บทที่ 212: กำลังใจอันแสนหวาน

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 212: กำลังใจอันแสนหวาน

เป็นอีกหนึ่งคืนอันเงียบสงบในเมืองโรซ่า สายลมอันสดชื่นพัดผ่านท้องถนนพร้อมกับความอบอุ่นอ่อนโยนของฤดูใบไม้ผลิ

ขณะพักผ่อนบนเก้าอี้ โรเอลมองผ่านราวบันไดของหอคอยลงไปยังสถานบันเทิงยามค่ำคืนอันพลุกพล่านที่อยู่ห่างไกลออกไป

“เมืองโรซ่านี่เจริญรุ่งเรืองจริง ๆ เลยนะ”

ในโลกเดิมของโรเอล แนวคิดเรื่อง ‘สถานบันเทิงยามค่ำคืน’ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ในทวีปเซีย แม้เครื่องมือส่องสว่างในยุคนี้จะไม่ได้มีราคาแพงเป็นพิเศษ แต่ต้นทุนนั้นก็ยังห่างไกลกับคำว่าคุ้มค่า ยิ่งไปกว่านั้นแสงไฟที่ได้ก็ไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ ทำให้ใช้งานได้ยาก ยิ่งเมืองใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้มีแสงสว่างในเวลากลางคืนยากขึ้นเท่านั้น

สถานที่อย่างเขตการปกครองแอสคาร์ด จึงมักจะจมดิ่งสู่ความมืดมิดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังพลบค่ำ ผู้คนต่างคุ้นเคยกับการตื่นเช้าและนอนตอนหัวค่ำ ตามนิสัยที่ปลูกฝังกันมาด้วยสภาพแวดล้อม

ทว่าสำหรับเมืองโรซ่าซึ่งเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เวลากลางคืนของที่นี่จึงแตกต่างจากที่อื่น ๆ ถนนตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยแร่พิเศษที่ตระกูลโซโรฟยาขุดมาจากเทือกเขาทางตอนใต้ พวกมันสว่างขึ้นเพียงแค่ใส่พลังเวทเข้าไปแทนที่แหล่งกำเนิดแสงแบบเดิม

ทันทีที่เข้าสู่ยามราตรี แสงไฟหลากสีจะสาดส่องไปทั่วเมืองโรซ่า เติมชีวิตชีวาให้กับท้องถนน ตลาดกลางคืนจะถูกเปิด และมีผู้คนคับคั่งอย่างรวดเร็ว มันทำให้โรเอลรู้สึกราวกับว่าตนได้กลับไปใช้ชีวิตในโลกอดีตชาติ

“ถึงที่นี่จะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง แต่มันก็มาพร้อมกับเสียงของผู้คนด้วยเช่นกัน ข้าชอบคืนอันสงบสุข ที่มีเพียงเสียงสวดมนต์ของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มากกว่า”

“ทุกคนต่างก็มีความชอบเป็นของตัวเอง ในฐานะที่ข้าเป็นศูนย์กลางของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ให้ความรู้สึกเรียบง่ายและเงียบสงบกว่ามาก”

“เจ้าชอบที่ไหนมากกว่ากันล่ะ?”

นอร่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร วางแก้วไวน์ลงพลางมองไปทางโรเอลอย่างตั้งใจ ทำให้เด็กชายรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นผิดจังหวะ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่านอร่าในวันนี้มีบางอย่างที่แตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาครุ่นคิดอย่างรอบคอบก่อนจะตอบ

“ฉันชอบทั้งสองที่นั่นแหละ ถ้าฉันเบื่อ ฉันคงจะแวะมาที่เมืองโรซ่าเพื่อแสวงหาความเพลิดเพลินดั่งนวนิยาย แต่เมื่อวันที่ฉันรู้สึกท้อแท้ ฉันคงจะไปนั่งอธิษฐานอยู่บนถนนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อันเงียบสงบ เพื่อทำให้ใจของฉันสงบลง แต่แน่นอนว่า ฉันชื่นชอบเขตการปกครองแอสคาร์ดมากที่สุด ยังไงซะมันก็เป็นบ้านเกิดของฉัน”

คงต้องขออภัยด้วย แต่ยังไงซะฐานของเราก็ดีที่สุด

เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของนอร่า โรเอลตอบคำถามนั้นด้วยตัวเลือกที่สาม น่าแปลกที่นอร่านั้นไม่ได้ตอบสนองอะไรต่อคำตอบของเขา แต่กลับหันหน้ามองออกไปด้านนอก เพื่อชมทิวทัศน์อันไกลโพ้นอย่างเงียบ ๆ การตอบสนองที่แปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้หน้าผากของโรเอลค่อย ๆ ปรากฏรอยย่น

“…”

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

โรเอลรู้สึกงุนงงมาก

หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ โรเอลมาที่บ้านพักตากอากาศของนอร่าในเมืองโรซ่า แม้ว่าอาการฟื้นคืนชีพของอันเดธจะเป็นสถานะที่ค่อนข้างหายาก แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะรักษา แม้ว่าทีมแพทย์ในโรซ่าจะมีความพร้อมครบครัน แต่ตอนนี้โรเอลกำลังเร่งรีบเพื่อพัฒนาระดับแก่นแท้ของเขา อีกทั้งเขาเองก็ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับนอร่ามาสักพักแล้ว เด็กชายจึงตัดสินใจไปเยี่ยมเธอ

สายเลือดแห่งทูตสวรรค์ของตระกูลเซไซต์ มีประโยชน์หลายอย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือการยับยั้งผลกระทบของอาการฟื้นคืนชีพของอันเดธ ด้วยความช่วยเหลือของนอร่า โรเอลใช้เวลาไม่นานในการฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ แต่ระหว่างการรักษา โรเอลสังเกตเห็นว่านอร่ากำลังอารมณ์ไม่ดี ราวกับว่าเธอกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง

คราแรกโรเอลคิดว่านอร่ารู้สึกแย่เพราะความผิดพลาดก่อนหน้านี้ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่จากที่ได้คุยกันแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะมีปัญหาอื่นอยู่ด้วย

“นอร่า เธอมีอะไรอยากจะพูดกับฉันไหม?”

หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว โรเอลก็ตัดสินใจถามเด็กสาวออกไปตรง ๆ ทำให้นอร่าหันศีรษะกลับมาทางเขา ปากของเธอเปิดปิดอย่างลังเลหลายครั้งก่อนที่จะถอนหายใจยาว ๆ

ตอนนี้นอร่า เซไซต์อารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด

คำถามของชาร์ล็อตที่กลางงานเลี้ยงเป็นหนามแทงหัวใจของเธอ ทำให้เด็กสาวรู้สึกหงุดหงิดจนอธิบายไม่ได้ทุก ๆ ครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากตำแหน่งของเธอในฐานะผู้สืบทอดบัลลังก์ของจักรวรรดิเซนต์เมซิท นอร่าจึงมีงานเต็มมืออยู่ตลอด จนแทบไม่มีเวลาให้โรเอลเลย ส่งผลให้เกิดเป็นความสัมพันธ์ทางไกลระหว่างพวกเขา

ตลอดมานอร่าคิดว่าจดหมายประจำสัปดาห์และการพูดคุยผ่าน ‘ภาพเสมือน’ สั้น ๆ เป็นครั้งคราวก็เพียงพอที่จะรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาเอาไว้ได้ แต่การปรากฏตัวของชาร์ล็อตได้ปลุกความรู้สึกกลัวในใจของเธอให้ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่

คล้ายกับที่อลิเซียกลายเป็นคนก้าวร้าวทันทีหลังจากการปรากฏตัวของชาร์ล็อต นอร่าเองก็ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการปรากฏตัวของเธอเช่นกัน เด็กสาวพบว่าตัวเองถูกกดดันด้วยความสงสัย และทันใดนั้นเธอก็กลัวที่จะสูญเสียโรเอลไป

“โรเอล ข้ามีคำถามที่อยากถามเจ้ามาตลอด… เจ้า… มีความสุขที่ได้อยู่กับข้ารึเปล่า?”

หลังจากการต่อสู้ภายในใจที่ยาวนาน ในที่สุดนอร่าก็รวบรวมความกล้าที่จะถามคำถามนี้ โรเอลเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจในทันที ก่อนที่ความสับสนจะไหลเข้าสู่ดวงตาของเขา

นอร่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่น่ายกย่องที่สุดในรุ่น ไม่ว่าจะในจักรวรรดิเซนต์เมซิท หรือโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง เธอก็มีอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ที่สามารถทำให้เกิดคลื่นระลอกสะเทือนไปทั่วทั้งทวีปเซียได้ แม้แต่บรูซ โซโรฟยา พ่อของชาร์ล็อตก็ยังต้องรักษาทัศนคติที่ดีและความเคารพต่อเธอ

เป็นไปได้ด้วยหรือที่ใครบนโลกนี้จะไม่มีความสุขกับการที่เด็กสาวผู้สูงส่งคนนี้สาบานจะปกป้องเขา?

“นอร่า​ เป็นอะไรไป? ทำไมเธอถึงถามคำถามแบบนี้กัน?

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าเป็นฝ่ายบังคับเจ้าอยู่เสมอ ให้ทำตามรสนิยมของข้า ข้าก็แค่กังวลว่าตัวตนนี้อาจจะทำให้เจ้าเหินห่างออกไป …”

“หา?”

โรเอลตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาใช้เวลาสักพัก ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ๆ แล้วตอบกลับ

“พูดออกมาซะทีสิ ว่าอะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น? เธอก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นคนยังไง? ถ้าฉันไม่ชอบเธอจริง ๆ เธอคงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ฉันเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ฉันเคยขอให้เธอเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหมล่ะ?”

เด็กชายลูบกลางหน้าผากของตนด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะสบตาเด็กสาวผมสีทองตรงหน้าและพูดต่อ

“นอร่า ฉันไม่คิดว่ามนุษย์ควรยับยั้งอีกฝ่ายเพื่อความสัมพันธ์หรอกนะ พวกเขาควรสนับสนุนซึ่งกันและกัน เธอไม่ควรจะมาตั้งคำถามกับตัวเอง เพียงเพราะความเห็นของคนอื่น”

“!”

คำพูดอันชัดเจนของโรเอลได้ทำลายความขัดแย้งภายในใจของนอร่า ปลุกเธอให้ตื่นจากภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สายตาที่มองมาอย่างตั้งใจของเด็กชายได้ชำระล้างความกังวลที่กดทับจิตใจของเธอให้ค่อย ๆ ละลายหายไป ทำให้ดวงตาไพลินที่ลังเลใจเปลี่ยนกลับเป็นประกายระยิบระยับตามปกติ

“… ที่เจ้าพูดมันก็ถูก ข้าทำตัวไม่สมกับเป็นข้าเลยจริง ๆ”

เด็กสาวผมทองถอนหายใจเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มที่กลับมายังใบหน้า เมื่อนอร่าเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง​ ความมั่นใจของเธอก็กลับมาดังเดิมแล้ว

“ในฐานะผู้พิทักษ์ของเจ้า ข้าไม่ควรจะมานั่งกังวลแบบนี้ นอกจากนี้… ข้าเองก็รู้ดีอยู่แล้วด้วย ว่าข้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของข้าได้”

ดังที่เสือดาวไม่สามารถลบจุดของมันได้ นอร่าเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ สัญชาตญาณเหล่านั้นถูกปลูกฝังในตัวเธอตั้งแต่แรกเกิด ต่อให้เด็กสาวจะพยายามระงับมันไว้ เพื่อผลประโยชน์ของโรเอล แต่ในท้ายที่สุดสักวันหนึ่งเธอก็ต้องหมดความอดทนและไม่สามารถห้ามปรามตัวเองได้อีกต่อไป นอกจากนี้เธอยังรู้ดีว่าอีกฝ่ายเองก็คงไม่ต้องการให้เธอทำเช่นนั้น เพราะเขารู้ดีว่านอร่าเป็นอย่างไรและยอมรับเธออย่างที่เป็น

นอร่าเป็นคนที่กำลังจะสืบทอดศักดิ์ศรีและเกียรติยศของจักรวรรดิเซนต์เมซิท เป็นบุคคลที่สูงส่ง มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เด็กสาวจะเข้ารับตำแหน่งจักรพรรดินี และกลายเป็นหนึ่งในผู้นำของมนุษยชาติ เธอไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย และก็ไม่ควรจะมีใครมาเปลี่ยนแปลงเธอได้เช่นกัน

“เธอคือนอร่า เซไซต์ ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถควบคุมเธอได้ ทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีตราบใดที่เธอซื่อสัตย์ต่อตัวเอง”

โรเอลจ้องมองไปยังเทือกเขาที่อยู่ห่างไกลพร้อมพูดให้กำลังใจ คำพูดนี้ทำให้นอร่ารู้สึกซาบซึ้งใจ ดวงตาของเด็กสาวเปล่งประกายเล็กน้อย ก่อนที่สัญชาตญาณของเธอจะเริ่มตื่นขึ้นอีกครั้ง

“เข้าใจแล้ว เพื่อยืนยันคำพูดของเจ้า เจ้าช่วยให้กำลังใจข้าหน่อยได้ไหม?”

เมื่อสังเกตเห็นร่างกายที่กำลังสั่นเทาของนอร่า โรเอลก็ผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

แท้จริงแล้วคำพูดนั้นไม่จำเป็นด้วยซ้ำ โรเอลควรจะสนับสนุนนอร่าในยามที่เธอต้องการมันจริง ๆ เช่นนี้ … ปัญหาก็คือ ‘การให้กำลังใจ’ ของเธอหมายถึงอะไรกัน?

โรเอลยังคงสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องทำอะไรในเวลานี้ ทันใดนั้นเขาก็เห็นนอร่าเริ่มทำความสะอาดมือของตนเองด้วยคาถาชำระล้าง

???

เดี๋ยวก่อน ทำไมฉากนี้ดูคุ้น ๆ แปลก ๆ นะ?

จู่ ๆ โรเอลก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กสาวกำลังจะทำอะไร ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความประหลาดใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดหยุดนอร่า อีกฝ่ายก็เอานิ้วจุ่มลงขวดบนโต๊ะเพื่อตักแยมผลไม้ขึ้นมา

นอร่าลุกขึ้นยืนด้วยตัณหาที่เข้าบดบังตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์ เด็กสาวค่อย ๆ เลียแยมบนนิ้ว ก่อนที่จะส่งให้โรเอลที่กำลังตกตะลึง

“มาเลียมันไปสิ ไม่ต้องกังวลน่า มันหวานมาก”

นอร่าชักชวนอย่างอ่อนโยนด้วยใบหน้าอันแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ดวงตาอันน่าดึงดูดใจของเธอ ท่าทางอันเย้ายวน และรูปลักษณ์ที่สวยงามราวกับทูตสวรรค์ สร้างเสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทานขึ้น ดึงดูดผู้อื่นเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หัวของโรเอลร้อนขึ้น เขาพยายามจะปฏิเสธเธอ แต่เมื่อนึกถึงความหดหู่ใจของเด็กสาวก่อนหน้านี้ เด็กชายก็ลังเลใจว่าควรจะทำตามใจเธอไปดีไหม

หลังจากนั้นไม่นาน ภายใต้ดวงตาสีไพลินที่จับจ้องมา โรเอลก็ตัดสินใจที่จะทำตามสัญญา

“ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ”

โรเอลพึมพำ ก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ ซึ่งนอร่าก็พยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นโรเอลก็โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อดูดนิ้วของเธอ แค่คิดว่านอร่าเลียแยมนี่มาก่อน ก็ทำให้ใบหน้าของเขาแดงเป็นมะเขือเทศแล้ว

ทางด้านนอร่า​ เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวจากลิ้นของโรเอล ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว รูม่านตาของเธอค่อย ๆ ขยายออกด้วยความตื่นเต้น

“!”

เมื่อได้เห็นชายที่ตนรักกำลังเลียนิ้วของเธออยู่ ลมหายใจของนอร่าก็หนักหน่วงขึ้น หลังจากสิบวินาทีแห่งความสุข ในที่สุดโรเอลก็เงยหน้าขึ้น ถอยกลับไปด้วยใบหน้าที่ดูซับซ้อน

“… แค่นี้เธอก็น่าจะพอใจแล้วใช่ไหม?”

“อืม แค่นี้ก็พอแล้ว”

นอร่าตอบพร้อมพยักหน้า

“ตอนนี้ถึงเวลาสำหรับรางวัลแล้ว”

“หา? รางวัลเหรอ?”

โรเอลกะพริบตาด้วยความสับสน วินาทีถัดมานอร่าก็โน้มตัวไปข้างหน้าและจูบริมฝีปากของเขาไว้ ส่งแยมหยดสุดท้ายที่ติดอยู่ในปากของเธอให้กับเด็กชาย

ข้าคิดว่าข้าควรจะพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้

นอร่าคิดขณะกำลังเพลิดเพลินไปกับของหวาน