ตอนที่ 859-860

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 859+860 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 859 พวกเรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม!

เธอคิดว่ามาตลอดว่าตัวเองชอบปากอ่าวที่เงียบสงบ ผลสุดท้ายกลับพบว่าถูกมหาสมุทรที่ก่อคลื่นยักษ์ขึ้นเสมอดึงดูดความสนใจเข้าเสียแล้ว เธอห้ามใจไม่อยู่ต้องการเข้าใกล้มหาสมุทร แต่อีกใจก็รู้สึกว่าทักษะว่ายของตนไม่ดีเท่าไหร่ถ้ากระโดดลงไปจริงๆ คงถูกคลื่นสมุทรฉีกกระชากแน่!

คนผู้นี้จะชอบใครกคนเป็นจริงๆ น่ะหรือ?

ถ้อยคำที่คนผู้นี้เอ่ยจะเชื่อถือได้สักแค่ไหน?

จรงอยุ่ว่าเขาเคยดีต่อเธอ แต่จะดีต่อเธอด้วยใจจริงหรือเปล่า? หรือว่าสนใจใคร่หยอกเย้าแม่นางน้อยเพียงชั่วขณะหนึ่ง?

เงาร่างของตี้ฝูอีแวบขึ้นมาเบื้องหน้าทันที แน่นอนว่าท่าทางในหลายวันมานี้ของเขาก้แวบขึ้นมาด้วย ดูเหมือนเขาจะวางมือจากเธอแล้ว วางมืออย่างสง่าผ่าเผยยิ่งนัก…

แล้วเธอล่ะรักเขาจริงไหม?

บางทีอาจเพียงเพราะเขาลึกลับเกินไปเก่งกล้าเกินและพัวพันผู้อื่นมากเกินไป เลยก่อเป็นความหลงใหลเพียงชั่วคราว ไม่แน่ว่าจะใช่ความรัก…

เธอทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างห่อเหี่ยวกลิ้งไปกลิ้งมา พบว่าจิตใจยังคงว้าวุ่นอยู่

วุ่นวายกับตัวเองอยู่บนเตียงพักหนึ่ง ก็ลุกจากเตียงแล้วใช้น้ำเย็นลูบหน้าอีกครั้ง จากนั้นก็มองออกไปด้านนอก ฟ้าด้านนอกเผยให้เห็นแถบเมฆขาวรำไรแล้ว ฟ้าสางแล้ว!

เธออยู่หน้ากระจกนวดคลึงรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากการอดนอนทั้งคืน มองดวงหน้าน้อยๆ ที่อ่อนเยาว์ในบานกระจก จากที่เงียบอยู่จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา

กู้ซีจิ่ว ตอนนี้เธอเพิ่งอายุเท่าไหร่กัน? นี่จะเริ่มพัวพันกับเรื่องรักใคร่ชายหญิงเหล่านี้แล้วเหรอ!

ตอนนี้หน้าที่ของเธอคือศึกษาเล่าเรียน กลายเป็นผู้แข็งแกร่ง ไม่ใช่อินุงตุงนังไปอินุงตุงนังมาอยู่ที่นี่ นี่ไม่เหมือนตัวเธอเลยสักนิด!

เธอสงบจิตสงบใจ นั่งสมาธิครู่หนึ่ง ทำให้สีหน้าของตนดูดีขึ้นเสียหน่อย จากนั้นก็ล้างหน้าบ้วนปากอีกครั้ง เนื่องจากต้องการปกปิดรอยคล้ำใต้ตา เธอจึงประทินโฉมเล็กน้อย เดิมทีเธอก็เป็นยอดฝีมือด้านการแต่งหน้าอยู่แล้ว เมื่อแต่งหน้าเสร็จ เมื่อส่องกระจกดู ก็กลายเป็นสาวน้อยที่งดงามมีชีวิตชีวาคนหนึ่ง!

เธอเก็บของให้เรียบร้อย เมื่อก้าวออกประตูมากลับพบหลงซือเย่ยืนอยู่นอกประตู ฝีเธอชะงักทันที!

พอผ่านฉากจูบอันน่าอึดอัดเมื่อคืนไป เมื่อพบหน้าเขาอีกครั้งเธอก็ขลาดๆ อยู่บ้าง…

“ซีจิ่ว ตื่นแล้วเหรอ? ไปเถอะ พวกเราไปกินข้าวด้วยกัน” หลงซือเย่ไม่ปริปากถึงเรื่องเมื่อคืนเลย ก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

กู้ซีจิ่วเป็นคนที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา เธอยังไม่กระจ่างในความรู้สึกที่มีต่อหลงซือเย่นัก พอกระจ่างก้รู้สึกผิดอย่างยิ่ง เธอรู้ว่าธอผิดต่อเขาแต่ในเมื่อมั่นใจแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาไม่ใช่อย่างที่ตนเคยจิตนการไว้ ก็ยิ่งไม่คิดจะให้เขาถลำลึกลงมา พัวพันกันอย่างไม่ชัดเจนตลอดไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง เอ่ยขึ้น “เจ้าสำนักหลง ข้ากลับมาทบทวนดูแล้ว ข้ารู้สึกว่า…”

เธอพูดยังไม่จบก็ถูกหลงซือเย่เอ่ยขัด “ซีจิ่ว เธอไม่ต้องพูดอะไรหรอก ฉันเข้าใจดี เป็นฉันวู่วามเกินไป เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลย พวกรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเมื่อก่อนใช่ไหม?”

เป็นเพื่อนเหรอ?

หัวใจกู้ซีจิ่วพลันอุ่นวาบ! เขาช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นยิ่งนักจริงๆ! ในใจเธอรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม แต่ก็โล่งอกด้วยเช่นกัน

หลงซือเย่คนนี้คืเพื่อนที่เธอไม่อยากเสียไป อันที่จริงเธอยากเป็นคู่หูที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขามาก…

เธอซาบซึ้งอยู่ในใจ พยักหน้าอย่างเต็มแรง “ได้! พวกเรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม! ครูฝึกหลง ขอบคุณนะ!”

ขอบคุณที่คุณยกโทษให้ ขอบคุณทุกอย่างที่คุณมอบให้ฉัน ต่อให้ฉันตอบรับความรักของคุณไม่ได้ แต่บุกน้ำลุยไฟเพื่อคุณได้…

หลงซือเย่ตบไหล่เธอเบาๆ ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยว่า “จะเกรงอกเกรงใจกับฉันไปทำไม? อันที่จริงตอนนี้เธอยังเด็กอยู่ ไม่ต้องขบคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้หรอก ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำคือตั้งใจเรียน ตั้งใจฝึกฝน อย่าให้เสียชื่อศิษย์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…”

“แน่นอน!” กู้ซีจิ่วรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ยักคิ้วแย้มยิ้ม “ฉันจะยอดเยี่ยมที่สุดเลย!”

————————————————————————————-

บทที่ 860 เรื่องที่ท่านนึกไม่ถึงยังอีกมากนัก

หลงซือเย่เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “เธอยอดเยี่ยมที่สุดตลอดอยู่แล้ว ฉันรู้ดีมานานมากๆ แล้ว…เอาล่ะ พวกเราไปกินข้าวกัน!”

กู้ซีจิ่วยังคงฉงนอยู่บ้าง “ใช่แล้ว สำรับอาหารของอาจารย์อย่างพวกคุณไม่ใช่ว่ามีเด็กรับใช้นำไปส่งที่เรือนพวกคุณหรอกเหรอ? ทำไมยังต้องไปกินที่โรงอาหารล่ะ?”

หลงซือเย่หัวเราะเบาๆ “ฉันจะให้เธอเลี้ยงน่ะสิ!”

“หือ?”

หลงซือเย่ยื่นมือมา ในมือมีดอกเหมยบุหลันหลายดอกส่งกลิ่นหอมจางๆ “ฉันเก็บดอกไม้มาให้เธอแล้ว เก็บได้แปดร้อยกว่าดอก เพียงพอสำหรับตัวยาของเธอ หรือยังไม่คู่ควรให้เธอเชิญฉันไปกินข้าวอีก?”

ดวงตากู้ซีจิ่วเปล่งประกายทันที “ได้เลย! ขอเชิญคุณ!”

….

อาหารเช้าในโรงอาหารของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ยังคงพรั่งพร้อมยิ่งนัก กู้ซีจิ่วทำตัวเป็นเจ้าถิ่นและซื่อตรงเปิดเผยยิ่งนัก สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะใหญ่ ล้วนเป็นของโปรดของหลงซือเย่ทั้งสิ้น

หลงซือเย่กวาดตามองอาหารบนโต๊ะแวบหนึ่ง ยินดียิ่งนัก “ซีจิ่ว ยังคงเป็นเธอที่รู้รสนิยมฉัน”

กู้ซีจิ่วดอไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “นี่ยังต้องพูดอีกเหรอ? ถึงยังไงก็รู้จักกันมานานหลายปี…”

เพิ่งจะกล่าวประโยคนนี้จบ จู่ๆ ภายในโรงอาหารก็เงียบลง มีคนกะซิบเบาๆ ว่า “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมา!”

“วันนี้มันอะไรกัน? ไม่เพียงแต่เจ้าสำนักหลงเท่านั้นที่มากินข้าวที่โรงอาหาร แม้แต่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มาด้วยเหมือนกัน!”

ขณะที่พูดคุยกัน เหล่าศิษย์ในที่อยู่ในโรงอาหารก็พากันคุกเข่าลงเสียงดังพึ่บพั่บ เทียบได้กับตอนที่ต้อนรับการมาถึงของหลงซือเย่…

กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงนิดๆ หันไปมองประตูโรงอาหารเช่นกัน มองเห็นตี้ฝูอีดินเข้ามาจริงๆ ที่ติดตามอยู่ข้างกายเขาคือมู่อวิ๋น

กู้ซีจิ่วค่อนข้างปวดศีรษะจริงๆ มิน่าล่ะพวกคนใหญ่คนโตถึงไม่อยากมาโรงอาหาร พอมาก็ทำให้ฝูงชนแตกตื่นฮือฮา ซ้ำยังทำให้ผู้อื่นต้องคุกเข่าทั้งขามาขาไปด้วย

ตี้ฝูอีกวาดตามองภายในโรงอาหารแวบหนึ่ง หยุดอยู่ที่โต๊ะนี้ของกู้ซีจิ่ว เอ่ยทักทายหลงซือเย่ด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักหลงก็อยู่ด้วยหรือนี่”

อันที่จริงหลงซือเย่ก็ปวดประสาทเช่นกัน เขารู้สึกว่าตี้ฝูอีผู้นี้ช่างเป็นวิญญาณร้ายที่ตามราวีโดยแท้!

ดังนั้นเขาจึงหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม[1] “นึกไม่ถึงว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็จะมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเหล่าศิษย์เช่นกัน”

ตี้ฝูอียกยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “เรื่องที่ท่านนึกไม่ถึงยังอีกมากนัก…”

ยามที่กู้ซีจิ่วเห็นเขาเข้ามา หัวใจยังคงบีบรัดอยู่เล็กน้อย กระอักกระอวนอย่างที่พบเห็นได้ยาก เพียงแต่เธอแสร้งำเป้นสงบนิ่งอยู่ตลอด ดังนั้นเธอจึงทำความเคารพและเอ่ยทักทายเขาอย่างสุขุม

ตี้ฝูอีก็พยักหน้าให้เธอนิดๆ แลไม่ได้มองเธอเพิ่มอีกสักแวบเลย ไม่แตกต่างกับที่ปฏิบัติต่อลูกศิษย์ทั่วไปเลย

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงนั่งลงด้วยตัวเองอย่างรู้ความ ปล่อยให้เขาทักทายกับหลงซือเย่อยู่ตรงนั้น เธอไม่สนใจอีก

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ตรงนี้เจ้าค่ะ ตรงนี้” เล่อจื่อซิงที่อยู่ไม่ไกลยืนขึ้นแล้วร้องทักทายตี้ฝูอี

ตี้ฝูอีหันเหฝีเท้าไป เดินไปที่โต๊ะนั้นของเล่อจื่อซิ่ง ดูเหมือนเล่อจื่อซิ่งได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว สั่งอาหารไว้โต๊ะใหญ่ พรั่งพร้อมด้วยอาหารเลิศรสหลากชนิด

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านพอใจอาหารพวกนี้ไหมเจ้าคะ?” เล่อจื่อซิ่งสีหน้าปรารถนาคำชมเชย

“ไม่เลว! ล้วนเป็นของโปรดข้า ลำบากเจ้าแล้ว นั่งลงแล้วกินด้วยกันเถิด” ตี้ฝูอีหยิบตะเกียบงาช้างส่วนตัวออกมา เริ่มทานอาหารร่วมกับเล่อจื่อซิ่ง

กู้ซีจิ่วก็นั่งลงหน้าโต๊ะของตัวเอง จู่ๆ เธอก็รู้สึกค่อนข้างหมดความอยากในอาหารที่เรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ

หลงซืเย่กลับกินอย่างมีความสุขยิ่งนัก เอ่ยชมเชยความเอาใจใส่ของกู้ซีจิ่วเป็นระยะ อาหารทั้งหมดล้วนถูกปากเขา

กู้ซีจิ่วก็เออออห่อหมกไปด้วย ทันใดนั้นหลงซือเย่กถามออกมาประโยคหนึ่ง “ใช่แล้ว ซีจิ่ว ทำไมเธอไม่สั่งเนื้อผัดสับปะรดมาด้วยล่ะ? ฉันจำได้ว่าเธอชอบกินอันนั้นนี่”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “คุณแพ้สับปะรดไม่ใช่เหรอ? ถ้ากับข้าวบนโต๊ะมีรสนี้ด้วยร่างกายก็จะเกิดผื่นแดง…”

————————————————————————————-

[1]  หนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม หมายถึง เสแสร้งแกล้งยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มองออกว่าไม่จริงใจและไม่ปรารถนาดี