บทที่ 214

มีแม่ทัพกว่า 50 นายปรากฏตัวและเข้าโจมตีจุดอ่อนของกองทัพเฟิง ก่อนที่พวกเขาพากันกระโดดขึ้นไปบนกำแพงราวกับหมาป่า

เมื่อมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ถังหยินก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้อีก ชายหนุ่มรีบเข้าไปเผชิญหน้าพร้อมกับเคียวในมือ ทำให้เขาถูกพวกแม่ทัพหนิงทั้ง 50 นายเข้าล้อมเอาไว้หมด ซึ่งเมื่อสังเกตดี ๆ ถังหยินก็พบว่าคนพวกนี้นั้นสวมใส่เครื่องแบบและถืออาวุธปราณแบบเดียวกันหมด

ต้องอย่าลืมว่าชายหนุ่มนั้นมีความทรงจำของพวกหนิงอยู่ ดังนั้นทันทีที่เขาเห็นชุด ถังหยินก็รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้มาจากสถาบันฝึกยุทธ์ !

ถึงแม้คนพวกนี้จะเป็นมือใหม่ในสนามรบ หากแต่ถังหยินก็ไม่คิดจะออมมือแต่อย่างใด เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะฟาดฟันคนพวกนั้นจนขาดเป็นสองท่อน

พวกแม่ทัพหนิงที่เหลือรอดต่างก็หวาดกลัวที่เห็นสหายของตนกลายเป็นสองส่วน พวกเขาพากันกรีดร้องและหนีกระเจิงไป

เคร้ง !

เสียงอาวุธกระทบกับเกราะปราณของเด็กสองคนที่โดนไล่ล่า ก่อนที่เกราะของพวกเขาจะโดนหลอมละลายด้วยไฟสีดำ ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น หากแต่ร่างกายของพวกเขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลยจนมีเวลามากที่จะหันกลับมามองชายหนุ่ม

“เพลิงสีดำ ?”

“เขาเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด !”

ทั้งสองคนตะโกนพร้อมกัน ต่อให้พวกเขาไม่เคยออกรบก็จริง หากแต่ก็เคยศึกษาประวัติศาสตร์ของโลกนี้มาเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงมั่นใจมากว่าชายตรงหน้าเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด “เป็นมัน ! ถังหยินอยู่ที่นี่ !”

สหายที่เหลือของเขาซึ่งกำลังไล่พวกทหารเลวอยู่ก็หันหน้ามาเมื่อได้ยินคำนั้น พวกเขาพากันพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด ด้วยถ้าหากพวกเขาจัดการถังหยินได้ รางวัลใหญ่ก็จะต้องตกเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอน !

เป้าหมายหลัก ๆ ของพวกเขาคือต้องการมีหน้าตาที่เด่นดังในสังคม ดังนั้นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือถังหยิน พวกเขาก็เข้าล้อมถังหยินเอาไว้ด้วยความตื่นเต้นในทันที

ถังหยินที่เห็นเช่นนั้นก็แอบเหยียดหยามคนพวกนี้ในใจ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กที่ศึกษาความรู้เอาจากตำราอย่างเดียวและไม่เคยผ่านการรบบจริงจังมาก่อน เพราะฉะนั้นแม่ทัพไก่อ่อนพวกนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากอาหารที่มาเสนอเข้าปากเลยทีเดียว และในระหว่างที่คิดนั่นเอง ชายหนุ่มก็ได้ปล่อยหมอกสีดำออกมา ทำให้ร่างกายของตนจางหายไป ก่อนที่จะมาปรากฏตัวอีกครั้งท่ามกลางพวกแม่ทัพมือใหม่

ก่อนที่พวกเขาจะทันตั้งตัว ถังหยินก็ใช้ไฟสีดำแทงทะลุหัวใจของเหยื่อที่อยู่ใกล้ก่อน ทำให้คนที่โดนตายทันทีโดยไม่ทันได้กรีดร้องออกมาด้วยถูกสูบพลังชีวิตเข้าไปจนหมด

ก่อนที่เขาจะกำมือ บีบหัวใจของเด็กบางคนที่อยู่ใกล้จนเลือดกระจายออกมาระหว่างนิ้ว

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้พวกศิษย์จากสถาบันฝึกยุทธ์หวาดผวาจนแทบทำอะไรไม่ถูก ด้วยพวกเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้จริง ๆ มาก่อน ดังนั้นการเผชิญหน้ากับคนที่โหดร้ายแบบถังหยินจึงกลายเป็นอะไรที่ชวนขวัญกระเจิงไม่น้อย

สหายที่ตายไปทำให้พวกเขาทั้งโกรธและเศร้าในเวลาเดียวกัน พากันกู่ร้องวิ่งเข้าหาถังหยินอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะกำหมัดแน่น ชกเข้าใส่ชายหนุ่ม

ผัวะ !

หมัดของเด็กหนุ่มประเคนเข้าใบหน้าของถังหยินได้สำเร็จก็จริง หากแต่จังหวะนั้นชายหนุ่มก็ได้เหวี่ยงเคียวในมือโต้กลับไป ทำให้พวกเขาสลายหายไป ในขณะที่บางคนก็โดนแรงเหวี่ยงจนกระเด็นลอยออกไป

เมื่อจัดการพวกตรงหน้าเสร็จ เขาก็หันไปบอกกับพวกแม่ทัพมือใหม่คนอื่น ๆ ที่คิดจะหนีว่า “จะหนีงั้นหรือ ? ไม่ง่ายแบบนั้นหรอก” ว่าแล้วชายหนุ่มก็พลันใช้วิชาสับเปลี่ยนเงาไปปรากฏใกล้กับคนที่กระเด็นมาในทันที

แม่ทัพไก่อ่อนผู้น่าสงสารไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องขอชีวิต ร่างของเขาถูกคมเคียวผ่าร่างออกเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา ทำให้เลือดและเครื่องในกระจายไปทั่วบริเวณ

ชายหนุ่มชะงักค้างอยู่ในท่านั้นชั่วขณะ ก่อนที่เขาหายตัวไปอีกครั้ง แล้วไปปรากฏตัวบนกำแพงในเวลาไม่ถึงเสี่ยวลมหายใจ

ซึ่งการที่ถังหยินจัดการแม่ทัพมือใหม่ไปได้สองคนอย่างรวดเร็วเช่นนี้ มันก็ทำให้พวกแม่ไก่อ่อนคนอื่น ๆ มองถังหยินอย่างหวาดกลัวยิ่ง จนพาลให้ความคิดต่อสู้ในหัวพวกเขาหายไปจนสิ้น

ชายหนุ่มยืนท่ามกลางผู้คนแล้วชูเคียวขึ้น “พวกเจ้าจะรออะไรล่ะ ? สหายของเจ้าตายไปแล้วไม่ใช่หรือ ไม่คิดจะล้างแค้นให้หน่อยเหรอไงกัน ?”

คำพูดเหยียดหยามนี้ทำให้พวกทหารไก่อ่อนเลือดขึ้นหน้า และด้วยความที่พวกเขาเป็นชนชั้นสูงที่ได้เข้าเรียนที่สถาบันฝึกยุทธ์ ดังนั้นมันจะมีหรือที่พวกเขาจะยอมได้ ? พวกเขามองหน้ากัน หยุดชะงักร่างในพลัน ก่อนจะหันหลังกลับมารวมพลังเข้าต่อสู้กับถังหยินในคราวเดียว

ถ้าหากเป็นสนามรบโล่ง ๆ ก็คงจะได้เปรียบสำหรับเขา แต่ในเมื่อแคบแบบนี้ มันทำให้แม่ทัพฝึกหันพวกนี้ไม่สามารถแสดงพลังได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนี่ก็ยังไม่รวมไปถึงพลังของพวกเขาที่ไม่อาจเทียบถังหยินได้เลยนั่นอีก

แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเดา ที่ชายหนุ่มสามารถหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะสวนกลับไปด้วยการโจมตีเบา ๆ ที่ทำให้แม่ทัพพวกนั้นบาดเจ็บหนัก

หลังผ่านไปสักระยะ ถังหยินก็เริ่มหมดความอดทน เขาสลายเคียวให้กลายเป็นดาบแล้วปลดปล่อยคลื่นปราณออกมา จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังหลบ ทำการเคลื่อนย้ายตัวเองเข้าไปใจกลางวงล้อมแล้วใช้ใบดาบฟาดกลับมา

แม่ทัพมือใหม่พวกนั้นไม่อาจหลบการโจมตีกระทันหันนี่ได้เลย ทำให้พวกเขาโดนทั้งสันและคมดาบไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งพวกที่โดนสันก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ผิดกับพวกที่โดนคมดาบที่ถูกไฟสีดำเผาทำลายจนหมดสิ้น ในขณะที่บางส่วนก็โดนถังหยินเตะกระเด็นออกไป

ในตอนนี้หยวนยู่ก็ได้เข้ามาช่วยร่วมรบด้วยแล้ว

และเมื่อเขามาถึง มันก็ทำให้พวกแม่ทัพอ่อนหัดทั้งหลายหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่กล้าใช้พลังยุทธ์ของตัวเองอีก

เมื่อมีแม่ทัพกลายเป็นสองคนแบบนี้ พวกแม่ทัพไก่อ่อนของหนิงก็ไม่อาจต้านทานได้อีก พวกเขาพากันล้มตายเพราะไฟหรือไม่ก็โดนทำร้ายจากหยวนยู่จนหมดท่าและรีบหนีลงมาจากกำแพงด้วยความผวา

ถังหยินและหยวนยู่ได้เข้าสังหารพวกแม่ทัพไก่อ่อนและเหยียบย่ำศพอยู่แบบนั้น ซึ่งมันก็ถือเป็นการหมิ่นเกียรติพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มีศิษย์บางคนหันกลับมาตอบโต้ ก่อนจะโดนดาบฟันเข้าใส่กลับไปตามระเบียบ

“เอ่อ… พวกเราหนีกันเถอะ !” หนึ่งในแม่ทัพมือใหม่พวกนั้นตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

เสียงนั่นมันดูคุ้นหูถังหยินมากทีเดียว ทำให้ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่อีกฝ่าย แล้วจึงหายตัวไปปรากฏที่ด้านหลังของชายที่พูดขึ้นคนนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกมือขึ้นแล้วทุบไปที่หลังหัวของเป้าหมายอย่างรวดเร็ว