หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.501 – สองข่าวดี

 

ณ ทะเลตะวันออกของสหพันธรัฐรัฐบาลกลาง

 

ในมหาสมุทร

 

ปรากฏร่างของชายที่ไว้ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนกำลังยืนอยู่บนผิวน้ำ

 

เขายกมือขึ้นลูบหนวดบนคาง คล้ายกำลังแสดงออกถึงการครุ่นคิด

 

“คาดไม่ถึงเลย … ”

 

ชายคนนั้นเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ปากเอ่ยพึมพำบางอย่างออกมา

 

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ชายคนนั้นค่อยๆย่อตัวลงและกดมือข้างหนึ่งของเขานาบกับผิวน้ำ

 

บังเกิดคลื่นความผันผวนจากฝ่ามือของเขา แทรกซึมลงสู่มหาสมุทร แผ่ขยายออกไปทุกทิศทาง

 

“มาเถอะ จงมาหาข้า แม้ว่าเจ้าจะเป็นมอนสเตอร์กลายพันธุ์ … แต่สุดท้ายก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตในทะเลอยู่ดี”

 

“ดังนั้นเจ้าสมควรที่จะเชื่อฟังคำสั่งข้า!”

 

ฟุ่ม!

 

พร้อมกับเสียงพูดอันแผ่วเบาของเขา ผิวมหาสมุทรก็แยกออก ตามด้วยมอนสเตอร์ขนาดมหึมาผุดขึ้นมาบนผิวน้ำ

 

มันคือสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเล

 

จากนั้นแทบจะในทันที  สัตว์ร้ายจากห้วงทะเลลึกตนแล้วตนเล่าที่ได้รับคำสั่งก็เริ่มผุดขึ้นมา

 

ไม่นานนัก สัตว์ร้ายแห่งท้องทะเลทั้งหมดก็ปรากฏสู่สายตาของชายผมสีน้ำตาล

 

สัตว์ทะเลเรียงรายอยู่รอบตัวเขาอย่างเป็นระบบระเบียบ

 

พวกมันกำลังรู้สึกกลัว .. หวาดกลัวลึกเข้าไปถึงในหัวใจต่อตัวตนเล็กจ้อยเบื้องหน้านี้

 

ชายคนนั้นเฝ้าดูการปรากฏของสัตว์ทะเลที่มีรูปร่างแปลกตาและดุร้ายแตกต่างกันออกไป

 

พร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุขที่ค่อยๆปรากฏขึ้น

 

“พวกเจ้าทั้งหมดคือคนของข้า ฉะนั้น นับจากนี้ไปจงคอยเงี่ยหูฟังคำสั่งให้ดี”

 

สัตว์ทะเลที่อยู่ใกล้กับเขาครางเสียงต่ำออกมา

 

“หืม? เจ้าถามว่าข้าเป็นใครงั้นหรือ?”

 

ชายคนนั้นพยักหน้าและกล่าว “ข้าลืมมันเสียสนิทเลย แต่พวกเจ้าไม่สิทธิจะล่วงรู้ชื่อของข้า .. ยังไงก็ตาม หากเป็นฉายาก็ยังคงพอได้อยู่”

 

“ข้าคือผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพแห่งโลกสวรรค์ เป็นผู้ควบคุมธาตุน้ำ ดังนั้นพวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่าเทพวารีก็ได้”

 

“เอาล่ะ ตอนนี้จงรู้สึกเป็นเกียรติเสียที่ได้รับใช้พระเจ้า – พวกเจ้าทั้งหมดจงยกทัพขึ้นบก แล้วบุกโจมตีเมืองมนุษย์ซะ!”

 

 

อีกด้านหนึ่ง

 

สาธารณรัฐฟูซี

 

หนึ่งในเมืองใหญ่

 

หุ่นรบต่อสู้ที่มีขนาดความสูงกว่าห้าเมตรระเบิดไอพ่นจนควันฟุ้งไปทั่วบริเวณ พุ่งเข้ากระแทกกับสิ่งมีชีวิตประหลาดตนหนึ่ง

 

มันเป็นมอนสเตอร์สีเทาด้านที่ดูไร้ชีวิตชีวา ตลอดร่างถูกปกคลุมไปด้วยเมือก ทั้งเนื้อตัวเต็มไปด้วยหนวดยาว และกำลังลอยอยู่ในอากาศ

 

ภายใต้การกระแทกอันหนักหน่วงของหุ่นรบ มอนสเตอร์เปล่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ

 

แม้ว่าการโจมตีทั้งหมดของอีกฝ่ายจะแทบไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อตนเองเลยก็ตาม แต่การพุ่งเข้าชนอย่างแรงแบบนี้ ก็ยังทำให้มันรู้สึกเจ็บจี๊ดจริงๆ

 

มอนสเตอร์อ้าแขนออก แล้วกอดหมับ! รัดพันหุ่นรบไว้ในอ้อมแขน ไม่ยินยอมให้มันหลุดรอดออกไป

 

ซี่ ซี่ ซี่ ซี่ ซี่!

 

บังเกิดเสียงกัดกร่อนอันฟังชัด

 

เมื่อหมอกฟุ้งที่เกิดจากการกัดกร่อนปลิวหายไปกับสายลม ก็พบว่าชิ้นส่วนเหล็กกล้าเกือบทั้งหมดของหุ่นรบ ได้ละลายกลายสภาพเป็นเว้าแหว่งจนใช้การไม่ได้แล้ว

 

ฮู้มมม!

 

มอนสเตอร์ลากเสียงหอนยาว

 

ตรงข้ามกับมัน หุ่นรบจำนวนมากแท้จริงแล้วยังคงเฝ้ามองฉากนี้อย่างเงียบๆ ทั้งหมดนิ่งงันไม่ไหวติง

 

นี่คือกองทัพหุ่นรบต่อสู้

 

ภายในหุ่นรบทั้งหมด มิได้มีมนุษย์เป็นคนคอยขับเคลื่อน

 

เทพธิดากงเจิ้งได้ใช้ AI สงครามรุ่นใหม่ล่าสุดทำการควบคุมเหล็กกล้าเหล่านี้

 

“จากการวิเคราะห์ตรวจสอบ ได้ข้อสรุปว่า : นับตั้งแต่ที่ผีร้ายมาถึง จุดที่อ่อนแอที่สุดของพวกมันคือหัว”

 

เทพธิดากงเจิ้งสั่งการ “เหล่าสมาชิกเอ๋ย จงออกไปกำจัดมัน!”

 

“สู้เพื่อเทพธิดา!”

 

เหล่าหุ่นรบทั้งหมดขานรับเสียงอึกทึก

 

เสียงคำรามของเครื่องจักรกังวานไปทั่วผืนฟ้า

 

หุ่นรบเริ่มพุ่งเข้าชาร์จอีกครั้ง

 

ผีร้ายก็ไม่น้อยหน้า มันหวีดร้องออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง พรวดกระโจนสาดน้ำกรดเข้ากลางดงหุ่นรบ

 

การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง!

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ณ ภายในร้านกาแฟที่อยู่ห่างออกไปเพียงสามช่วงตึก

 

ชายสองคนในชุดลำลองสบายๆ กำลังเพลิดเพลินไปกับการดื่มชายามบ่าย

 

หนึ่งในนั้นได้ยินเสียงดังของการต่อสู้จากภายนอก เขาก็วางถ้วยกาแฟในมือลง

 

“สู้กันดุเดือดจริงๆ” เขาแสดงความคิดเห็น

 

“ก็แค่การต่อสู้เล็กๆน้อยๆเท่านั้นแหละ” ชายอีกคนที่ในมือถือถ้วยชาดำ ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นวางพาดบนเก้าอี้

 

ดวงตาของเขาหรี่แคบลง ดูมีความสุขไม่น้อย

 

รอบตัวพวกเขา ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ

 

ตลอดทั้งร้านกาแฟเงียบเชียบ

 

ทั้งสองกำลังนั่งดื่มชาและพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้ภายนอก

 

“พวกเราไม่ต้องไปช่วยเจ้าผีร้ายนั่นจริงๆหรอ?” อีกคนหนึ่งที่ดื่มกาแฟเอ่ยถาม

 

“เจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งหรือไม่?” ชายดื่มชาดำเหลือบมองเขา

 

“ไม่รู้สิ แต่อย่างน้อยข้าก็สามารถจัดการกับพวกก้อนโลหะเหล่านี้ได้อย่างไม่ยากเย็น ..”

 

“อย่าออกไปเชียว อย่าลืมสิว่างานของพวกเราคือการรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของโลกใบนี้ ไม่ใช่การปกป้องพวกผีร้าย”

 

“แต่ที่ข้าต้องการจะสื่อก็คือ พวกเรากับมันเป็นพันธมิตรกันนะ และตอนนี้มันก็กำลังต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ การที่พวกเรามานั่งดื่มกันแบบนี้ มันคงจะดูไม่ดีนัก”

 

“ไม่เป็นไรหรอก” ชายที่ดื่มชาดำกล่าว “โลกใบนี้น่ะมีเพียงหนึ่งเท่านั้น พวกผีร้ายก็ต้องการจะผสานรวม พวกเราเองก็ต้องการผสานรวมเหมือนกัน งั้นสุดท้ายแล้วจะเป็นโลกของผู้ใดกันที่จะได้ผสานรวมเข้ากับมัน? -ตรงจุดนี้ต่างหากที่เป็นปัญหา”

 

“หากปัญหานี้ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก สำหรับพวกเราผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ” เขากล่าว

 

อีกคนหนึ่งพยักหน้าเข้าใจ

 

“นั่นสินะ ท้ายที่สุดนี้ จำนวนผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพอย่างพวกเรามันมีน้อยเกินไป ไม่เหมาะสมที่จะออกรบ ฉะนั้นก็ให้พวกผีร้ายที่มีจำนวนมากรับหน้าแทนจึงจะดีกว่า เพราะยังไงพวกมันก็รักในการต่อสู้อยู่แล้ว”

 

ชายดื่มชาดำเอ่ยเสริม “ยังไงก็ตาม ในโลกมนุษย์ใบนี้ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจอยู่”

 

ว่าจบ เขาก็เอื้อมมือออกไป คว้าจับสมองควอนตัมตรงแขนของศพที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ

 

มองไปรอบร้านกาแฟ จะพบว่ามันเต็มไปด้วยซากศพมนุษย์

 

พวกเขาลงมือฆ่าทุกคน

 

“นี่มันคืออะไรกัน?” ชายดื่มกาแฟจ้องมองไปที่สมองควอนตัมและเอ่ยถาม

 

“มันคือสมองควอนตัม สิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ที่ทุกคนจะต้องมีติดตัวเอาไว้คนละชิ้น”

 

ชายดื่มชาดำกำลังเล่นกับสมองควอนตัมในมือเขา

 

แล้วสมองควอนตัมก็เปล่งแสงสว่างขึ้นทันใด

 

“เช่นนั้นจะใช้ประโยชน์จากเจ้าสิ่งนี้ได้อย่างไร?”

 

“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีหน้าที่ช่วยมนุษย์จัดการแก้ปัญหาเบ็ดเตล็ด”

 

“ช่วยจัดการแก้ปัญหาได้อย่างงั้นหรือ เจ้าสิ่งเล็กๆนี้เนี่ยนะ?” ชายดื่มกาแฟไม่อยากจะเชื่อ

 

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงจากภายนอกก็หายไป

 

ทั้งสองหันมาสบตากัน

 

“สำหรับผีร้าย การจะรับมือกับเจ้าพวกก้อนเหล็กนับสิบคงจะตึงมือเกินไปจริงๆสินะ” คนหนึ่งลุกขึ้น และกำลังจะเดินออกไป

 

“รอก่อน  ดูนั่นสิ เห็นถึงสิ่งที่พวกมันกำลังจะทำไหม?”

 

ท่ามกลางซากปรักหักพัง หลายหุ่นรบกำลังจับกุมผีร้ายที่ใกล้จะตาย

 

จากนั้นเหล่าหุ่นรบก็เริ่มทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า นำพาผีร้ายจากไป

 

“มาเถอะ ตามไปดูพวกมันกัน” ชายดื่มชาดำกล่าว

 

ในขณะเดียวกัน ณ ศูนย์บัญชาการรบที่อยู่ห่างจากทั้งสองออกไปไกลกว่า 8000 ไมล์

 

ซางหยิงฮ่าวกำลังเฝ้ามองสองเทพบนสมองควอนตัมอย่างเงียบๆ จนกระทั่งพวกเขาเตรียมที่จะออกไป

 

“ฆ่ามันซะ” เขาเอ่ยคำหนึ่ง

 

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งกังวานก้อง “ปรมาณูติดตามถูกยิงออกไปแล้ว”

 

“3”

 

“2”

 

“1”

 

“ยิงโดนเป้าหมายได้สำเร็จ”

 

“ดีมาก ตรวจสอบสถานการณ์ซิ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

 

บนจอม่านแสง

 

ร้านกาแฟไม่มีอยู่อีกต่อไป

 

หลงเหลือเพียงหลุมลึกบนพื้นดิ

 

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ปรากฏทั้งสองร่างบินออกมาจากมัน

 

“นี่มันอะไรกัน ข้าได้ทำการแยกกลิ่นอายทั้งหมดไปแล้วอย่างชัดเจน แล้วพวกมันหาเราเจอได้อย่างไร?” ชายที่ดื่มกาแฟเอ่ยด้วยความแปลกใจ

 

กาแฟในมือของเขาบังเกิดไอน้ำพวยพุ่งเนื่องจากความร้อนก็จริง ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ มันมิได้กระฉอกออกจากแก้วเลยแม้แต่หยดเดียว

 

“น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ แสดงว่ายังมีเรื่องอีกมากที่พวกเรายังไม่อาจทำความเข้าใจได้” ชายดื่มชาดำกล่าว

 

และเขาก็ยังคงกำสมองควอนตัมเอาไว้ในมือ

 

ชายดื่มกาแฟเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

ฝูงหุ่นรบได้บินหายไปแล้ว

 

“แล้วตอนนี้จะเอายังไง?” เขาเอ่ยถาม

 

“ลองเดินสำรวจรอบๆไปก็แล้วกัน เผื่อจะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับมนุษย์บ้าง”

 

“แต่แบบนั้นมันจะสมเหตุสมผลหรือ?”

 

“แน่นอนสิ เพราะหน้าที่ของพวกเราคือต้องทำความเข้าใจโลกนี้ให้ดีเสียก่อน เราจึงจะสามารถปกครองพวกมันได้” ชายดื่มชาดำเอ่ยอย่างเฉยชา

 

เขากระตุ้นเตือน “และเจ้าก็ไม่สามารถฆ่ามนุษย์เช่นนี้ได้อีก เพราะพวกมันทุกคนจะกลายมาเป็นคนของเราในอนาคต”

 

“น่าเสียดายจริงๆ ที่ความสนุกมักจะสั้นเสมอ” ชายดื่มกาแฟรู้สึกเสียใจ

 

ขณะชายดื่มชาดำเริ่มรู้สึกเศร้า ปากอ้าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เราต้องการพวกมัน เพราะสุดท้ายนี้ ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพน่ะมีจำนวนน้อยเกินไป ในตลอดทั้งหกวิถี มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถมีสัมพันธ์กับเรา และให้กำเนิดทารกแก่พวกเราได้”

 

“ในความหมายเดียวกันก็คือ เจ้าไม่ควรที่จะทำลายโลกใบนี้มากเกินไป – เพราะสุดท้ายมันก็จะกลายมาเป็นของพวกเรา”

 

เขาสวมใส่สมองควอนตัมลงในแขนตัวเองอย่างระมัดระวัง และเริ่มเดินไปตามท้องถนนที่ไร้ผู้คนเบื้องนอก

 

ชายที่ดื่มกาแฟเดินติดตามเขาไป

 

ซางหยิงฮ่าวปิดจอม่านแสง

 

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น “สามารถระบุตำแหน่งของพวกเขาได้อย่างต่อเนื่องโดยสมองควอนตัม”

 

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่ยากลำบากนะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

 

เขายื่นซิการ์ให้ประธานาธิดีบ และหยิบอีกหนึ่งให้แก่เวโรน่า

 

“ขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่ข้าจะสูบนี่” เวโรน่ายกบุหรี่สำหรับผู้หญิงขึ้นมาในมือของเธอ

 

ซางหยิงฮ่าวจุดซิการ์ของเขาและสูดลึกเข้าไปในปอด

 

เขาสบถออกมา “ไร่ที่ปลูกซิการ์นี้ได้ถูกทำลายลงแล้วโดยพวกผีร้ายกว่า 30 ตน พวกมันสมควรตายจริงๆ”

 

“ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” ประธานาธิบดีเอ่ยถามเขา

 

“จนกระทั่งตอนนี้ อย่างน้อยก็นับว่าเป็นข่าวดี” ซางหยิงฮ่าวตอบ

 

“ข่าวดี? ผีร้ายบุกเข้ามาในโลกมากกว่า 3000 ตน และเมืองกว่า1ใน10ของพวกเราก็ถูกทำลายลงไปแล้ว นี่ยังจะพูดว่าเป็นข่าวดีอีกอย่างงั้นหรือ?” เวโรน่าเอ่ยถาม

 

“ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หุ่นรบสามารถเอาชนะผีร้ายบางตนได้ก็จริง แต่สำหรับผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพแล้ว จนถึงตอนนี้ พวกเขาไม่เคยพ่ายแพ้แก่เหล่าหุ่นรบเลยแม้แต่ครั้งเดียว” ประธานาธิบดีเอ่ยเสริม

 

ซางหยิงฮ่าวพ่นควันออกจากปอด กล่าวอย่างช้าๆ “สงครามมักจะเริ่มต้นด้วยความตายเสมอ … อย่าพึ่งโกรธกันสิ มันแสดงออกชัดมากๆเลยนะบนใบหน้าของพวกคุณ ”

 

เวโรน่าสัมผัสลงบนใบหน้าอันนุ่มนวลของเธอ

 

ประธานาธิบดีกล่าว “ฉันต้องการจะรู้ถึงสิ่งที่เธอเรียกว่าข่าวดี”

 

“จากข้อมูลที่เราได้รับมา ตอนนี้มีอย่างน้อยสองข่าวดี”

 

“ข่าวดีอะไรบ้าง?”

 

“หนึ่งคือ พวกเขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี”

 

ประธานาธิดีบกับเวโรน่าลองคิดเกี่ยวกับมัน และพยักหน้าพร้อมกัน

 

แม้เมื่อครู่สมองควอนตัมจะถูกเปิดใช้งานแล้วโดยผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับมัน

 

ซางหยิงฮ่าวพ่นควันออกมาอีกรอบ ปากเอ่ยกล่าวด้วยสายตาที่ลึกล้ำ “อย่างที่สอง เป้าหมายของพวกเขาคือการครอบครองโลกใบนี้ แต่ไม่ใช่ทำลายมัน”