บทที่ 184 อยากเล่น? ฉันจะเล่นเป็นเพื่อนให้ถึงที่สุด!

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

“เทียนเฉิน เรื่องนี้สามารถทำให้เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็กได้ ทำให้เรื่องเล็กเปลี่ยนเป็นเรื่องดีได้ ให้ฉันไปตกลงกับเซวียนเยวี๋ยนเถิงเถอะ!” หลิงอวี่สวิ๋นเห็นเย่เทียนเฉินลงจากรถไปก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาด้วยความกังวล

หลิงอวี่สวิ๋นและเย่เทียนเฉินเป็นเพื่อนสมัยเด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเย่แล้วตระกูลหลิงเมื่อปีนั้นก็ไม่เลวนัก หลายวันมานี้ได้อยู่ด้วยกันกับเย่เทียนเฉินทำให้เธอมักจะคิดถึงช่วงเวลาในวัยเด็ก ความทรงจำอันงดงามที่ยังคงติดค้างอยู่ในส่วนลึกของจิตใจไม่อาจจะสลัดออกไปได้ตลอดกาล

เซวียนเยวี๋ยนเถิงคอยตามจีบหลิงอวี่สวิ๋นมาโดยตลอด มีความรู้สึกชมชอบอยู่บ้าง แน่นอนว่าไม่ใช่ความรักที่บริสุทธิ์อะไร แต่เพราะต้องการใช้อำนาจของตระกูลหลิง ตระกูลหลิงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นตัวแปรสำคัญในด้านเศรษฐกิจ ส่วนตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีชื่อเสียงในด้านอำนาจมืด และยังมีความสามารถมาก พูดให้ชัดเจนก็คือมีอำนาจในด้านมืดยิ่งใหญ่และมีกิจการในด้านมืดที่สะสมมาอยู่ไม่น้อย เพียงแต่กิจการเหล่านี้หากต้องการที่จะฟอกให้ขาวนั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้นตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจึงต้องการเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลหลิง หากเป็นเช่นนี้ก็จะสามารถใช้อำนาจของตระกูลหลิงทำให้กิจการที่ไม่ถูกกฎหมายกลายเป็นถูกกฎหมายได้

กล่าวให้กระจ่างชัดก็คือ ที่เซวียนเยวี๋ยนเถิงตามจีบหลิงอวี่สวิ๋นเพราะคำสั่งของพ่อ พ่อของเซวียนเยวี๋ยนเถิงต้องการให้เขาทำเช่นนี้ นอกจากนี้ยังต้องการสร้างความกดดันให้ตระกูลหลิงผ่านทางเขา เพื่อให้ตระกูลหลิงตอบรับการแต่งงาน เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้ตระกูลหลิงไม่คิดทำเพื่อตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของพวกเขาก็ยังต้องทำเพื่อหลิงอวี่สวิ๋น

สิ่งที่ทำให้หลิงอวี่สวิ๋นคิดไม่ถึงก็คือ เซวียนเยวี๋ยนเถิงถึงกับกลับมาเมืองหลวงตอนกลางคืน ดูท่าครั้งนี้เขาจะโกรธจริงๆ แล้ว จะต้องลงมือกับเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน และเป็นไปได้มากกว่าจะฆ่าเย่เทียนเฉิน

ในความคิดของหลิงอวี่สวิ๋น เย่เทียนเฉินมีความสามารถอยู่บ้างแต่ก็ไม่พอที่ขัดขวางการฆ่าฟันของเซวียนเยวี๋ยนเถิง เพราะข้างกายของเซวียนเยวี๋ยนเถิงมียอดฝีมืออยู่มากมาย คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนในยุทธภพ เป็นโจรชั่วที่โหดเหี้ยม เปรียบได้กับบุคคลเช่นอาหู่ ส่วนตระกูลเย่นั้นตกต่ำไปนานแล้ว และไม่ใช่เพียงแค่ปีสองปี ต่อให้ผู้อาวุโสเย่หย่วนซานจะยังก็เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ดังนั้นหลิงอวี่สวิ๋นจึงคิดจะออกหน้า หากว่าหน้าของตนเองไม่ใหญ่พอ ไม่อาจทำให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงเชื่อได้ ก็จะใช้อำนาจของตระกูลหลิงพูดคุยกับตระกูลเซวียนเยวี๋ยนโดยตรง

ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินกลับดึงหลิงอวี่สวิ๋นไปด้านหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หลบอยู่หลังกระโปรงผู้หญิง ไม่ใช่นิสัยของฉัน!”

“แกเป็นใคร ถึงกับกล้าโผล่หัวออกมา ไม่รู้เหรอไงว่าคนที่กล้าเสนอหน้าในมหาวิทยาลัยหลงเถิงถูกคุณชายเซวียนเยวี๋ยนเถิงของพวกเราฆ่าตายไปแล้ว?” บอดี้การ์ดสูทดำคนที่ยืนอยู่หน้าสุดพูดจาโอหังเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขาเป็นเซวียนเยวี๋ยนเถิงเสียเอง ใช้นิ้วชี้ไปที่หัวของเย่เทียนเฉินอย่างไม่พอใจแล้วพูดขึ้น

พลั่ก!

คำตอบของเย่เทียนเฉินมีแค่ฝ่าเท้าเท่านั้น เขาถีบบอดี้การ์ดชุดดำที่เป็นคนพูดจนกระเด็นออกไปไกลต่อหน้าต่อตานักศึกษาชายหญิงจำนวนมากที่อยู่บริเวณประตูมหาวิทยาลัยหลงเถิง ลงมืออย่างรุนแรงเพื่อสั่งสอนลูกน้องน่ารังเกียจแบบนี้ บอดี้การ์ดชุดดำคนนั้นถูกเย่เทียนเฉินจนกระเด็นออกไปและตกลงมาสู่พื้นอย่างรุนแรง คิดจะลุกขึ้นมาแต่กลับไม่มีแรงที่จะทำเช่นนั้นได้ กายเนื้อของเย่เทียนเฉินในตอนนี้ผ่านการฝึกฝนบ่มเพาะมาแล้ว จนกลายเป็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องใช้พลังพิเศษ ก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะรับมือได้

“แก…แกเป็นใครกันแน่? พวกแกยังยืนบื้ออะไรอยู่อีก เข้าไปพร้อมกัน ฆ่าไอ้หนูนี่ให้ตาย!” บอดี้การ์ดสูทดำอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างได้สติกลับมาก็ตะโกนขึ้นแล้วมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน

“ฉันเย่เทียนเฉิน แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยหาเรื่องใคร แต่ว่า แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยกลัวการมีเรื่อง เซวียนเยวี๋ยนเถิงคิดจะมาสร้างความยุ่งยากให้กับฉัน งั้นก็ให้มันมาหาฉันเอง!” เย่เทียนเฉินมองบอดี้การ์ดสูทดำที่เหลือแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา

เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา บอดี้การ์ดสูทดำที่เหลืออีกสิบกว่าคนต่างก็ตกใจจนอึ้ง คนที่คิดจะพุงเข้ามาสู้กับเย่เทียนเฉินต่างหยุดชะงักอยู่กับที่ ไม่มีใครกล้าบุกเข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาต่างเป็นคนในปกครองของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ย่อมรู้เรื่องที่คุณชายเล็กเซวียนเยวี๋ยนอวี่ถูกเย่เทียนเฉินอัด และรู้เรื่องที่เซวียนเยวี๋ยนเถิงส่งอาหู่ไปลงมือ อาหู่ก็ส่งลูกน้องอันธพาลพร้อมด้วยมีดตัดฟืนไปสามร้อยกว่าคนเพื่อไปล้อมโจมตีเย่เทียนเฉินในซอยแคบ แต่กลับถูกเย่เทียนเฉินฆ่าเปิดทางออกมา แค่คิดก็ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงจนหนาวเหน็บ

เรื่องเมื่อคืนนั้น หลูเซิ่งต๋าปิดเงียบไว้อย่างชาญฉลาด ปิดข่าวในทุกด้าน และยังสั่งคนลงมาอย่างเข้มงวดว่าไม่อนุญาตให้ใครพูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ ต่อให้มีสำนักขาวใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงโทรมาสอบถามหรือสัมภาษณ์ก็ต้องบอกว่าไม่รู้อย่างเดียว

หลูเซิ่งต๋าฉลาดมาก หลังจากที่ได้สัมผัสกับเย่เทียนเฉินไม่กี่ครั้ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยืนฝั่งเย่เทียนเฉิน เนื่องจากเขาเชื่อในความสามารถของเย่เทียนเฉิน ต่อให้จะไม่มีอะไรเลย ต่อให้จะเหลือเพียงหมัดทั้งสอง ก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะไปหาเรื่องได้

“แก…แกคือเย่เทียนเฉิน…” บอดี้การ์ดสูทดำอีกคนหนึ่งได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินก็ตกใจจนพูดติดอ่าง

“ให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงออกมาเถอะ เขาอยากจะเล่น ฉันก็จะเล่นกับเขาเอง!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ไม่เพียงแค่บอดี้การ์ดสูทดำเหล่านั้นที่ตกตะลึง กระทั่งนักศึกษาชายหญิงที่ล้อมดูก็ต้องมองเย่เทียนเฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ นักศึกษาทุกคนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิง มีใครบ้างที่ไม่รู้จักชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของเซวียนเยวี๋ยนเถิง ในหมู่สามคุณชายของมหาวิทยาลัยหลงเถิง เซวียนเยวี๋ยนเถิงมีชื่อเสียงทางด้านความโอหังบ้าอำนาจ อย่างน้อยการแสดงออกเบื้องหน้าก็เป็นแบบนี้ คนที่กล้าต่อต้านเซวียนเยวี๋ยนเถิง ตอนนี้น้อยที่สุดคือเด็กในเมืองหลวง มีจุดจบที่พิการไปตลอดชีวิต ส่วนคนอื่นที่ตาไม่มีแวว จะตายอย่างกะทันหันก็เป็นเรื่องปกติ

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า เย่เทียนเฉินเอ่ยปากว่าจะเล่นกับเซวียนเยวี๋ยนเถิง หลายปีมานี้ในมหาวิทยาลัยหลงเถิง เพิ่งจะมีเขาคนเดียวที่กล้าพูดเช่นนี้

“พี่ของฉันกำลังอยู่ระหว่างทางมาที่นี่ ตอนนี้แกคุกเข่าโขกหัวให้ฉันซะสิ!”

ในตอนที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับความกล้าของเย่เทียนเฉินอยู่นั้นเอง ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอายุสิบหกปีคนหนึ่ง เดินออกมาจากกลุ่มคน บอดี้การ์ดสูทดำสิบกว่าคนต่างเปิดทางให้อย่างจงใจ มองไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนั้นด้วยความเคารพ

ต่อให้ใช้ส้นเท้าคิดก็รู้ว่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเซวียนเยวี๋ยนอวี่ที่บ้าอย่างไร้ขอบเขตตั้งแต่อายุยังน้อย เขาใช้ดวงตาอันโหดเหี้ยมจ้องมองไปยังเย่เทียนเฉิน ต้องการจะแก้แค้นให้ตนเอง แก้แค้นที่เย่เทียนเฉินตบหน้าเขาต่อหน้าฝูงชนที่ประตูมหาวิทยาลัยหลงเถิง

ที่เซวียนเยวี๋ยนอวี่ใจกล้าถึงเพียงนี้ ถึงขั้นสั่งให้บอดี้การ์ดชุดดำสิบกว่าคนมารอเย่เทียนเฉินที่ประตูมหาวิทยาลัยหลงเถิง เป็นเพราะเขารู้ว่าพี่ชายของตนกลับมาแล้ว ส่วนลึกของจิตใจคิดว่ามีที่พึ่งแล้ว เย่เทียนเฉินจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นความโอหังของเขาพุ่งทะยานขึ้นมาในชั่วพริบตา ความพ่ายแพ้ที่เคยได้รับมาจากอาหู่และความรู้สึกหวาดกลัวเหล่านั้น ในตอนนี้กลับไม่เหลืออยู่เลย

ในใจของเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของตนเองก็คือฟ้า ต้องการอะไรก็ได้อย่างนั้น ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับตน ส่วนเซวียนเยวี๋ยนเถิงก็เป็นพี่ใหญ่ เขาต้องการให้ใครตายคนนั้นก็ต้องตาย ตอนนี้พี่ใหญ่กลับมาแล้ว วันตายของเย่เทียนเฉินก็มาถึงแล้ว

เพราะเหตุนี้เซวียนเยวี๋ยนอวี่จึงได้คิดจะข่มขู่และสั่งสอนเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยมก่อนที่พี่ชายจะมาถึง เพื่อกู้หน้าให้ตัวเอง รอให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงมาถึงค่อยฆ่าเย่เทียนเฉิน เช่นนั้นความกล้ำกลืนก็จะมีที่ระบาย เขาจะทำให้เย่เทียนเฉินไม่กล้าลงมือกับตนเองอีก ไม่กล้าต่อต้านพี่ชายของตนอีก

เย่เทียนเฉินมองเซวียนเยวี๋ยนอวี่ครั้งหนึ่ง มุมปากประดับด้วยรอยยิ้ม เดินมุ่งหน้าไปยังเซวียนเยวี๋ยนอวี่ทีละก้าว ทำให้เซวียนเยวี๋ยนอวี่ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าวตามสัญชาตญาณ อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “แก อย่าคิดจะทำอะไร…”

“ได้ข่าวว่าพี่ชายของแกกลับมาแล้วเหรอ? อยู่ไหนล่ะ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“หึ รู้จักกลัวแล้วหรือ? สายไปแล้ว แกลงมืออัดฉัน จะต้องตายอย่างแน่นอน ถือโอกาสที่พี่ชายของฉันยังมาไม่ถึง คุกเข่าโขกหัวสำนึกผิดกับฉันอย่างว่าง่ายซะ บางทีอาจจะทำให้แกตายโดยมีศพสมบูรณ์ก็ได้!”

เซวียนเยวี๋ยนอวี่คิดว่าเย่เทียนเฉินกลัวขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นจึงได้ยืดอกขึ้น มองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วกล่าวขึ้น ความโหดเหี้ยมที่ไม่เหมาะสมกับอายุของเขา นักศึกษาชายหญิงแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงที่อยู่รอบๆ เห็นแล้วต่างมีความรู้สึกรังเกียจ ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่ง จะโอหังอะไรมากมาย แค่ฝ่ามือเดียวก็ตบเขาจนตายได้แล้ว นี่เป็นความคิดในใจของใครหลายคน เพียงแต่ไม่กล้าเคลื่อนไหวก็เท่านั้น

เพี๊ยะ!

เย่เทียนเฉินเคลื่อนไหวแล้ว ยังคงเป็นการตบหน้า ตบจนเซวียนเยวี๋ยนอวี่ทรุดลงกับพื้น มุมปากมีเลือดไหลออกมา เห็นได้ชัดว่าการตบในครั้งนี้รุนแรงขนาดไหน ตบจนเซวียนเยวี๋ยนอวี่มึนงง สมองมีเสียงดังหึ่งหึ่งออกมา

“แก…แก…” มือขวาของเซวียนเยวี๋ยนอวี่กุมอยู่ที่ใบหน้า มองเย่เทียนเฉินด้วยความหวาดกลัว จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า ทั้งๆ ที่เย่เทียนเฉินรู้ว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงพี่ชายของเขากำลังจะมาถึง ก็ยังกล้าตบเขาอีก

“ฉันจะถามแกอีกครั้ง พี่ชายของแกอยู่ไหน?” เย่เทียนเฉินเลยถามด้วยรอยยิ้ม

“ฉัน…ฉันไม่รู้ แต่ยังไงวันนี้แกก็ต้องตายแน่นอน!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่มองเย่เทียนเฉินด้วยใบหน้าอัปลักษณ์แล้วตะโกน

พลั่ก!

เย่เทียนเฉินใช้ขากระทืบลงไปบนใบหน้าของเซวียนเยวี๋ยนอวี่ เหยียบขยี้เซวียนเยวี๋ยนอวี่จนกรีดร้องออกมาเสียงดัง กับคนถ่อยน่ารังเกียจเช่นเซวียนเยวี๋ยนอวี่ เย่เทียนเฉินเองก็ไม่เกรงใจ อายุน้อยก็ยังโหดเหี้มยมถึงขนาดนี้ โตไปแล้วจะเป็นอย่างไร? ไม่สู้ทำให้หายไปจากโลกนี้ให้เร็วหน่อย นำความสงบสุขกลับมาให้คนธรรมดา

“อา… หน้าฉัน…” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ร้องเสียงดัง มือทั้งสองจับอยู่ที่ข้อเท้าของเย่เทียนเฉิน รู้สึกว่ากระดูกบนใบหน้าของตนถูกเหยียบจนหัก ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

“คนอย่างแกยังต้องใช้ใบหน้าอีกเหรอ? ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของแกยังต้องการหน้าอีกเหรอ? ในเมื่อไม่ต้องการ ฉันเย่เทียนเฉินก็จะเหยียบมันให้แหลกเหลวเอง!” เย่เทียนเฉินโมโหขึ้นมาแล้ว ออกแรงเหยียบที่เท้าเพิ่มขึ้น

“ไม่ อย่าฆ่าฉัน พะ…พี่ชายของฉันจะมาถึงแล้ว เขาจะไม่ปล่อยแกไปแน่!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ตะโกนออกมาเสียงดัง

“ฉันกำลังถามแกว่า เซวียนเยวี๋ยนเถิงพี่ชายของแกอยู่ที่ไหน จะพูดเรื่องไร้สาระมากมายไปทำไม?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเย็นชา

“ฉัน ฉันไม่รู้…ควรจะใกล้ถึงแล้ว แกปล่อยฉันไปตอนนี้ก็ยังทัน!”

เซวียนเยวี๋ยนอวี่ถูกทำเอาตกใจ เดิมทีเขาคิดว่าพี่ชายของตนกลับมา เย่เทียนเฉินจะไม่กล้าทำอะไรเขาอีก ทำได้เพียงยอมให้เขาฆ่าแกง ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินกลับไม่ยอมทำเช่นนั้น ไม่ว่าพี่ชายของคุณจะมาหรือไม่ หากมาหาเรื่องเขาก็ต้องถูกอัดอย่างไม่ต้องสงสัย

………………………………..