บทที่ 315 ไม่หันหลังกลับเพราะหมาเห่า / บทที่ 316 เก็บซ่อนไว้ลึกขนาดนี้เลย

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 315 ไม่หันหลังกลับเพราะหมาเห่า / บทที่ 316 เก็บซ่อนไว้ลึกขนาดนี้เลย
โดย
Ink Stone_Romance
บทที่ 315 ไม่หันหลังกลับเพราะหมาเห่า

ในห้องทำงาน

“เธอมีพื้นฐานวรยุทธ์ใช่ไหม?” เยี่ยหวั่นหวันถาม

ลั่วเฉินเม้มริมฝีปาก “มีนิดหน่อย เพียงแต่ว่า…”

ตอนแรกถ่าย ‘มังกรผงาด’ ได้ฝึกมาระยะหนึ่ง แต่นี่ผ่านมาสามปีแล้ว

เยี่ยหวั่นหวันส่งตารางเรียนใบหนึ่งให้เขา “คิดว่าเธอไม่ได้ฝึกมานานแล้วและก็ไม่คุ้นเคยแล้ว ฉันเลยจัดตารางฝึกวรยุทธ์ให้เธอ หลายวันนี้เธอตั้งใจฝึกซ้อมกับอาจารย์ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ คนที่ไม่มีความสำคัญก็ไม่ต้องไปใส่ใจ สิงโตไม่มีวันหันหลังกลับเพราะหมาเห่า”

สีหน้าลั่วเฉินเคร่งขรึมขึ้นมาหน่อย รับตารางเรียนมาอย่างเงียบๆ ไม่ถามอะไรสักคำ และไม่สนที่จะคิดว่าทำไมผู้จัดการคนอื่นถึงให้ศิลปินในสังกัดไปฝึกร้องเพลงเต้นรำ แต่ตัวเขากลับไปฝึกวรยุทธ์

เหมือนกับที่ไม่ได้ถามเยี่ยหวั่นหวันว่าวันนี้ให้ตัวเองถ่ายคลิปนั้นเอาไปทำอะไร

เห็นท่าทางว่าง่ายของลั่วเฉิน จิตใจเยี่ยหวั่นหวันก็อ่อนลงมาหน่อย “ตอนนี้เธอยังเลี้ยงทีมงานไม่ไหว ก็ขอความร่วมมือคนที่บริษัทชั่วคราวละกัน แต่ว่า ในอนาคตยังไงก็ต้องมีพวกนี้”

ประโยคนี้ เหมือนเป็นคำมั่นสัญญา และยิ่งเหมือนกับคำทำนาย เป็นคำนายอย่างมั่นใจว่าเขาจะทำได้

ลั่วเฉินมองสีหน้าเย็นชาของชายหนุ่มตรงหน้า ก้นบึ้งจิตใจที่ตายด้านค่อยๆ มีความอบอุ่นไหลผ่านเป็นระลอก…

………

ช่วงเวลาต่อมา ลั่วเฉินใช้ชีวิตซ้ำซากเหมือนเดิมทุกวัน นอกจากจะไปโรงพยาบาลเยี่ยมแม่แล้ว ยังมาฝึกวรยุทธ์กับอาจารย์ที่บริษัทด้วย

ในบริษัท ทุกคนต่างรอคอยว่าเยี่ยไป๋ผู้จัดการคนใหม่จะมีความเคลื่อนไหวใหญ่โตอะไรไหม ปรากฏว่า ใครจะรู้ว่าหลังจากเขาให้ลั่วเฉินถ่ายคลิปนั้นแล้ว ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย รู้แค่ว่าทุกวันให้ลั่วเฉินไปฝึกวรยุทธ์

ไม่มีเรื่องอะไรให้ศิลปินไปฝึกวรยุทธ์ทำไม? นี่ไม่ได้เสียเวลาหรือ? หรือว่าเตรียมจะให้เขาป็นนักแสดงบู๊?

สงสัยสมองกลับแล้วจริงๆ …

ลั่วเฉินไม่สนใจสายตาผิดปกติและคำพูดของคนรอบข้าง ทำในสิ่งที่ควรทำทุกวัน

ในเวลานี้ หลินเฮ่าก็ได้รับบทพระเอกละครรักวัยใสเรื่องหนึ่ง

เพิ่งเข้าวงการไม่นาน ละครเรื่องที่สองก็ได้เล่นเป็นพระเอกแล้ว การปฏิบัติแบบนี้ ทำให้คนใหม่ทุกคนต่างอิจฉาตาร้อน เส้นทางอนาคตของหลินเฮ่าดีมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ช่วงนี้หลินเฮ่ามาที่บริษัทเป็นประจำ ข้างกายก็มีคนใหม่และเด็กฝึกมากมายเยินยอประจบกันเป็นกลุ่ม

บทที่เดินผ่านลั่วเฉิน หลินเฮ่าหยุดฝีเท้า เวลานี้สีหน้าเขาดูไม่เหมือนตอนนั้นที่โดนเยี่ยหวั่นหวันหยอกล้อจนหน้าแหย เขากลับมามีสีหน้าเย่อหยิ่งเหนือคนทั้งโลก สีหน้าที่มองลั่วเฉินราวกับมองมดที่ต่ำต้อย ราวกับถ้าพูดกับเขามากอีกประโยคเขาจะสูญเสียสถานะไป

เห็นลั่วเฉินเหม็นเหงื่อไปทั้งตัว พวกเหล่าดาราหนุ่มน้อยหน้าตาดีต่างหัวเราะคิกคัก

“หึ รุ่นพี่ลั่วเฉินดูลำบากจริงเลย! ยังต้องไปฝึกซ้อมอีก! ขยันขนาดนี้ อนาคตต้องสดใสแน่นอน!”

“ยังไงก็มาอยู่กับพวกที่ชอบใช้บารมีข่มเหงคนอื่น ไม่ใช่ๆ อยู่กับปรมาจารย์ที่มีความสามารถเลย!”

“สู้ๆ นะรุ่นพี่ลั่วเฉิน!”

“รุ่นพี่ลั่วเฉินขอลายเซ็นหน่อย! กลัวว่าคราวหน้าพวกเราเจอหน้ารุ่นพี่อีกครั้ง แม้แต่คุณสมบัติที่จะคุยกับพี่ยังไม่มีเลย!”

พูดจบทุกคนต่างก็หัวเราะเฮฮากันยกใหญ่

ลั่วเฉินปาดเหงื่อบนหน้าผาก กวาดตามองคนพวกนั้นอย่างไร้อารมณ์ ไม่พูดอะไรเดินผ่านพวกเขาไป

ชั้นบน ในห้องทำงานของโจวเหวินปิน

ระหว่างที่โจวเหวินปินกำลังเล่นของลายครามโบราณที่เพิ่งได้มา เขาก็พูดขึ้นมา “ช่วงนี้เด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง?”

ผู้จัดการร่างท้วมรีบพูด “พี่ปิน พี่วางใจได้ ไม่มีแผนเด็ดอะไรออกมาเลย แปดสิบเปอร์เซ็นต์คือพูดโม้ จงใจสับขาหลอกให้งง!”

“อย่าวางใจไป” โจวเหวินปินหรี่ตามองเขา พูดเตือน

ชายหนุ่มถูมือ สีหน้าประจบสอพลอ “พี่ปินดูพี่พูดเข้า พี่ปินพี่เป็นใคร พี่อยู่ในวงการมายี่สิบกว่าปีแล้ว ไม่เคยเจออุปสรรคใหญ่อะไรเลย เด็กเมื่อวานซืนนั่นจะมาเทียบกับพี่ได้ยังไง ไม่นานเดี๋ยวก็รู้แล้ว กวงเหย้าของพวกเรา ยังต้องพึ่งพาอาศัยพี่ปินอยู่เลย!”

เห็นได้ชัดว่าโจวเหวินปินโดยยกยอปอปั้นจนอารมณ์ดี ถามขึ้นมาอีกประโยค “แล้วช่วงนี้กงซวี่เป็นยังไงบ้าง?”

“พี่ปินวางใจได้ ช่วงนี้กงซวี่ว่านอนสอนง่ายมาก ไม่ก่อเรื่องอะไรเลย ความร้อนแรงของข่าวฉาวครั้งที่แล้วก็จางลงไปแล้ว ผ่านไปอีกหลายวันน่าจะเผยโฉมได้แล้ว…”

“อืม” โจวเหวินปินเป่าเครื่องเคลือบในมือ พยักหน้าอย่างพอใจ

…………………………………………………

 

บทที่ 316 เก็บซ่อนไว้ลึกขนาดนี้เลย

หลายวันถัดมา

ลั่วเฉินลากสังขารอันเหนื่อยล้าขั้นสุดกลับมาถึงบ้านเหมือนปกติ

ห้องคับแคบทรุดโทรมอบอวลไปด้วยกลิ่นเชื้อรา สีขาวที่ผนังหลุดลอก

เพียงพริบตาก็เป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว ผู้จัดการนอกจากให้เขาเรียนศิลปะการต่อสู้กับอาจารย์ ก็ไม่ได้มอบหมายอะไรอย่างอื่นให้เขาอีก ไม่มีการโฆษณา ไม่มีการประกาศ และไม่มีการออดิชัน ส่วนตัวเขาก็ได้ลาออกจากงานพาร์ทไทม์ เพื่อทุ่มเทให้กับการฝึกฝน

ค่ายาที่ใช้รักษาอาการป่วยของแม่นับวันก็ยิ่งแพง เงินหมื่นกว่าหยวนที่ได้มาก่อนหน้านี้ก็ใช้ได้ไม่นาน หากยังไม่มีรายได้เข้ามาอีกละก็…

ลั่วเฉินอาบน้ำเสร็จ ก็เปิดทีวีอย่างใจลอย

โทรทัศน์กระพริบอยู่นานจุดขาวจึงจะฉายภาพขึ้นมา

บนหน้าจอโทรทัศน์กำลังถ่ายทอดข่าวบันเทิงอยู่ ในข่าวมีแทรกเนื้อหาส่วนหนึ่งของละครโทรทัศน์ไว้ด้วย

เห็นภาพบนหน้าจออย่างไม่ทันตั้งตัว ลั่วเฉินพลันแสดงออกถึงความมึนงง

เป็น ‘มังกรผงาด’…

ในภาพ ท่าทางเคลื่อนไหวของหลิงเส่าเจ๋อผู้ที่สวมบทบาทพระเอกหน้าตาหล่อเหลา ท่วงท่าสง่างามและดูสบายๆ

สมัยนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นพระรอง แต่เพราะบทบาทที่ได้รับเป็นที่ชื่นชอบ กระแสตอบรับจึงดังไม่น้อยไปกว่าพระเอกเลย ได้คะแนนความนิยมไปกันคนละครึ่ง ถึงขนาดเบียดเขาอยู่หน่อยๆ

แต่ว่าวันนี้ในสามปีให้หลัง หลิงเส่าเจ๋อได้เซ็นสัญญากับหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนท์ใต้สังกัดของตระกูลเยี่ยกรุ๊ป บัดนี้ครองตำแหน่งดาราหนุ่มครอบครัวหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนท์เทียบเท่าหานเซี่ยนอวี่แล้ว…

ส่วนเขา…

ลั่วเฉินมองโทรทัศน์ที่เริ่มกระพริบเป็นจุดขาวๆ ไม่หยุดอีกรอบ ระหว่างหางคิ้วเต็มไปด้วยร่องรอยความขมขื่น

น้ำเสียงเจ็บปวดของผู้ดำเนินรายการหญิงพลันดังมาจากในโทรทัศน์ “เมื่อสามวันก่อน ผู้อาวุโสหลินจงนักเขียนนวนิยายกำลังภายในร่วมสมัยชื่อดังได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยวัยแปดสิบสามปี คนวงการวรรณกรรมและแวดวงบันเทิงต่างร่วมแสดงความอาลัย…”

ได้ยินประโยคนี้ ลั่วเฉินพลันตกตะลึง

ผู้อาวุโสหลินจงเสียชีวิตแล้วหรือนี่…

เพื่อหลีกเลี่ยงความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองจากอิทธิพลคำพูดเยาะเย้ยถากถางของผู้คนรอบข้าง ช่วงนี้เขาจึงฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้

เสียงในโทรทัศน์ยังดังต่อไป—

“ทุกคนต่างทราบกันดี หลินจงได้เขียนผลงานกำลังภายในแบบคลาสสิคมากมาย และหนึ่งในผลงานคลาสสิคที่สุดก็คือ ‘มังกรผงาด’ เมื่อสามปีก่อน ละคร ‘มังกรผงาด’ เริ่มออกอากาศก็ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ นักแสดงนำในเรื่องทั้งหมดต่างก็ดังมาก ต่างโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง นักแสดงที่แสดงเป็นอวิ๋นไห่พระเอกของละครเรื่อง ‘มังกรผงาด’ ก็ดังระเบิดเพียงข้ามคืน มีข่าวแว่วมาว่าช่วงนี้เพิ่งรับถ่ายงานภาพยนต์เรื่องใหม่ของผู้กำกับเจียง…”

ต่อมาก็เป็นการแนะนำยืดยาวเกี่ยวกับข่าวต่างๆ ของหลิงเส่าเจ๋อ และมีการแนะนำนักแสดงนำท่านอื่นๆ ในละครบ้างเล็กน้อย

ส่วนตัวเขา…มีเพียงประโยคเดียวที่ได้รับการพูดถึง “หลังจากละคร ‘มังกรผงาด’ ก็หายไปจากวงการบันเทิง ไม่มีข่าวอะไรอีกเลย”…

ในเวลานี้ บนหน้าจอใหญ่ด้านหลังของผู้ดำเนินการหญิง มีภาพใบหน้าที่คุ้นเคยแต่ก็แปลกหน้าปรากฎขึ้น

รูปโฉมของชายหนุ่มในภาพหล่อเหลาดั่งภาพวาด เมื่อเทียบกับอวิ๋นไห่พระเอกหนุ่มที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ดุจเมฆเหินน้ำไหล…

นั่นก็คือหลินลั่วเฉิน…

ซึ่งก็คือตัวเขาเอง…

ขณะที่กำลังมึนงง เวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของเขา

ลั่วเฉินสะบัดศีรษะ กำจัดหมอกควันแห่งความหดหู่ในจิตใจ จากนั้นก็รับสายโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”

ตอนเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา ลั่วเฉินก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

คนที่โทรมาหาเขาคือนักแสดงคนหนึ่งที่เดบิวต์ด้วยกันกับเขาในตอนแรก แม้ว่านักแสดงคนนั้นจะเริ่มต้นไม่เท่าเขา แต่ภายหลังก็มีเติบโตได้ไม่เลวเลย ไม่ได้ไปมาหาสู่กันตั้งนานแล้ว วันนี้ทำไมอยู่ดีๆ จึงโทรมาหาเขาได้?

ลั่วเฉินเพิ่งจะรับสาย ทางด้านปลายสายนั้นก็มีน้ำเสียงตื่นเต้นดังขึ้นมา “ลั่วเฉิน นายนี่เก่งใช้ได้เลยนะ! เจ๋งจริงๆ เลย! ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่านายจะเก็บซ่อนไว้ลึกขนาดนี้!”

ลั่วเฉินถูกพูดถึงอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ คิ้วพลันขมวดย่นอยู่บ้าง “อะไรกัน?”

………………………………