ตอนที่ 16 พาผมไปด้วย

มวลอากาศยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้ไฟและประทัด บางคนแทบสำลัก แต่ดูเหมือนว่านี่คือรสชาติของปีใหม่ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ารสชาติปีใหม่

โดยเฉพาะสำหรับโจวเจ๋อในเวลานี้ ชีวิตดูเหมือนจะสวยงามขึ้นเล็กน้อย

มันไม่ใช่ความรักที่บอกจะรักกันตลอดไป และบอกไม่ได้ว่าก้อนหินบนภูเขาและพื้นดินนั้นนั้นไร้ขอบและมุม

เทียบเท่ากับเด็กน้อยที่ปกติแล้วไม่มีเงินค่าขนมแต่เก็บเงินได้สิบหยวนขณะเดินอยู่บนท้องถนน และไม่มีลุงตำรวจผ่านมา แต่กลับมีร้านขายของเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ แห่งหนึ่งแทน

หลังจากผ่านนรกและเปลี่ยนร่างมาแล้ว จนถึงวันนี้ยังมีปัญหามากมายทั้งค้นพบแล้วและยังไม่พบที่ต้องการการแก้ไข และบุคลิกภาพของตัวเองที่เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัวอีกมากมาย

เมื่อนึกย้อนไปเมื่อชาติก่อน หลังออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่นึกได้ในความทรงจำ คือการอาศัยสองมือและความสามารถของตัวเองปีนป่ายขึ้นไปทีละขั้น อันที่จริงพอมองดูดีๆ เหตุผลที่ตัวเองละเลยหมอหลินตอนนั้น อาจไม่เกี่ยวกับที่เมื่อห้าปีก่อนหมอหลินจะจิ้มลิ้มหรือขี้เหร่มากขนาดไหนหรอก เด็กผู้หญิงในช่วงนั้น น่าจะเพิ่งมีความรักด้วย ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่ตัดรูปแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองหรอก

น่าเสียดาย ที่ตอนนั้นตัวเองไม่มีกะจิตกะใจจะดูทิวทัศน์บนท้องถนน ความหลงใหลนั้นหนักหนาเกินไป ความเกลียดชังอันขมขื่นและลึกซึ้งแสร้งทำเป็นว่าผมเยี่ยมมาก ผมยอดเยี่ยมจนเหมือนสายน้ำที่ใสสะอาด

ต่างจากตอนนี้ ที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่งและได้กลับมาอีก ในทางตรงกันข้ามมีทั้งความสบายๆ และความกลัดกลุ้มของ ‘การไม่มีภาระรู้สึกตัวเบาสบาย’ แบบหนึ่ง

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

ความรู้สึกของการถูกแอบรัก จนกระทั่งความรู้สึก ‘ตายแล้วยังรัก’

มันไม่เลวเลยจริงๆ

หลังจากโทรหา หมอหลินก็ลงมาอีกครั้งและเธอลงมาอย่างรีบร้อน รับเอากระเป๋าสตรีของตัวเองจากโจวเจ๋อ ยิ้มเล็กน้อยและไม่ได้กล่าวขอบคุณอะไร ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองในปัจจุบันนี้ พูดว่า ‘ขอบคุณ’ ไม่เหมาะยิ่งไปกว่าการพูด ‘ขอโทษ’ เสียอีก

โจวเจ๋อโบกมือหยอยๆ ทิ้งแผ่นหลังเอาไว้

แล้วกลับไปนอนหลับ

จากนั้นก็รอวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ต้องสวยงามกว่าเดิม

หมอหลินรู้สึกว่าอารมณ์ของสามีของเธอดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่ามีความรู้สึกยกภูเขาออกจากอก

บางทีทั้งสองอาจต่างฝ่ายต่างไม่ได้คิดอะไร แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง

แทนที่จะปล่อยให้พัลวันด้วยกันต่อไป สู้แยกจากกันอย่างอิสระแล้วเผชิญชีวิตใหม่ดีกว่า

พูดได้เพียงว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่หมอหลินจะคิดว่าเปลือกนอกของสามีเขาจะมีวิญญาณอื่นสิงอยู่

เธอที่เป็นเด็กฝึกงานในตอนแรกนั้นและผู้ชายที่หลงรักอย่างโง่เขลา

โจวเจ๋อเรียกรถอีกครั้ง แล้วนั่งยองๆ และสูบบุหรี่รอที่บริเวณประตู หน้าจอโทรศัพท์มือถือยังคงแสดงข้อความการค้นหา โจวเจ๋อรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าของรถคันนั้นขับไป ตัวเองน่าจะให้เขารออีกหน่อย เพื่อตัวเองจะได้นั่งรถเขากลับไปร้านหนังสืออีกครั้ง

ทุกอย่างดูกำลังไปได้ดี

ในคืนวันที่สามสิบของวันสิ้นปี

เรียกรถยากจริงๆ

หลังจากรอประมาณสิบนาทีและสูบบุหรี่หมดไปสามมวน โจวเจ๋อรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ยืนตัวตรงและยืดเส้นยืดสาย

แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลัวความหนาวมากนัก แต่ก็จะให้เดินกลับไปอย่างนี้ก็ค่อนข้างเหนื่อยทีเดียว

บังเอิญในเวลานี้ มีรถสีดำคันหนึ่งขับออกมาจากถนนด้านหน้าโจวเจ๋อ รถชะลอตัวลงเมื่อขับผ่าน โจวเจ๋อ

“ไปไหม” คนขับโผล่หัวออกมานอกหน้าต่างรถ ใบหน้าอ้วนกลม วัยกลางคน หนวดเคราเฟิ้ม และสวมเสื้อนวมสีดำ

“ไป” โจวเจ๋อไม่มีทางเลือกอื่น

“ขึ้นรถเลย ไม่คิดเงินเพิ่ม” คนขับยิ้มแย้ม

โจวเจ๋อขึ้นรถ บอกที่ตั้งร้านหนังสือและต่อรองราคาเสร็จสรรพ คนขับก็สตาร์ทรถอีกครั้ง

รถคันนี้น่าจะเป็นรถใหม่ เบาะนั่งยังมีกลิ่นพลาสติกและกลิ่นหนังอยู่เลย ภายในก็สะอาดหมดจด

โดยทั่วไปมีน้อยคนนักที่จะยอมใช้รถรถสปอร์ตถอยมาใหม่เป็นรถโดยสาร

“สถานที่นั้นไกลนะ” คนขับยื่นบุหรี่มวนหนึ่งให้โจวเจ๋อก่อน และโจวเจ๋อก็รับไป

“อืม”

“พักที่นั่นเหรอ”

“ร้านอยู่ที่นั่น”

“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นกิจการไปได้ไม่ค่อยสวยใช่ไหม” ศูนย์การค้านั้นตายไปนานแล้ว และสูญเสียความนิยมไป หลายๆ คนก็รู้กันดี

“คุณไม่ใช่คนที่นี่เหรอ” โจวเจ๋อถาม

ภาษาถิ่นของทงเฉิงแตกต่างจากภาษาท้องถิ่นอื่นๆ เกือบจะคล้ายภาษาจีนกลางที่แบ่งออกเป็นสองแบบ และฟังออกได้ง่ายมาก

“ครอบครัวผมมาจากหรงเฉิง ผมมาทำงานที่นี่” คนขับจุดบุหรี่ “สูบบุหรี่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

โจวเจ๋อก็จุดบุหรี่เช่นกัน สูดเข้าไปก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย รสชาติบุหรี่นี้ จืดจางจนแทบจะไม่ใช่บุหรี่

“ปีใหม่ก็ไม่กลับไปเหรอ”

“ภรรยาและลูกอยู่ที่บ้าน ไม่มีปัญหาอะไร ไม่กลับไปหรอก อยากจะหาเงินอีกสักหน่อย” คนขับยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างแล้วเขี่ยขี้บุหรี่ “ผมมีลูกสี่คน”

“เจ๋งมาก” โจวเจ๋อชื่นชม

“ก็ยากเหมือนกัน” คนขับขยับปาก “ลูกคนแรกของภรรยาผมเป็นลูกชาย และลูกคนที่สองก็เป็นเด็กผู้ชายด้วย ผมเลยคิดว่าจะมีลูกสาว จากนั้นลูกคนที่สามก็ยังเป็นผู้ชายอีก โชคดีที่ลูกคนที่สี่ในที่สุดก็เป็นผู้หญิง ก็พออกพอใจเป็นอย่างมากแล้ว”

“ดีเลย” โจวเจ๋อส่งเสียงคล้อยตาม ดูดบุหรี่อีกครั้งแล้วโยนบุหรี่ทิ้งออกไปนอกหน้าต่าง บุหรี่จืดมาก เหมือนกำลังดูดม้วนกระดาษ

“ผมไม่ใช่คนหัวโบราณและไม่ได้หมายถึงให้ความสำคัญเด็กผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผมแค่ชอบเด็กและอยากมีลูกหลายๆ คน ฮ่าๆ” เมื่อพูดถึงลูกของตัวเอง คนขับก็พูดมากขึ้นมา

“ยังไม่ได้จ่ายค่าปรับให้ลูกคนเล็กเลย รอเข้าโรงเรียนก่อน ผมจะเอาเงินไปทำใบทะเบียนบ้าน ใช่แล้ว ว่าแต่คุณเปิดร้านอะไร”

“ร้านหนังสือ”

“กิจการเป็นอย่างไรบ้าง” ประเด็นไหนที่คนขับไม่ควรพูดก็ยกขึ้นมาพูด

“ก็งั้นๆ”

“ก็จริง ปีนี้สามารถซื้อหนังสือออนไลน์ได้แล้ว แถมยังมีคูปองอีก”

บนถนนข้างหน้ามีอุบัติเหตุทางรถยนต์และตำรวจจราจรได้ตั้งสิ่งกีดขวางบนถนนเอาไว้ตรงนั้น ถนนสี่เลนแต่เดิมที่สามารถขับได้ เหลือเพียงเลนเดียวเท่านั้น โชคดีที่กลางดึกช่วงปีใหม่มีรถไม่เยอะนัก ดังนั้นน่าจะเสียเวลาไม่นาน

“รถชนในช่วงวันปีใหม่ใหญ่ ก็โชคร้ายพอสมควรเลย” คนขับพ่นควันออกมาและเขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้นำติดน้ำเสียงวิจารณ์เล็กน้อย

โจวเจ๋อเอนหลัง เปลี่ยนไปเป็นท่านั่งที่สบายกว่าแล้วถามขึ้น

“รถคันนี้เพิ่งซื้อใหม่ใช่ไหม”

“อืม ลูกชายผมซื้อให้น่ะ”

โจวเจ๋อยิ้ม “คุณเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง แล้วลูกชายคุณอายุเท่าไรล่ะ”

“หึหึ” คนขับหรี่ตาลง “ลูกชายผมเอางานเอาการ สมัยนี้มีความคิดไม่สนเรื่องอายุหรอก มีมือมีเท้ามีสมอง อย่ามัวแต่หวังพึ่งโชคก็พอ แล้วแบบนี้จะจนได้ที่ไหนล่ะ”

“ใช่หลักการนี้แหละ” โจวเจ๋อพยักหน้าเห็นด้วย

“ปิ๊นๆ…ปิ๊นๆ…”

มีรถอยู่ข้างหลังเขาและดูเหมือนจะรีบกลับบ้าน เสียงแตรก็ดังถี่ขึ้น เร่งให้รถคันข้างหน้าให้รีบแซงขึ้นไป

“เร่งๆๆ รีบไปเจอผีหรือไง”

อารมณ์ของคนขับหมายถึงการก่อกวนอยู่เล็กน้อย โผล่ตัวออกนอกรถแล้วด่ากราดรถคันหลัง

แต่รถหลายคันด้านหลังยิ่งบีบเสียงแตรถี่ขึ้นกว่าเดิม เหมือนเป็นการจงใจทำเป็นตัวอย่าง

“หึ!”

คนขับเปิดประตูพร้อมลงจากรถไปต่อว่าต่อขาน

ในเวลานี้เอง ตำรวจจราจรที่กำลังเคลียร์การจราจรด้านหน้าก็ทำสัญญาณให้รถรีบๆ ผ่านตรงนี้ไปอย่างรวดเร็ว และคนขับก็กลับมานั่งลงอย่างเจี๋ยมเจี้ยม สตาร์ทรถแล้วขับออกไป

“วันนี้กิจการไปได้ไม่ค่อยสวยเลย” คนขับเริ่มคร่ำครวญอีกครั้ง “รู้อย่างนี้กลับบ้านไปหาภรรยาและลูกๆ ยังดีกว่าเสียอีก”

“ก็ดีอยู่นะ” โจวเจ๋อปิดปากเงียบ เขาเห็นว่าธุรกิจของร้านบะหมี่ข้างๆ นั้นก็โอเคดี และคู่แข่งส่วนใหญ่ก็หยุดพักช่วงปีใหม่ แม้ว่าความต้องการช่วงปีใหม่จะน้อยไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วกิจการก็ยังมีมากกว่าเมื่อก่อนอยู่นิดหน่อย

โดยเฉพาะเมื่อสักครู่นี้ โจวเจ๋อเรียกแท็กซี่เป็นเวลานานและยังไม่มีใครรับออเดอร์

“หึ ไม่ดีหรอก” คนขับยังคงส่ายหัว “ผมไม่กล้าพักผ่อน ต้องส่งเงินค่าเล่าเรียนของลูกๆ ไปที่บ้านทุกเดือน ปกติจะทำงานตอนกลางวันและตอนกลางคืนก็จะออกไปขับรถอีกครึ่งคืน ทุกวันนี้มันช่างผ่านไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ต่อให้จะเป็นบุหรี่นี้ ก็ไม่กล้าสูบของดีกว่านี้แล้ว”

บุหรี่ของคุณนี้…ดูเหมือนว่าจะเป็นของปลอมนะ

โจวเจ๋อหยิบบุหรี่ของตัวเองออกมา และหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน ถือเล่นในมือของเขา

“แต่ก็ยังดี ตอนนี้มีอินเทอร์เน็ตก็สะดวกแล้ว กลับถึงบ้านกลางดึกเปิดวิดีโอคอลกับภรรยาและลูกๆ ก่อนนอน สามารถมองเห็นพวกเขาได้ มันดีเลยทีเดียว” คนขับเผยสีหน้าผ่อนคลายไม่รีบร้อนออกมา

โจวเจ๋อหลับตาลงช้าๆ เขานอนไม่หลับหรอก แต่ในเวลานี้ไม่อยากพูดและคุยเล่นเลย

แต่ถึงแม้จะไม่มีปฏิกิริยาและการตอบสนองของโจวเจ๋อ คนขับก็ยังคงพูดเรื่องของตัวเองต่อไป ในวันปีใหม่ใหญ่เขาเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่คนเดียวในต่างแดน แน่นอนว่าโดดเดี่ยว

ตั้งแต่เรื่องชื่อลูกไปจนถึงโรงเรียนของลูก พ่อแม่ และขนบธรรมเนียมและประเพณีของหมู่บ้าน คนขับพล่ามแต่เรื่องไร้สาระ

ท้ายที่สุดโจวเจ๋อก็เอาหน้าผากพิงกระจกรถแล้วพูดเร่ง “คุณครับ ขับเร็วกว่านี้หน่อย”

คนขับขับรถช้าเกินไป น่าจะแค่สามสิบไมล์เอง

รู้หรือเปล่าว่านี่คือถนนยกระดับ

โจวเจ๋อถึงกับคิดว่าอีกฝ่ายโดดเดี่ยวเกินไปหรือเปล่า ดังนั้นถึงตั้งใจขับช้าลงเพื่อจงใจหาคนคุยด้วย แต่โจวเจ๋อไม่สนใจที่จะเป็นพี่สาวคนรู้ใจ

“หึๆ รถใหม่ ยังไม่คุ้นเคยกับมันน่ะ ไม่กล้าขับเร็วเกินไป” คนขับสัมผัสพวงมาลัยด้วยความรักทะนุถนอมเล็กน้อย “รถคันนี้ไม่มีราคาค่างวด กระทั่งราคาถูกมาก แต่มันก็เป็นน้ำใจของลูกชายคนโตของผม ผมต้องทะนุถนอมมันไว้ จะพยายามใช้รถคันนี้เพื่อทำธุรกิจสักสองสามปี หลังจากที่รอลูกชายคนโตของผมมีคู่ครอง ผมก็จะหาห้องชุดให้เขา ทำไปทีละอย่าง ผมไม่อยากให้คนโตเลี้ยงคนเล็ก มันจะไม่ยุติธรรมสำหรับคนโต เพราะคนที่ตัดสินใจที่จะมีลูกเองก็คือผมที่เป็นพ่อคนคนนี้ ตราบใดที่ผมยังทำงานและไปทำงานได้ ผมต้องกัดฟันแบกมันไว้ เราไม่ใช่คนขาดความรับผิดชอบและจะไม่ทำเรื่องที่สักแต่ว่า ทำให้เกิดแต่ไม่คิดจะอบรมเลี้ยงดูเด็ดขาด”

โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขารู้สึกรำคาญนิดหน่อย

จากนั้นเขาก็จุดบุหรี่ของตัวเองแล้วสูบไปหนึ่งที

“คุณครับ ช่วยเร็วกว่านี้หน่อยเถอะ จริงๆ นะ” โจวเจ๋อคิดถึงตู้แช่ของตัวเองบ้างแล้วและเสียใจอยู่หน่อยๆ ถ้ารู้อย่างนี้คงขอให้หมอหลินไปส่งเขากลับบ้านก็สิ้นเรื่อง

“อย่ารีบร้อนไปเลยน่า ปีใหม่ใหญ่ทั้งที เรามีชะตาต้องกันไม่ใช่หรือ ไม่ต้องรีบร้อน ผมเข้าใจ ผมเข้าใจแล้ว ผมเป็นคนขับรถ…”

โจวเจ๋อเขี่ยบุหรี่

ไม่ทันระวังเขี่ยไปโดนหน้าต่างรถ

มีเขม่าตกตำแหน่งด้านในประตูหย่อมหนึ่ง

ทันใดนั้น ตำแหน่งด้านในของประตูถูกเขม่าของบุหรี่ไหม้จนเป็นรู

รูใหญ่ขนาดเท่ากับนิ้วโป้ง

ลมเย็นข้างนอกดัง ‘พึบพั่บ’ พัดเข้ามาผ่านรูเล็กๆ

…………………………………………..