ตอนที่ 233 อาวุธปู้หุ่ย!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

เสียง ‘ปัง!’ ดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง!

ที่แท้งูเหลือมยักษ์ก็พุ่งเข้ามาอีกรอบ หลิงหลานบังคับหุ่นรบให้กระโดดขึ้น ขาหลังเตะไปทางด้านหน้าฉับพลัน งูเหลือมถูกขาหลังของหุ่นรบเตะกลับไปด้วยพละกำลังป่าเถื่อนอีกครั้ง ทั้งสองเข้าปะทะกันก่อนจะแยกกันร่วงลงไปคนละจุดทันทีแล้วก็คุมเชิงกันอีกครั้ง

“คำเตือน ขาหลังของหุ่นรบถูกใช้งานเกินพิกัด เสียหาย 7% โปรดใช้งานอย่างระมัดระวัง ทะนุถนอมหุ่นรบด้วย!” ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของหุ่นรบรีบส่งคำเตือนออกมาทันทีภายในห้องคนขับ ประท้วงพฤติกรรมอันป่าเถื่อนของผู้ควบคุม

ถึงแม้ว่าลูกเตะเมื่อสักครู่นี้จะเตะงูเหลือมยักษ์ออกไป แต่เนื่องจากงูเหลือมยักษ์มีขนาดใหญ่และหนักมากเกินไปจริงๆ ทำให้หุ่นรบแบกรับพลังที่เกินกว่าอัตราต้านการสั่นสะเทือนสูงสุดของมัน ทำให้หุ่นรบเกิดความเสียหายในระดับหนึ่ง

“ชิ แบบนี้ก็ไม่ได้เหรอ?” เดิมทีหลิงหลานคิดจะใช้การโจมตีของตัวหุ่นรบมาชดเชยการขาดแคลนอาวุธ ดูท่าตอนนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเสียแล้ว เธอทุบคันบังคับด้วยความหงุดหงิด กล่าวว่า “หุ่นรบฝึกหัดตัวนี้แม่งเปราะบางเกินไปแล้วจริงๆ”

เสี่ยวซื่อที่อยู่ในห้วงจิตใจอดปาดเหงื่อไม่ได้ รูปแบบการต่อสู้หุ่นรบของหลิงหลานแสดงสัญญาณป่าเถื่อนชัดเจนมาตั้งแต่ตอนที่เธอเริ่มต้นเรียนแล้ว เขายังจำได้ว่าเธอทำให้หุ่นรบบอบช้ำเนื่องจากใช้งานหุ่นรบเกินพิกัด สุดท้ายจำเป็นต้องจ่ายคะแนนเกียรติยศจำนวนมากเพื่อไปซ่อมแซมหุ่นรบถึงสามารถรักษาหุ่นรบไม่ให้พังจนหมดได้ ดังนั้นต่อให้หุ่นรบแข็งแรงทนทานอีกสักแค่ไหน แต่เมื่อมันตกอยู่ในมือหลิงหลานแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย เพราะว่าหลิงหลานจะใช้กำลังรบสูงสุดของหุ่นรบออกมาตลอดกาล ถึงขนาดที่ใช้งานเกินกว่ากำลังรบของมันด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าหุ่นรบไม่พังสิถึงค่อยเรียกว่าแปลก

…………..

จีอู๋ปู้ซิวเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก ฝืนข่มกลั้นกลิ่นคาวเลือดที่ยังคงปั่นป่วนอยู่ตรงหน้าอก เขาบังคับหุ่นรบให้คลานขึ้นมาจากพื้น ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักในห้องคนขับแจ้งคำเตือนจุดที่หุ่นรบถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนเกิดความเสียหายออกมาไม่หยุด เขาใช้ชุดเครื่องมือซ่อมแซมระดับต่ำ ซ่อมแซมหุ่นรบให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยไม่ตระหนี่เลยสักนิดเดียว

แน่นอนว่าตอนที่เขาทำเรื่องพวกนี้ สายตาของเขาไม่ได้แยกจากสนามรบที่อยู่ห่างออกไปสามสิบเมตรเลย เมื่อเขาเห็นหุ่นรบกระต่ายเหลืออาวุธแค่มีดสั้นหนึ่งเล่ม ในใจก็อดรู้สึกร้อนรนขึ้นมาไม่ได้ เนื่องจากเขารู้ดีว่า ถ้าหากหุ่นรบกระต่ายกำจัดงูเหลือมยักษ์ที่ทำให้คนหวาดกลัวตัวนี้ไม่ได้ละก็ พวกเขาสองคนต้องตายตรงนี้แน่ๆ

“ไม่ได้การ ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาผู้ควบคุมหุ่นรบที่แข็งแกร่งขนาดนี้พาเราไปเมืองซิ่นหยาง ฉันจะล้มเลิกกลางคัน ตายอยู่ตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” จีอู๋ปู้ซิวย่อมไม่ยอมแพ้ตรงนี้แน่นอน เขาเปิดกระเป๋าแล้วค้นในกระเป๋าอย่างสุดชีวิตว่ายังมีอาวุธเย็นที่หุ่นรบกระต่ายสามารถใช้ได้หรือเปล่า ตอนนี้เขาดีใจนิดหน่อยที่ตัวเองอยู่ในป่า ไม่ได้อยู่ในสนามประลอง ควรรู้ไว้ว่าในสนามประลองไม่อนุญาตให้เปลี่ยนอาวุธและอุปกรณ์ชั่วคราว

เมื่อเขาเห็นอาวุธสีดำสนิทเล่มหนึ่งก็อดนิ่งอึ้งไปไม่ได้ “ต้องใช้เล่มนี้เหรอ?”

จีอู๋ปู้ซิวมองอาวุธเย็นที่เขาดัดแปลงออกมาตอนที่อยู่ในหมู่บ้านซานหยาง รูปร่างของมันเหมือนดาบสมัยราชวงศ์ถังยุคโบราณ แต่ว่าส่วนปลายดาบไม่ได้ตัดเอียงอย่างประณีตเหมือนดาบสมัยราชวงศ์ถัง หากแต่เว้าลงไปชัดเจนอย่างยิ่ง การเว้าลงไปนี้ลึกจากปลายดาบและค่อยๆ บางลง แผ่ออกไปจนทั่วทั้งผิวดาบ

ดาบเป็นสีดำขลับทั้งเล่ม ไม่ได้ดึงดูดสายตาผู้คนเหมือนอาวุธเย็นอื่นๆ ที่สว่างไสว ทว่าไอชั่วร้ายที่มันปล่อยออกมาเงียบๆ นั้นกลับทำให้คนรู้ว่าดาบเล่มนี้ไม่ใช่ดาบธรรมดา แน่นอนว่าก็หยุดอยู่แค่ตรงนี้เท่านั้น นอกจากคนที่สร้างมันแล้ว คนที่รู้ความน่ากลัวที่แท้จริงของดาบเล่มนี้ก็มีแค่คนที่ใช้มันเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้

นี่คืออาวุธสังหารที่จีอู๋ปู้ซิวทำขึ้นมาโดยใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดที่เขารวบรวมได้ในหมู่บ้านซานหยาง ตอนที่เขาสร้างสำเร็จก็ทำให้เขาเลื่อนขั้นข้ามมาสองระดับจากช่างพัฒนาหุ่นรบฝึกหัดมาเป็นช่างพัฒนาหุ่นรบระดับสูง ตอนนั้นเขายังอายุน้อยประมาทเลินเล่อ ลำพองใจจนลืมไปว่าต้องซ่อนความสามารถไว้ถ้าหากยังไม่แข็งแกร่งมากพอ เขาเปิดเผยชื่อนามสกุลตัวเองด้วยความโอ้อวด ทำให้ราชันสายฟ้ารู้ข้อมูลเบื้องลึกของเขา สุดท้ายราชันสายฟ้าก็ใช้อิทธิพลของมันบังคับเขาให้เข้าร่วมองค์กรของมันไม่ว่าจะเป็นในโลกความเป็นจริงหรือว่าในโลกหุ่นรบ

และผลลัพธ์จากการที่เขาไม่ยอมศิโรราบก็คือนับตั้งแต่นั้นมา เขาถูกอีกฝ่ายจำกัดการควบคุมให้อยู่ในหมู่บ้านซานหยาง ขยับเขยื้อนไม่ได้ ถ้าหากปีนี้เขาไม่สามารถผ่านการประเมินละก็ เขาจะโดนไล่ออกจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอย่างไร้ความเมตตา ราชันสายฟ้าก็คือคนที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ คนที่ไม่ยอมศิโรราบต่อเขาจะต้องถูกเขาทำลายอนาคตที่สดใส

จีอู๋ปู้ซิวไม่เคยคิดอยากขายอาวุธเย็นชิ้นนี้มาก่อนเลย ถึงแม้ว่ามีผู้แข็งแกร่งบางคนเคยเสนอราคาสูงมากเพราะสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับข้อมูลของอาวุธชิ้นนี้ เขาเองก็รู้ว่าถ้าหากขายดาบเล่มนี้ บางทีอาจจะทำให้เขามีความหวังออกไปจากหมู่บ้านซานหยางได้ แต่ถ้าหากยังไม่เผชิญหน้ากับสถานการณ์อับจน เขาก็ยังตัดสินใจเก็บมันไว้ที่ตัว ไม่ใช่เพราะว่านี่เป็นเกียรติยศของเขา แต่เป็นการทำเพื่อเตือนตัวเองถึงความโง่เขลา ความหลงระเริง ความอ่อนแอ ความอับอาย รวมถึงการไม่ยอมศิโรราบของเขาในตอนนั้น

“ฉันตั้งชื่อมันว่า ‘ปู้หุ่ย’ (ไม่นึกเสียใจ) เพื่อเตือนตัวเองว่าไม่มีทางนึกเสียใจต่อการเลือกของฉันในตอนนั้น ในขณะเดียวกันก็หวังว่าอาวุธชิ้นนี้จะแสดงความยอดเยี่ยมออกมาได้จนหมดในมือของผู้ควบคุมหุ่นรบที่ทำให้มันไม่นึกเสียใจเช่นเดียวกัน บางทีเจ้านายของมันอาจจะปรากฏตัวออกมาแล้วก็ได้!” จีอู๋ปู้ซิวมองร่างหุ่นรบกระต่ายที่ปราดเปรียวทรงพลังตรงหน้าก่อนจะกัดฟันหยิบดาบปู้หุ่ยที่มีความหมายต่อเขาอย่างลึกซึ้งออกมาอย่างเด็ดขาด

เมื่อร่างของปู้หุ่ยปรากฏตัวขึ้นในป่าทึบ อุณหภูมิของป่าทึบที่เดิมทีมืดครึ้มน่ากลัวมากพลันดิ่งลงมาเล็กน้อยอีกครั้ง ทำให้จีอู๋ปู้ซิวอดหนาวสั่นไม่ได้

จีอู๋ปู้ซิวลูบผิวดาบของปู้หุ่ยด้วยความอาลัยอาวรณ์ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แววตาก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ เขารู้ดีว่าถ้าหากหลิงเทียนอีเซี่ยนรักษาคำมั่นสัญญา พาเขาไปเมืองซิ่นหยางจริงๆ ละก็ เขาจะต้องล่วงเกินราชันสายฟ้าแน่นอน ถึงแม้ว่าหลิงเทียนอีเซี่ยนยังทำภารกิจไม่สำเร็จ แต่จีอู๋ปู้ซิวกลับมีความเชื่อมั่นอย่างที่หาอธิบายไม่ได้ การคบหาสมาคมกันในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้เขารู้ดีว่าถึงแม้อีกฝ่ายจะเย็นชาเผด็จการ แต่เขาเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่งแน่นอน

ดังนั้น เขาเชื่อว่านับจากนี้ไปปู้หุ่ยของเขาไม่มีทางจับฝุ่นเด็ดขาด ปู้หุ่ยจะต้องแสดงรัศมีแสงพราวพร่างของมันออกมาภายใต้การควบคุมอันสูงส่งของหลิงเทียนอีเซี่ยนแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเขาหวังว่า ถ้าวันหนึ่งหลิงเทียนอีเซี่ยนได้ต่อสู้กับราชันสายฟ้าขึ้นมา แล้วอาวุธที่เขาถือก็คือปู้หุ่ยเล่มนี้…

ดวงตาทั้งสองข้างของจีอู๋ปู้ซิวส่องประกายวาววับขึ้นมา เขาพลันตะโกนเสียงดังลั่นว่า “หลิงเทียนอีเซี่ยน รับดาบ!”

จีอู๋ปู้ซิวบังคับหุ่นรบให้ทุ่มแรงโยนปู้หุ่ยที่อยู่ในมือออกไป หลิงหลานเห็นแสงสีดำสายหนึ่งบินมา เธอบังคับมือขวาของหุ่นรบกระต่ายออกแรงคว้ามันไว้อย่างเยือกเย็นก่อนจะรู้สึกว่าอาวุธในมือหนักมาก ทำให้เธอที่ไม่ได้เตรียมพร้อมเกือบจะยืนไม่มั่นคง อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการรับมือสถานการณ์ของหลิงหลานนั้นเก่งกาจสุดยอด พริบตาเดียว เครื่องยนต์ด้านขวาทำงานขึ้นฉับพลัน ใช้แรงผลักมหาศาลทำให้ตัวหุ่นรบที่เอียงกระเท่เร่มั่นคงขึ้นมา

“นี่มันอาวุธอะไรเนี่ย หนักขนาดนี้เชียว?” หลิงหลานเหลือบมองอาวุธเย็นที่เหมือนดาบแต่ก็ไม่เหมือนดาบ เหมือนกระบี่แต่ก็ไม่เหมือนกระบี่ในมือกระต่ายด้วยความใคร่รู้ ทว่าจากน้ำหนักของมันที่ทำให้หุ่นรบแบกรับไม่ไหวนี้ เธอก็รู้ว่าอาวุธชิ้นนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงไม่ให้หลิงหลานครุ่นคิดให้ละเอียด การโจมตีของงูเหลือมยักษ์มาถึงอีกครั้ง พละกำลังขาหน้าของหุ่นรบกระต่ายไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก หลิงหลานกลัวว่าอาศัยแค่ร่างกายเพียงอย่างเดียวจะบังคับอาวุธที่หนักชัดเจนอย่างหาใดเปรียบเล่มนี้ไม่ไหว เธอตัดสินใจบังคับสองมือของหุ่นรบกุมดาบไว้โดยไม่ลังเล หลังจากนั้นก็วาดดาบไปยังเส้นทางการโจมตีของงูเหลือมอย่างดุดัน

เสียง ‘ปัง’ ดังสนั่น! ตัวดาบกับเขี้ยวแหลมคมที่กัดลงมาอย่างโหดเหี้ยมของงูเหลือมยักษ์ปะทะใส่กันอย่างดุเดือด!

เอี๊ยด! เขี้ยวอันแข็งแกร่งเสียดสีกับตัวดาบอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงแหลมแสบแก้วหู

เสียง ‘กรอบ!’ ดังกังวาน เขี้ยวซี่หนึ่งแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วกระเด็นออกไปฝังเข้าที่ลำต้นของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล

ตัวดาบของดาบเล่มนี้ดูเหมือนแคบสุดขีด แต่ระดับความทนทานกลับเหนือกว่าเขี้ยวอันคมกริบของงูเหลือมกลายพันธุ์ ในเวลาเดียวกันก็ยืนยันแล้วว่าความคมของตัวดาบไปถึงระดับที่น่ากลัวแล้ว

“ไสหัวกลับไปซะ!” หลิงหลานตวาดอย่างรุนแรง เครื่องยนต์ของหุ่นรบรวมถึงแรงขับเคลื่อนเสริมถูกเปิดใช้งานเต็มกำลัง ขาหลังอันแข็งแกร่งสองข้างถีบตัวขึ้นมาฉับพลัน จากนั้นพละกำลังที่มาจากการถีบไปข้างหลังนี้ได้เพิ่มพลังให้กับสองมือของหุ่นรบที่กุมดาบไว้ก่อนที่เธอจะกวาดงูเหลือมยักษ์กลับไป

โครม! งูเหลือมกระแทกลงกับพื้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน มันบิดตัวด้วยความทรมาน แหงนหน้ามองฟ้าแผดเสียงคำรามขึ้นมา

ที่แท้การโจมตีเมื่อสักครู่นี้ไม่เพียงเตะเขี้ยวอันแหลมคมของงูเหลือมหักไปซี่หนึ่ง มันยังทิ้งรอยแผลไว้บนหน้าของงูเหลือมด้วย เวลานี้เลือดสดๆ กำลังไหลพราก

“เชรด ดาบเล่มนี้คมมากเลย!” เสี่ยวซื่อที่อยู่ในห้วงจิตใจของหลิงหลานร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ ส่วนใหญ่แล้วอาวุธเย็นของหุ่นรบจะทิ้งความคมเพื่อรักษาพลังและความทนทานของมันไว้ มีอาวุธเย็นมากมายสร้างเป็นอาวุธรูปทรงกระบองแหลมหรือว่าเป็นดาบที่มีความหนาสูงมากๆ เอกลักษณ์ของพวกมันต่างเป็นความหนาทนทานมากกว่าความแหลมคม

“ไม่เพียงแหลมคม ระดับความแข็งแกร่งทนทานก็ดีเยี่ยมเป็นพิเศษ ตัวดาบแคบขนาดนั้นแต่มีระดับความแข็งแกร่งทนทานเท่ากับดาบกว้าง ไม่สิ บางทีอาจจะยอดเยี่ยมกว่านิดหน่อยด้วย” เมื่อเทียบกับความคมแล้ว หลิงหลานให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งทนทานมากกว่า นี่เกี่ยวพันถึงอายุการใช้งานของอาวุธ ต่อให้ดาบคมอีกสักแค่ไหน ถ้าหากระดับความแข็งแกร่งทนทานไม่พอ ใช้ไม่กี่ทีก็หักแล้ว ไม่มีประสิทธิภาพอะไรเลย

“โลกหุ่นรบนี้น่าสนใจมากเลย ไม่นึกเลยว่าจะมีอาวุธแบบนี้ด้วย…” เสี่ยวซื่อรู้สึกว่าโลกหุ่นรบนี้ไม่เหมือนกับโลกความจริงทั้งหมด นี่ทำให้เขาเกิดความสนใจ อยากหาความลับของโลกหุ่นรบออกมา

“มีอาวุธเหมาะมือนี้แล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีก” หลิงหลานรู้สึกว่าเธอสามารถบุกโจมตีอย่างเต็มที่ได้แล้วในที่สุด เธอควงดาบทีหนึ่งก่อนจะพุ่งไปหางูเหลือมยักษ์โดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว

“เชี่ย ทำไมไม่ทำความคุ้นเคยอาวุธก่อนสักหน่อยล่ะ จู่โจมตรงๆ เลยเนี่ยนะ? เขายังอยากมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?” จีอู๋ปู้ซิวเครียดมาก ผู้ควบคุมหุ่นรบจำเป็นต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจและคุ้นเคยอาวุธหุ่นรบก่อนถึงจะสามารถสร้างพลังรบมหาศาลขึ้นมาได้ ตรงกันข้ามถ้าหากถืออาวุธที่ไม่คุ้นเคยจะเกิดผลตรงข้าม ทำให้กำลังรบลดฮวบลงเนื่องจากการควบคุมผิดพลาด นี่ก็คือเหตุผลที่จีอู๋ปู้ซิวเป็นห่วงหลิงหลาน

งูเหลือมยักษ์เห็นศัตรูที่เดิมทีป้องกันมาตลอดจู่ๆ ก็ทำการโจมตีก่อน มันรู้สึกว่าตัวเองโดนล่วงเกินจึงโมโหอย่างยิ่งขึ้นมาทันใด มันไม่สนใจความเจ็บปวดบนใบหน้าและพุ่งเข้าไปอีกครั้ง เตรียมตัวสั่งสอนคนที่น่ารังเกียจตรงหน้านี้อย่างลึกซึ้ง ทำให้เขารู้ว่าเกียรติของราชาไม่อนุญาตให้โดนล่วงเกินได้

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอีกครั้ง คราวนี้หลิงหลานไม่มีความพะว้าพะวงอีกต่อไปแล้ว เธอใช้ความสามารถทั้งหมดของหุ่นรบกระต่ายทันที นี่ทำให้เสี่ยวซื่อเจ็บปวดใจไม่หยุด และก็ทำให้ภายในห้องคนขับเต็มไปด้วยคำเตือนแสบแก้วหูที่ส่งมาจากออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของหุ่นรบ “คำเตือน กำลังเคลื่อนยนต์เกิน 120% หุ่นรบทำงานเกินพิกัด หุ่นรบเกิดความเสียหาย 5% 7% 10%…”