ตอนที่ 236 ไม่ได้จริงจังเลยสักนิด

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 236 ไม่ได้จริงจังเลยสักนิด

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อคู่รักมือใหม่มาใช้ชีวิตร่วมกัน โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีเงินอะไรมากมาย ซึ่งในหมู่บ้านมีคู่รักเช่นนี้ไม่น้อยเลย

ถ้าเป็นปกติแล้วซูตานหงก็คงไม่ได้มานั่งสนใจ แต่นี่เป็นคู่รักที่เธอเป็นแม่สื่อเองกับมือ เธอจึงต้องทำหน้าที่จับคู่ให้คู่รักใหม่อีกหลายคู่

ส่วนที่ว่าทั้งสองคนจะพอใจกันไหมนั้น ไม่ได้อยู่ในส่วนที่ซูตานหงจะเข้าไปรับผิดชอบได้

อันดับแรกคือจี้อวี้หลานที่ดูดีทั้งหน้าตาและนิสัย ที่อย่างน้อยเธอก็รู้สึกว่าน่าจะราบรื่นดี เพราะจี้อวี้หลานมีจุดยืนชัดเจน หล่อนแสดงออกแล้วว่าเมื่อแต่งงานไปแล้วจะกลับบ้านน้อยลง แสดงให้เห็นว่าหล่อนระลึกถึงความหมายของเงินค่าสินสอด 300 หยวนไว้เป็นอย่างดี

สำหรับสวี่เหอซานแล้วซูตานหงไม่ได้กังวลเลยสักนิด ถึงเด็กหนุ่มจะดูผอมไปสักหน่อย แต่ก็ตัวสูงไม่ใช่เล่น น่าจะราว ๆ 180 เซนติเมตรได้ เธอเคยเห็นตัวจริงของเขาแล้ว นับว่าดูดีใช้ได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือเขามีรายได้ที่มั่นคง

มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดของการนัดดูตัว

วันต่อมาจี้เจี้ยนอวิ๋นเรียกสวี่เหอซานออกมา เขามีท่าทางที่เขินอายอยู่พอสมควร ตะโกนเรียกซูตานหง แล้วก็เดินไปตัดฟืนที่หลังบ้าน

ผ่านไปสักพัก จี้อวี้หลานก็มาที่บ้านคุณป้าหยาง จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพาสวี่เหอซานออกไป

หลังไปไม่นานพวกเขาก็กลับมา โดยที่สวี่เหอซานมีใบหน้าแดงก่ำ ซูตานหงมองแวบเดียวก็รู้ในทันที แถมจี้เจี้ยนอวิ๋นยังส่งสัญญาณให้เธออีก

ซูตานหงยิ้มแล้วเดินไปยังบ้านคุณป้าหยาง ก็พบว่าจี้อวี้หลานมีหน้าแดงไม่แพ้กัน

“อวี้หลาน เธอเห็นผู้ชายคนเมื่อกี้หรือยัง บอกกับฉันมาหน่อยสิว่าถูกใจไหม?” ซูตานหงถามไปอย่างยิ้ม ๆ

จี้อวี้หลานพยักหน้า หล่อนเห็นผู้ชายคนนั้นเต็มทั้งสองตา เขาเป็นคนผิวคล้ำ รูปร่างผอมสูง ส่วนแววตาก็ดูมีชีวิตชีวา

เวลานี้เองหล่อนก็รู้สึกกังวลใจ “พี่สะใภ้ ฉันไม่มั่นใจว่าเขาจะชอบฉันไหมน่ะค่ะ”

หล่อนไม่มีสินเดิมเป็นของตัวเอง แถมยังเรียกสินสอดแพงขนาดนั้น หน้าตาก็ไม่ได้สวยหมดจด มือเท้าก็หยาบกร้านอีกด้วย

“ถ้าเธอถูกใจมันก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะ” ซูตานหงให้ความมั่นใจกับหล่อนแล้วระบายยิ้มออกมา

จี้อวี้หลานตกตะลึง จากนั้นใบหน้าก็ค่อย ๆ แดงขึ้นก่อนจะคิดในใจ ขะ… เขาถูกใจฉันงั้นเหรอ?

“ถ้าเธอยอมรับได้ก็ไปที่หลังหมู่บ้าน เขารอเธออยู่ที่นั่น พวกเธอพูดคุยทำความรู้จักกันไปก่อน” ซูตานหงว่า

จี้อวี้หลานกัดริมฝีปากพร้อมทั้งพยักหน้า

สวี่เหอซานไปรอเธออยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ได้เจอกับหล่อน ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำคล้ายจะเป็นลม แต่ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายทั้งอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ จึงเกิดเป็นความรู้สึกประหม่าและเขินอาย “ถ้าคุณจะมาที่บ้านของผม พวกเราก็ต้องแยกออกมาใช้ชีวิตกันเองนะครับ พ่อกับแม่ของผมอายุเพิ่งจะ 50 กว่าเอง ยังทำงานด้วยตัวเองได้ อย่างน้อยในช่วงอายุ 50 ปีนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องดูแล และถึงแม้จะต้องเลี้ยงดูผมก็ยังมีพี่ชายอยู่อีกคน ไม่จำเป็นต้องเป็นผมคนเดียว”

จี้อวี้หลานเอาแต่ก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าแดงซ่านและไม่พูดไม่จา

สวี่เหอซานจึงพูดต่อ “ปีนี้เงินเดือนผม 30 หยวน จะมีเงินส่วนหนึ่งที่เก็บเอาไว้ซื้อจักรยาน ส่วนที่เหลือก็จะเป็นของครอบครัว ตอนนี้ผมเองก็ไม่มีเงิน แต่วางใจเถอะนะครับ ปีหน้าเจ้านายก็จะเพิ่มเงินเดือนให้ผมแล้ว เดือนหนึ่งก็น่าจะถึง 40 หยวน เมื่อถึงตอนนั้น… ผมจะให้คุณดูแลทั้งหมดเลยครับ”

ตอนนี้จี้อวี้หลานเองก็เกร็งไม่แพ้กัน ถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่การทำแบบนี้จะเรียกว่าทอดสะพานหรือเปล่า ครั้นพอคิดกลับกัน ผู้ชายตรงหน้านี้อีกหน่อยก็จะเป็นของหล่อนแล้ว จะไม่ให้ประหม่าได้ยังไงกัน?

แต่เวลาเช่นนี้ หล่อนเองก็พอรู้ว่าสมควรที่จะพูดอะไร คิดไปคิดมาก็พูดเสียงเบา “เรื่องอื่น ๆ ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ถ้าเรื่องดูแลบ้านช่องฉันทำได้ดี ละ… แล้วก็เรื่องมีลูกให้คุณด้วยค่ะ” เมื่อพูดจบหล่อนก็หน้าแดงทันที

แต่สวี่เหอซานกลับดีใจเป็นอย่างมาก พยายามจะเอื้อมไปจับมือของหล่อน แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา เขาจึงกุมมือเรียวนั้นไว้แน่นพร้อมพูดขึ้นว่า “ผมจะทำให้คุณมีความสุขนะครับ!”

“อื้ม ฉันเชื่อคุณค่ะ” จี้อวี้หลานสบตากับเขาแล้วพูดขึ้น

ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันอีกพักหนึ่ง ก่อนจะแยกจากกันด้วยความอาลัยอาวรณ์

สวี่เหอซานกลับมาแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นถึงรีบเอ่ยถาม “คุยกันแล้วเป็นยังไงบ้าง?”

“ดะ… ดีมากเลยครับ” สวี่เหอซานค่อนข้างลำบากใจที่จะตอบ เพราะเขาต้องเป็นฝ่ายยืมเงิน

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปาก จี้เจี้ยนอวิ๋นหยิบธนบัตรสิบหยวนให้เขา 40 ใบ พร้อมพูดต่ออีกว่า “เงิน 400 หยวนนี้ให้นายยืมไปใช้ก่อน แล้วค่อยหักจากเงินเดือนเอา”

“ขอบคุณครับเจ้านาย!” สวี่เหอซานผงะแล้วมองไปที่เจ้านายของเขาอย่างตื่นเต้น

“หลังจากนี้ก็ทำงานให้ดี อีกหน่อยก็สร้างครอบครัวได้แล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานพวกนายสองคนก็ไปตกลงกันเอง แต่ฉันมองว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี จะได้มีลูกกันไว ๆ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม

สวี่เหอซานรับเงินมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเขิน ๆ

ผลตอบรับของสวี่เหอซานนั้นดีมาก วันรุ่งขึ้นก็พาพ่อของเขาไปสู่ขอจี้อวี้หลานกับคุณพ่อจี้หม่าอี้ การแสดงออกของจี้หม่าอี้คือถ้าไม่มีเงิน 300 หยวน ก็ไม่ต้องมาพูดกัน

พ่อของสวี่เหอซานก็นิสัยโมโหร้ายอยู่พอสมควร แต่ก่อนหน้านี้ลูกสาวของเขาก็เพิ่งแต่งออกไป ก็เลยพอจะอดทนได้บ้าง แต่อดไม่ได้ที่จะถามจี้หม่าอี้ว่าขายลูกสาวกินหรือเปล่า?

ครอบครัวของจี้หม่าอี้นั้นยากจน ค่าสินสอดของลูกสาวในราคานี้จะว่าขายลูกกินก็ไม่สนใจ ถ้าไม่มีเงินก็เชิญกลับไป

อันที่จริงพ่อของสวี่เหอซานนั้นก็ไม่ชอบบ้านของลูกสะใภ้เช่นนี้ แต่ลูกชายของเขากำลังถูกไฟรักแผดเผา ทั้งยังมีหลายคนเข้ามาถามว่าคิดอย่างไรถึงมาแต่งงานกับลูกสาวบ้านนี้?

ทว่าพอได้เห็นจี้อวี้หลานแล้ว และหันกลับไปมองลูกชายของตัวเอง พ่อของสวี่เหอซานก็ยอมพยักหน้ารับ

หลังจากเดือนแรกทางจันทรคติผ่านไปค่อยส่งเงินส่วนที่เหลือทั้งหมดไปให้ ตอนนี้ถือว่าตกลงแต่งงานแล้ว และให้หมั้นเอาไว้ก่อน 50 หยวน

จี้หม่าอี้พยักหน้ารับ

เรื่องการแต่งงานก็ถือเป็นอันตกลง ซึ่งคนในหมู่บ้านรู้เรื่องกันไม่น้อยเลยทีเดียว ต่างก็พูดว่าจี้อวี้หลานนั้นโชคดี สามารถแต่งงานได้จริง ๆ และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตตัวเองหลังจากนี้แล้ว

จี้หม่าอี้ไม่ใช่พ่อที่ดีสักเท่าใดนัก เขารักลูกชายมากกว่าลูกสาว มองลูกสาวเป็นม้าที่เอาไว้ใช้งาน ส่วนลูกชายทั้งสองนั้นเป็นเทพบุตร แต่ครอบครัวส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น เขาเองก็ไม่ได้เรียกว่าทำเกินไป แต่ก็เกินไปกว่าครอบครัวอื่นอยู่บ้าง พอลูกสาวคนนี้เกิดก็เลี้ยงแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ตลอด

แม้จี้หม่าอี้ก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรขนาดนั้น แต่คำพูดของเพื่อนบ้านรอบข้างนั้นพูดถึงจี้อวี้หลานไปในทางที่ดี หญิงสาวคนนี้ทำงานได้เก่ง งานในบ้านงานนอกบ้านไม่มีบกพร่อง แต่งงานออกไป ที่บ้านคงแย่ไม่น้อย

อันที่จริงที่ทำให้คนพูดถึงเรื่องจี้อวี้หลานกันเป็นอย่างมากก็เพราะค่าสินสอดที่จี้หม่าอี้นั้นเรียกไป ซึ่งนับว่าแพงไม่ใช่เล่น แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น

แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้ สวี่เหอซานก็ได้เป็นพนักงานประจำกับจี้เจี้ยนอวิ๋น พอถึงปีใหม่แล้วก็จะได้ขึ้นเงินเดือนเป็น 40 หยวน ส่วนจี้อวี้หลานก็เป็นแม่บ้านที่ดี ทั้งสองเข้ากันได้ดีมาก

เป็นอันว่าเรื่องของสวี่เหอซานนั้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องของซูจูเหมานั้นยังไม่เรียบร้อยดี…

เมื่อรู้เรื่องที่จี้เจี้ยนอวิ๋นประสบความสำเร็จในการเป็นพ่อสื่อ ซูจูเหมาก็รีบมาหาผู้เป็นเจ้านายของเขาทันที จี้เจี้ยนอวิ๋นหัวเราะร่า “อันที่จริงก็อยากจะบอกกับนายอยู่ ว่าจะจัดการเรื่องของพวกนายสองคนไปพร้อม ๆ กัน แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะกับนาย อีกอย่างนายก็อายุน้อยกว่าเหอซาน 1 ปี งั้นก็แต่งปีหน้าแล้วกัน จะรีบไปไหน หื้ม?”

“ต้องรีบสิครับ อากาศหนาว ๆ แบบนี้ถ้าไม่มีภรรยาเอาไว้กอดให้อุ่นก็แข็งตายกันพอดี” ซูจูเหมาว่าอย่างร่าเริง

“งั้นนายก็หาวิธีมาสิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามกลับไป

“แบบนั้นไม่ได้หรอกครับ เจ้านายต้องแนะนำให้ผมสิ” ซูจูเหมารีบตอบ

จี้เจี้ยนอวิ๋นให้เขารอ ถ้ามีข่าวอะไรคืบหน้าก็จะไปบอก แล้วก็กลับบ้านบอกกับภรรยาอย่างขำ ๆ “ช้าหน่อยจะเป็นไรไป? ต้องด่วนขนาดนี้เลยเหรอ?”

“จะว่าไปมันก็ด่วนเหมือนกันนะ เพราะตัวผมเองก็ไม่ใช่หนุ่มน้อย อยากนอนกอดภรรยาแย่แล้วเหมือนกัน” จี้เจี้ยนอวิ๋นขำออกมา

“คุณนี่ไม่จริงจังเลยนะคะ” ซูตานหงเอ่ยพลางมองบนใส่สามี

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

หนึ่งหนุ่มได้ภรรยาแล้ว อีกหนึ่งหนุ่มจะได้คบกับใครน้าา

อันนี้อาชีพยามว่างงานใช่ไหมคะเถ้าแก่เถ้าแก่เนี้ย จับคู่ให้คนอื่นเนี่ย

ไหหม่า(海馬)