ตอนที่ 388 เจิดจ้าเรืองรอง โดย ProjectZyphon

ถ้าหลินสวินจำไม่ผิด นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉู่ไห่ตงพูดจาแบบนี้กับตน

เขาระบายยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างกลับเห็นฉู่ไห่ตงก้าวเท้าขึ้นไปบนแท่นประตูมังกร

เห็นได้ชัดว่าหลินสวินทำฉู่ไห่ตงโมโหแล้ว รีบร้อนจะใช้การกระทำพิสูจน์ทุกอย่างเพื่อเย้ยหยันและโจมตีหลินสวิน

“ผู้อาวุโสลิ่งหู ข้าขอเป็นผู้รับการทดสอบคนต่อไป” ฉู่ไห่ตงประสานมือคารวะ

ลิ่งหูซิวที่ยืนอยู่อีกด้านพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ความวุ่นวายเมื่อครู่นี้อยู่ในสายตาเขาทั้งหมด แต่กลับไม่ได้ส่งเสียงห้ามและไม่แสดงปฏิกิริยาอันใด จึงไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่

แต่หลินสวินก็ยังคงสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าตอนที่ตัวเองปะทะฝีปากกับฉู่อวิ๋นคงและฉู่ไห่ตง สายตาที่ลิ่งหูซิวมองตนเจือแววแปลกประหลาดเล็กน้อย

หากไม่ใช่เพราะพลังจิตวิญญาณของหลินสวินในตอนนี้ผ่านการเคี่ยวกรำจนแข็งแกร่งอย่างที่สุด ก็คงยากจะสังเกตเห็นความผิดแผกนี้

‘คนผู้นี้ดูเหมือนจะสนใจท่าทีของข้ามาก…’

หลินสวินงุนงงในใจ ไม่ใคร่เข้าใจนัก

ฮู้ม~~~

บนแท่นประตูมังกร คลื่นพลังลึกลับกลุ่มหนึ่งลอยออกมา และแผ่กระจายแสงประกายอันน่าพิศวงออกเป็นวงกว้างราวกับคลื่นน้ำ

เห็นเพียงสีหน้าของฉู่ไห่ตงที่นั่งขัดสมาธิอยู่พลันเคร่งขรึมลง ทั้งแน่วนิ่งและตั้งใจ ค่อยๆ หลับตาลง ก่อนที่ร่างกายของเขาจะถูกแสงเปล่งประกายนั่นปกคลุม

เห็นแบบนี้เหล่านักสลักวิญญาณที่ชมดูอยู่รอบๆ ต่างหยุดทุกความคิดและมองไปที่ประตูมังกรอย่างจดจ่อ

เรียกได้ว่าการที่เหล่านักสลักวิญญาณมารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้ ก็เพราะฉู่ไห่ตงโดยเฉพาะ!

ชายผู้นี้อายุเพียงยี่สิบต้นๆ แต่กลับประสบความสำเร็จในศาสตร์การสลักวิญญาณเป็นอย่างมาก ถูกยกย่องให้เป็นแม่ทัพในบรรดาหนุ่มสาวยุคใหม่ของตระกูลฉู่

ในขณะเดียวกัน เขายังถูกมองว่าเป็นผู้มีหวังผ่านการทดสอบรับรองฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณที่สุด!

ด้วยอายุอย่างเขา แต่มีความสามารถและสติปัญญาโดดเด่นขนาดนี้ เรียกว่าเป็นผู้กล้าในศาสตร์การสลักวิญญาณได้เลย

ในบรรดาหนุ่มสาวตระกูลใหญ่นักสลักวิญญาณอย่างตระกูลเฟิง ฉู่และโม่ แม้ชื่อเสียงของฉู่ไห่ตงจะโด่งดังสู้เฟิงชิงโยวไม่ได้ แต่นอกจากเฟิงชิงโยวก็ไม่มีใครเทียบฉู่ไห่ตงได้อีก

ด้วยเหตุนี้ตอนที่รู้ว่าวันนี้ฉู่ไห่ตงจะเข้าร่วมการรับรองฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณ เหล่านักสลักวิญญาณจึงมารวมตัวกันเพื่อชื่นชมความสามารถของฉู่ไห่ตงด้วยตาของตัวเอง

พอสังเกตเห็นบรรยากาศที่เปลี่ยนไป รวมทั้งเหล่านักสลักวิญญาณที่ดูตั้งหน้าตั้งตาและจดจ่อกันมาก ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า แม้ฉู่ไห่ตงจะดูหยิ่งผยองไปหน่อยแต่ก็มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง

และในโถงใหญ่ที่อยู่อีกฝั่ง

เหล่าผู้มีชื่อเสียงเริ่มใจจดใจจ่อ ที่พวกเขามารวมตัวกันอยู่ที่นี่ก็เพื่อจะมาดูว่าความสามารถในศาสตร์การสลักวิญญาณของแม่ทัพยุคใหม่ของตระกูลฉู่ผู้นี้แน่เพียงใด

แน่นอนว่าถ้าเป็นไปได้ พวกเขาอยากฉวยโอกาสนี้ดึงฉู่ไห่ตงเข้าไปอยู่ในขุมอำนาจของตนมากกว่า!

อย่างเช่นอวี๋เป่ยโต่วที่เป็นตัวแทนของภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ

เฉิงจิ่งที่เป็นตัวแทนของสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ

หรือเสิ่นทั่วที่เป็นตัวแทนของเรือนสลักวิญญาณแห่งสำนักศึกษามฤคมรกต

ถ้าฉู่ไห่ตงทำได้ดี ผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรได้ พวกเขาพร้อมจะแสดงความจริงใจอย่างเต็มที่ เพื่อเชิญฉู่ไห่ตงกลับไปเป็นพวกเดียวกัน

เพราะถึงอย่างไรในจักรวรรดินี้ปรมาจารย์สลักวิญญาณก็หาได้ยากนัก สามารถเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณตั้งแต่ยังหนุ่มแบบนี้ยิ่งมีน้อยมาก

ถ้าได้ฉู่ไห่ตงไปเป็นพวกเดียวกัน ไม่แน่ว่าในอาจเป็นการเลี้ยงดูปฐมาจารย์ในอนาคตก็เป็นได้!

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าฉู่ไห่ตงทำผลงานได้ดีพอ สามารถผ่านการทดสอบไปได้อย่างราบรื่น มิเช่นนั้นทุกอย่างล้วนเป็นเพียงความเพ้อฝัน

……

แสงประกายงดงามแผ่กระจายไปทั่วแท่นประตูมังกร และปกคลุมเงาร่างของฉู่ไห่ตงเอาไว้ ทำให้ศิลาโบราณทั้งเก้าหลักยิ่งดูลึกลับ

ฟุ่บ!

การทดสอบเพิ่งจะเริ่มขึ้น ก็เห็นรุ้งทองปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่าบนศิลาหลักที่หนึ่ง

“ใช้เวลาเพียงเท่านี้ก็หยั่งถึงรอยสลักวิญญาณอย่างสมบูรณ์แบบได้ลายหนึ่งแล้ว คราวนี้คุณชายคงจะเตรียมทำลายสถิติใช่หรือไม่”

มีคนตระกูลฉู่แผดเสียงขึ้นอย่างตื่นเต้น

“แข็งแกร่งกว่าหูหลินชวนนั่นมาก”

คนตระกูลฉู่อีกคนพูดถึงพร้อมรอยยิ้ม และเอาไปเทียบกับหูหลินชวนทันที ฟังดูช่างขัดหูนัก

แต่วินาทีนี้ไม่มีใครมีกะจิตกะใจมาถือสาเขา เพราะต่างกำลังเฝ้าดูผลงานของฉู่ไห่ตงอยู่

มีเพียงหลินสวินที่ขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ที่คนตระกูลฉู่กล้าพูดแบบนี้ แสดงให้เห็นชัดว่าเมื่อก่อนล้วนผยองจนเคยตัว คิดว่ามีคนคอยหนุนหลังจึงไม่รู้จักเกรงกลัวใคร

สำหรับเรื่องนี้อันที่จริงก็เข้าใจได้ง่ายมาก ด้วยฐานะของคนตระกูลฉู่ที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่นักสลักวิญญาณ อย่างน้อยในหมู่นักสลักวิญญาณก็มีน้อยคนนักที่กล้ามีเรื่องกับพวกเขา

ฟิ้ว~

ในขณะที่หลินสวินตกอยู่ในห้วงความคิด บนศิลาหินหลักที่หนึ่งพลันมีรุ้งทองอีกสายเปล่งประกายทะยานออกมา

นี่เหมือนเป็นชนวนระเบิดอย่างไรอย่างนั้น เวลามาก็มีรุ้งทองปรากฏตามมาอีกหลายสาย เพียงพริบตาบนศิลาหินก็เต็มไปด้วยรุ้งทอง!

ทำให้นักสลักวิญญาณจำนวนมากต่างหวั่นไหว ในใจตื่นตะลึง สมคำร่ำลือจริงๆ ฉู่ไห่ตงคนนี้สมแล้วที่เป็นบุคคลระดับผู้กล้า หาใช่คนธรรมดาจะเทียบได้

วู้ม~

เพียงไม่นาน บนศิลาก็มีรุ้งทองปรากฏขึ้นอีกเส้นจนผู้คนตกใจร้องเสียงหลงไปตามๆ กัน

“รุ้งทองเส้นที่เก้า!”

“นี่ถือว่าเท่ากับสถิติสูงสุดที่เคยมีมาแล้ว!”

“อีกตั้งนานกว่าจะถึงหนึ่งถ้วยชา หรือว่าฉู่ไห่ตงจะทำสถิติใหม่ได้จริงๆ”

ผู้คนตะลึงกันทั้งสนาม เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความสามารถที่ฉู่ไห่ตงแสดงออกมานั้นเก่งกาจมาก เพียงแค่ผลงานในศิลาหลักแรกก็เพียงพอแสดงให้เห็นว่าความเชี่ยวชาญในศาสตร์การสลักวิญญาณของเขาโดดเด่นเพียงใด

แม้แต่หลินสวินยามนี้ยังอดหรี่ตาไม่ได้ ในใจลอบตะลึง ความสามารถของฉู่ไห่ตงเหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้างจริงๆ

แต่ก็เพียงเหนือความคาดหมายเท่านั้น หลินสวินยังไม่ใจกว้างถึงขนาดดีใจแทนคู่ต่อสู้

ฮู้ม~

ยามครบเวลาหนึ่งถ้วยชา บนศิลาหลักแรกก็มีรุ้งทองอีกเส้นปรากฏ!

ซึ่งก็หมายความว่า ฉู่ไห่ตงสามารถหยั่งถึงรอยสลักวิญญาณสิบลายได้อย่างสมบูรณ์แบบภายในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งถ้วยชา!

เสียงฮือฮาดังสนั่นไปทั่ว ทำสถิติใหม่ได้แล้วจริงๆ

สายตาที่นักสลักวิญญาณมากมายมองฉู่ไห่ตงพลันเปลี่ยนไป เจือไปด้วยความเลื่อมใสและอิจฉา ตอนเฟิงชิงโยวยังทำไม่ได้ถึงขั้นนี้เลย แต่ตอนนี้ฉู่ไห่ตงกลับทำได้!

“ฮ่าๆๆ ไห่ตงทำได้ดีมาก!”

เหล่าคนตระกูลฉู่ต่างร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นที่ยากจะเก็บงำ

“แบบนี้ถึงเรียกว่าความสามารถที่แท้จริง ไม่เหมือนบางคนที่เก่งแต่ปาก!”

ฉู่อวิ๋นคงหัวเราะเสียงเย็น

เห็นได้ชัดว่ากำลังเยาะเย้ยหลินสวิน

แต่ครั้งนี้หลินสวินคร้านจะถือสาเขา ตาเฒ่านี่เป็นพวกกำเริบเสิบสานมาแต่กำเนิด เหมือนไม่ได้พูดจาเสียดสีเย้ยหยันคนอื่นแล้วจะอยู่ไม่ได้

ในอีกห้องโถงหนึ่ง

เหล่าคนใหญ่คนโตต่างหวั่นไหว ได้มาเห็นการทำลายสถิติกับตาตัวเองแบบนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าดีใจยิ่งนัก

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ผู้ที่ทำลายสถิติเป็นเพียงแค่คนหนุ่มในช่วงวัยที่กำลังรุ่งโรจน์!

“ไม่ว่าฉู่ไห่ตงจะผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรหรือไม่ ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณของข้าก็ต้องเอาตัวไปให้ได้!”

อวี๋เป่ยโต้วพูดอย่างหมายมั่น

“พี่อวี๋ ใจร้อนไปจะเสียการณ์เอานะ ตระกูลฉู่กับสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิของข้ามีความสัมพันธ์อันดีกันมาโดยตลอด เชื่อว่าพ่อหนุ่มนั่นจะต้องเลือกอย่างฉลาดแน่นอน”

เฉิงจิ่งยิ้มพูด เปิดศึกช่วงชิงกัน

“หึ เช่นนั้นก็คอยดูแล้วกัน” อวี๋เป่ยโต้วถลึงตา

“ย่อมได้” เฉิงจิ่งยิ้มน้อยๆ

เห็นทั้งสองแย่งฉู่ไห่ตงกันอย่างเปิดเผยแล้ว เสิ่นทั่วที่อยู่ข้างๆ ได้แต่ยิ่งเงียบ จากนั้นหันไปพูดกับเฟิงชิงโยวที่อยู่ข้างหลัง “เจ้าดูซิ พอฉู่ไห่ตงสร้างสถิติใหม่ได้ก็เนื้อหอมเพียงนี้แล้ว”

เฟิงชิงโยวขานรับในลำคออย่างไร้ชีวิตชีวา พูดอย่างไม่ยินดียินร้ายว่า “ตอนข้าผ่านการทดสอบเพิ่งอายุเพียงสิบเจ็ดปี ท่านเอาเขามาเทียบกับข้าหรือ เหอะๆ”

นิ้วเรียวยาวอันขาวผ่องราวกับต้นหอมเล่นปอยผมงามข้างหู ใบหน้าอันใสซื่อบริสุทธิ์ดูไม่แยแสใดๆ

เสิ่นทั่วระบายยิ้มออกมาทันที จริงอย่างว่า เฟิงชิงโยวผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรตั้งแต่อายุสิบเจ็ด ส่วนฉู่ไห่ตงตอนนี้อายุยี่สิบกว่าแล้ว อย่างไรก็สู้เฟิงชิงโยวไม่ได้

……

การทดสอบบนแท่นประตูมังกรยังคงดำเนินอยู่

ผ่านศิลาหินหลักแรกไปได้ ทั้งยังทำสถิติใหม่ ทำให้ฉู่ไห่ตงได้หน้าไปเต็มๆ สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทั้งโถง เสียงฮือฮาดังกระหน่ำขึ้น

และหลังจากนั้นผลงานของเขาก็น่าชื่นชมมาก ผ่านทุกด่านไปได้อย่างผ่อนคลายด้วยความสามารถอันเก่งกาจ

ศิลาหลักที่สอง

ศิลาหลักที่สาม

ที่สี่…

จนกระทั่งไปถึงเบื้องหน้าศิลาหลักที่เก้า ฉู่ไห่ตงสามารถผ่านทุกการทดสอบไปได้อย่างราบรื่นราวกับไม่มีอะไรขวางกั้น

อีกทั้งผลงานก็โดดเด่นมาก ตั้งแต่ศิลาหลักที่สองจนถึงหลักที่แปด จำนวนรุ้งทองที่ปรากฏล้วนไม่ต่ำกว่าห้าสาย!

นี่พาให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า โดยเฉพาะเหล่าผู้คนในตระกูลฉู่ที่เรียกได้ว่าตื่นเต้นจนสติแตก แต่ละคนสีหน้าเบิกบานเปรมปรีดิ์

ส่วนฉู่อวิ๋นคงผู้นั้นก็ไม่อยู่เฉย คอยพูดจาเสียดสีหลินสวินอยู่เป็นระยะๆ

หลินสวินเพียงมองตาแก่นั่นเป็นพวกต่ำช้า และไม่สนใจเขาอีก

แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ฉู่อวิ๋นคงก็ยิ่งได้ใจ นึกว่ากำลังใจของหลินสวินถูกทำลายไปแล้ว จึงไม่กล้าอวดดีกับตนอีก

ตอนที่ฉู่ไห่ตงทดสอบมาถึงศิลาหลักที่เก้า บรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบในทันที

เพราะทุกคนล้วนรู้ดีว่าด่านสุดท้ายนี้ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ด่านแห่งคูน้ำสวรรค์’ ในอดีตบรรดาผู้มีความสามารถไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ต้องพ่ายแพ้ให้กับศิลาหลักนี้และกลับไปพร้อมความแค้นเคือง

ทุกคนจึงไม่กล้าฟันธงว่าฉู่ไห่ตงจะผ่านด่านสุดท้าย

วินาทีนี้แม้แต่คนใหญ่คนโตที่สังเกตการณ์ทุกอย่างในโถงอีกแห่งยังเพ่งสมาธิมองดูการทดสอบโดยไม่พูดคุยกัน

ฉู่ไห่ตงไม่ทำให้ผิดหวัง เวลายังผ่านไปไม่ถึงครึ่งถ้วยชาก็มีรุ้งทองปรากฏขึ้นบนศิลาหลักที่เก้า

ยามครบหนึ่งถ้วยชา ก็มีรุ้งทองปรากฏขึ้นอีกสาย

ซึ่งก็หมายความว่า ในการทดสอบด่านที่เก้า ฉู่ไห่ตงหยั่งถึงรอยสลักวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์สองลาย สามารถผ่านด่าน ‘คูน้ำสวรรค์’ กลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่แท้จริงได้!

ยามนี้บรรยากาศภายในโถงโหมคลั่งถึงที่สุด เหล่านักสลักวิญญาณมากมายต่างปรบมือและส่งเสียงร้องแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า

แม้แต่ลิ่งหูซิวยังก้าวเข้ามาแสดงความยินดีกับฉู่ไห่ตงด้วยตัวเอง!

ภายใต้สายตาที่จ้องมองของผู้คน ฉู่ตงไห่ในยามนี้ดูเจิดจ้าเรืองรอง โดดเด่นไร้ที่เปรียบ กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน