณอมตะ และอื่นๆ

 

มิติช่องว่างของพวกเขาเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการบ่มเพาะและเก็บทรัพยากร

 

เนื่องจากสภาพแวดล้อมของมันเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ยิ่งไปกว่านั้นเวลาในมิติช่องว่างของพวกเขายังไหลเร็วกว่าโลกภายนอก นี่ทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์มากขึ้น

 

การเก็บทรัพยากรไว้ในมิติช่องว่างย่อมปลอดภัยกว่าการถือพวกมันเดินทางไปรอบๆและเสี่ยงที่จะถูกปล้นชิง

 

หากพวกเขาพบผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังและเอาแต่ใจเช่นนางมารผลาญสวรรค์ นางจะทำลายทรัพยากรเหล่านี้ในกรณีนี้ไม่สามารถฉกชิงมาเป็นของตน

 

อย่างไรก็ตามปัญหาคือภัยพิบัติสวรรค์พิภพจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อมิติช่องว่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะก้าวข้ามภัยพิบัติ นอกจากนั้นมันยังเป็นเรื่องยากที่จะปกป้องทรัพยากรจากความเสียหาย

 

ทรัพยากรส่วนใหญ่ในมิติช่องว่างมักจะถูกทำลายเมื่อภัยพิบัติมาเยือน

 

หลังจากนั้นผู้อมตะต้องเริ่มรวบรวมทรัพยากรใหม่อีกครั้ง

 

นี่คือวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก!

 

ภัยพิบัติจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผู้อมตะต้องเริ่มสะสมทรัพยากรใหม่ตั้งแต่ต้น นี่ทำให้การเติบโตของพวกเขาค่อนข้างล่าช้า ความแข็งแกร่งของผู้อมตะส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นไม่ทันกำหนดเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถรับมือภัยพิบัติสวรรค์พิภพที่ถาโถมเข้ามา

 

ตั้งแต่โบราณ ผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนตกตายไประหว่างภัยพิบัติเหล่านี้

 

ผู้อมตะไป่หูเป็นตัวอย่างหนึ่งสำหรับเรื่องนี้

 

นางผ่านภัยพิบัติพิภพมาแล้วสี่ครั้ง แต่ในครั้งที่ห้า นางต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์เงาสายฟ้าและเสียชีวิตเพราะมัน เจตจำนงของนางกลายเป็นจิตวิญญาณแผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูที่ฟางหยวนฉกชิงมา

 

หนึ่งในวิธีลดภัยคุกคามจากภัยพิบัติสวรรค์พิภพก็คือย้ายทรัพยากรออกไปล่วงหน้า

 

ฟางหยวนเคยทำสิ่งนี้มาก่อน

 

แต่ในความเป็นจริงมีผู้อมตะเพียงไม่กี่คนที่จะใช้วิธีนี้

 

พวกเขาไม่ใช่คนโง่ แล้วเหตุผลคือสิ่งใด?

 

สาเหตุเนื่องมาจากมันเป็นตัวบ่งชี้ประเภทของภัยพิบัติสวรรค์พิภพ ตัวอย่างเช่น ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่ย้ายทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไม้ออกไป เมื่อภัยพิบัติมาถึง พวกเขาอาจบนภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งไฟ

 

เมื่อผู้อมตะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนี้ พวกเขาจะได้รับพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟ จากนั้นเมื่อพวกเขานำทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไม้กลับเข้ามา พวกมันก็ไม่เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ในมิติช่องว่างนี้อีกต่อไป

 

ในทางตรงข้าม หากพวกเขาทิ้งทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไม้ไว้ในมิติช่องว่าง มันจะเหนี่ยวนำภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งไม้เข้ามา สุดท้ายพวกเขาจะได้รับพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไม้เพิ่มขึ้นแม้ว่าทรัพยากรส่วนหนึ่งของพวกเขาจะพังทลายลงก็ตาม

 

กรณีของฟางหยวน เขาย้ายทรัพยากรเดิมออกไปก่อนการมาถึงของภัยพิบัติ นั่นเป็นเหตุให้เขาพบกับภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งเลือดที่ไม่เหมาะสมกับทรัพยากรเหล่านั้น

 

อย่างไรก็ตามแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูอยู่บนเส้นทางแห่งทาสที่ไม่เหมาะสมกับเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจมันมากนัก

 

ในกรณีของไท่เป่ยหยุนเฉิง เขาเก็บทรัพยากรไว้ที่เดิมก่อนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ แม้เขาจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่รากฐานของเขาก็เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางที่เหมาะสมกับตนเอง

 

ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของมิติช่องว่างที่มีชีวิตและตายไปแล้ว

 

แม้ผู้อมตะจะยิ่งใหญ่เพียงใดแต่ยังมีสวรรค์ที่เหนือกว่า ผู้อมตะต้องดิ้นรนฟันฝ่าอุปสรรคและภัยพิบัติอย่างไม่รู้จบสิ้นเพื่อความอยู่รอด

 

แต่หากพวกเขามีมิติช่องว่างที่มีชีวิตและตายไปแล้ว ทุกอย่างจะแตกต่างออกไป

 

มันสามารถลดความรุนแรงของภัยพิบัติได้ถึงห้าสิบส่วน!

 

เมื่อความรุนแรงของภัยพิบัติลดลง การสูญเสียทรัพยากรก็จะลดลงเช่นกัน ขณะที่พลังงานแห่งเต๋าที่พวกเขาจะได้รับกลับไม่ลดลง เรื่องนี้จะส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อวงจรการบ่มเพาะของผู้อมตะ

 

เมื่อภัยพิบัติครั้งต่อไปมาถึง พวกเขาจะมีความพร้อมมากขึ้นในการรับมือกับศัตรู

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการค้นพบและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคปัจจุบัน

 

มันสามารถเปลี่ยนโลกของการบ่มเพาะและเปลี่ยนประวัติศาสตร์

 

นี่ไม่ใช่เพียงวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายแต่เป็นวิธีบ่มเพาะรูปแบบใหม่!

 

วิธีการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณได้รับการถ่ายทอดมาจากยุคของมนุษย์คนแรกและแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาจนถึงปัจจุบัน

 

หากวิธีใหม่ถูกเผยแพร่ออกไป มันจะไม่ต่างจากการค้นพบทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์หรือกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน

 

ในช่วงเริ่มต้น ผู้อมตะหลายคนอาจรู้สึกยากที่จะยอมรับ แต่เมื่อบางคนได้รับความสำเร็จ พวกเขาจะเริ่มเปลี่ยนความคิดและรู้สึกยกย่องสรรเสริญ

 

“โลกจะพัฒนาไปเรื่อยๆ การบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณถือเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นมันจึงสามารถพัฒนาไปตามวันเวลา”

 

ฟางหยวนไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง

 

ยิ่งเขาคิดมากเท่าใด เขาก็ยิ่งตระหนักถึงความฉลาดของวิธีนี้มากเท่านั้น

 

ในระยะเวลาสั้นๆ ฟางหยวนสามารถทำความเข้าใจอย่างคร่าวๆเท่านั้น เขายังไม่สามารถทำความเข้าใจสาระสำคัญได้อย่างถ่วงแท้

 

เขารู้เพียงว่าวิธีนี้เป็นแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมกับเขา

 

อย่างไรก็ตามหากใช้มิติช่องว่างที่ตายไปแล้วเป็นรากฐานในการสร้างมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย มันยังมีข้อเสีย

 

ตัวอย่างเช่น แรกเริ่มมิติช่องว่างของฟางหยวนเป็นมิติช่องว่างระดับกลาง หลังจากกลายเป็นผีดิบอมตะ มิติช่องว่างของเขาตายและพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง หากใช้มันเป็นรากฐานในการสร้างมิติช่องว่างใหม่ มิติช่องว่างของเขาจะกลายเป็นมิติช่องว่างระดับต่ำที่มีขนาดพื้นที่น้อยกว่ามาก เรื่องนี้ไม่เอื้อประโยชน์ต่อการบ่มเพาะในอนาคตของเขา

 

แต่เนื้อหาส่วนหนึ่งในวิธีนี้กล่าวว่าเขาสามารถใช้ซากศพของผีดิบอมตะบนเส้นทางที่ตรงกันเป็นส่วนประกอบในการยกระดับมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย หากมีซากศพของผีดิบอมตะบนเส้นทางเดียวกันมากพอ ผู้บ่มเพาะอาจได้รับมิติช่องว่างระดับสูง

 

นอกจากนั้นหากได้รับซากศพของผีดิบอมตะสุดยอดกายา มิติช่องว่างของของผู้บ่มเพาะอาจบรรลุถึงระดับสุดยอด

 

ไห่ลั่วหลันได้รับมิติช่องว่างระดับสุดยอดเมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ดังนั้นฟางหยวนจึงเข้าใจหลายสิ่งเกี่ยวกับมัน

 

“แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอดมีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุด มันสามารถผลิตองุ่นเขียวอมตะได้ปีละอย่างน้อยห้าสิบผล การไหลของเวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์จะยิ่งรวดเร็วและสามารถผลิตทรัพยากรได้มากมายในระยะเวลาสั้นๆ สิ่งสำคัญก็คือสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงจะช่วยยกระดับพลังการต่อสู้ของข้าได้หลายเท่า!”

 

จากจุดนี้ฟางหยวนสามารถมองเห็นคุณค่าของวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายได้มากขึ้น

 

สุดยอดกายาทั้งสิบ!

 

พวกมันมีพลังอันยิ่งใหญ่แต่ก็มีข้อเสียที่ใหญ่กว่า

 

เนื่องจากเวลาไหลเร็วขึ้น พวกเขาจึงพบกับภัยพิบัติเร็วขึ้น!

 

ในประวัติศาสตร์มีผู้อมตะระดับแปดที่ครอบครองสุดยอดกายาอยู่น้อยมาก แม้พวกเขาจะเหนือกว่าคนในระดับเดียวกันแต่พวกเขาไม่มีโอกาสเติบโต

 

อย่างไรก็ตามข้อบกพร่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อฟางหยวน

 

เหตุผลก็คือเขามีวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย

 

มิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายจะช่วยลดความรุนแรงของภัยพิบัติลงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญจึงอยู่ในจุดที่สามารถยอมรับได้

 

“ข้าสามารถสร้างมิติช่องว่างระดับสูงด้วยการรวบรวมซากศพของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่หากข้าได้รับซากศพของผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ข้าจะสามารถสร้างมิติช่องว่างระดับสุดยอดเช่นเดียวกับผู้อมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงขณะที่ความรุนแรงของภัยพิบัติจะลดลงครึ่งหนึ่ง ตราบเท่าที่ข้ามีเวลาเพียงพอ ข้าจะสามารถเติบโตและบรรลุระดับเก้า!”

 

ดวงตาของฟางหยวนลุกไหม้ขึ้นด้วยความคาดหวัง

 

ผู้อมตะระดับเก้าคือผู้ปกครองโลกหล้า นี่คือข้อเท็จจริงที่ทุกคนยอมรับ

 

“หากวิธีนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี ข้ายังสามารถใช้วิธีเดียวกันกับทะเลวิญญาณที่สองและเปลี่ยนมันให้เป็นมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาระดับสุดยอด! นอกจากสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ข้ายังจะได้ครอบครองสุดยอดกายาแสงจันทร์บรรพกาลอีกด้วย!”

 

สุดยอดกายาคู่!

 

ฟางหยวนแทบหลั่งน้ำตาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

 

ห้าร้อยปีในชีวิตก่อนหน้า เขาต้องอดทนกับความยากลำบากและเสี่ยงชีวิตมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดตอนนี้เขาก็เริ่มเห็นความหวังที่จะเติมเต็มความทะเยอทะยานและก้าวไปสู่ชีวิตนิรันดร์

 

ชีวิตนิรันดร์จะเป็นเพียงเป้าหมายที่ไร้สาระหากปราศจากความแข็งแกร่งที่เพียงพอ

 

“ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งมีอยู่ไม่มาก ตั้งแต่ข้าเข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรผีดิบ ข้ายังไม่พบผู้ใดบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางความแข็งแกร่ง สำหรับสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง แน่นอนว่ามีอยู่หนึ่ง นั่นก็คือ ไห่ลั่วหลัน!”

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความดุร้าย

 

“แม้ข้าจะร่วมมือกับเจ้าเพื่อหลบหนีจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงและได้รับประโยชน์มากมายในภายหลัง แต่เพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยานของข้า เจ้าจะต้องเป็นเครื่องสังเวย!”

 

รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางหยวน

 

โหดเหี้ยม!

 

เย็นชา!

 

ไร้หัวใจ!