ตอนที่ 377 หน้าด้าน! + ตอนที่ 378 จุดยืนของเขา!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 377 หน้าด้าน!

“คนพวกนี้หนังหน้าหนายิ่งนัก!” เฟิ่งเซียวแผดเสียงอย่างโกรธเคือง ความโมโหครั้งนี้ดึงโดนบาดแผลภายในจึงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

“ท่านผู้นำตระกูล สุขภาพท่านยังไม่ดี จะโกรธมากไม่ได้นะขอรับ”

เหลิ่งหวาข้างๆ พูดขึ้นแล้วมององครักษ์คนนั้น เอ่ยอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง “เรื่องภายในจวนยกให้พวกท่านไปจัดการแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมยังมาถามเรื่องนี้ถึงที่นี่อีก? สุขภาพท่านผู้นำตระกูลไม่สู้ดีนายท่านกำชับไว้ว่าจะโมโหมากไม่ได้ หากอาการแย่ลงเจ้าจะรับผิดชอบกับผลที่ตามมาได้รึ?”

ได้ยินคำพูดนี้องครักษ์คนนั้นก็อึ้งไปพักหนึ่ง คล้ายจะนึกไม่ถึงว่าเหลิ่งหวาที่คอยเฝ้าท่านผู้นำตระกูลอยู่เงียบๆ มาตลอดราวกับมนุษย์ล่องหนจะเอ่ยปากพูดออกมาเช่นนี้ ฟังความหมายเหมือนให้พวกเขาตัดสินใจจัดการเอาเองโดยไม่ต้องรบกวนท่านผู้นำตระกูล

หากผู้นำตระกูลหมดสติไม่ฟื้นก็เรื่องหนึ่ง ทว่าเขายังฟื้นอยู่ หากถือวิสาสะทำเรื่องภายในจวนไปโดยไม่ขอก่อนพวกเขาก็กังวลว่าจะทำได้ไม่ดี

“ไป ไล่กลับไปซะ! ยามนี้ตระกูลเพิ่งเราเป็นเพียงตระกูลหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอีกแล้ว ต่อให้ถือป้าคำสั่งผู้ครองแคว้นมาก็ต้องไล่กลับไป! ยังเพ้อฝันจะเอาเหล่าไป๋ของเสี่ยวจิ่วไป? ช่างหน้าไม่อายจริงๆ!”

เฟิ่งเซียวพูดเสียงเกรี้ยวกราด เพียงกลัวว่าจะดึงบาดแผลภายในจนเจ็บจึงใช้มือหนึ่งกุมอกไว้ขณะเดียวกันก็ชะลอเสียงลงพร้อมระงับความโกรธ

“ขอรับ!”

หลังได้รับคำสั่งองครักษ์ถึงจะถอยไป ก่อนจะหมุนตัวก็มองไปทางหนุ่มน้อยที่กำลังวุ่นอยู่กับการรินน้ำให้ผู้นำตระกูล คนคนนี้ในสายตาพวกเขาเป็นหนุ่มน้อยที่ไม่สะดุดตาเท่าไหร่ แต่คำพูดเช่นนั้นรวมถึงความเด็ดขาดและดุดันในคำพูดกลับทำให้คนต้องมองเขาเสียใหม่

ชายชราสองคนนอกจวนยืนมือไพล่หลัง เห็นประตูบานใหญ่ไม่เปิดอยู่นานความโกรธจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้า หนึ่งคนในนั้นส่งเสียงหึหนักๆ “นี่มันนานแค่ไหนแล้ว? ไปรายงานใครกัน? ทำไมนานเพียงนี้ยังไม่เปิดประตูอีก?”

“ภายในจวนนี้ไม่มีคนดูแลแล้วก็ไม่เหมือนเดิม แม้แต่ระเบียบเล็กน้อยยังไม่รู้ความ” ชายชราอีกคนพูดอย่างกระฟัดกระเฟียด

หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นพวกเขาก็ไม่ประทับใจจวนตระกูลเฟิ่งนี้แม้แต่น้อย กับคนที่ผู้ครองแคว้นต้องการสังหารแน่นอนว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้า ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ผู้เฒ่าจวนหายตัวไป เฟิ่งเซียวยังนอนปางตาย เหลือแค่แม่หนูน้อยบอบบางคนหนึ่งจะแบกรับอะไรได้?

หากไม่ใช่เพราะยังมีกององครักษ์นั้นอยู่ เดาว่าจวนตระกูลเฟิ่งนี้อาจถูกล้มล้างและยึดครองเมื่อไหร่ก็ได้ เช่นวันนี้ที่พวกเขามาถึงที่นี่ มีหรือผู้ครองแคว้นจะไม่รู้? เป็นไปได้อย่างไร? ที่จริงผู้ครองแคว้นแค่อยากเห็นเสียหน่อยว่าจวนตระกูลเฟิ่งจะรับมือเช่นไรได้ และจะทำอย่างไรให้กององครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งมาอยู่ในมือ

ตามที่พวกเขารู้ ช่วงนี้เขากำลังวางแผน เชื่อว่าอีกไม่นานกลุ่มอำนาจแต่ละฝ่ายในเมืองจะลงมือจัดการกับจวนตระกูลเฟิ่ง ถึงเวลาคุณหนูใหญ่เฟิ่งชิงเกอต้องไปขอร้องผู้ครองแคว้นอย่างไม่มีทางเลือกแน่นอน แล้วค่อยสบโอกาสทำให้นางส่งมองกององครักษ์กลับสู่ราชสำนัก ถึงตอนนั้นจวนตระกูลเฟิ่งคงไม่มีอะไรน่าชมแล้วจริงๆ

บอกว่าจะไม่แต่งงานสานสัมพันธ์อะไร? ช่างน่าขันเสียจริง!

หากไม่มีที่พึ่งอย่างจวนตระกูลเฟิ่ง เฟิ่งเซียว หรือผู้เฒ่าคนนั้น ไม่ต้องพูดถึงแต่งเป็นชายารอง ต่อให้เป็นนางสนมถึงเฟิ่งชิงเกอไม่ยอมก็ต้องแต่ง!

เวลานี้เองประตูใหญ่จวนก็เปิดออก ทั้งสองเงยหน้ามองไปด้วยหัวใจขุ่นเคือง เมื่อเห็นองครักษ์ทั้งหกเดินออกมาจึงขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมเป็นพวกเจ้า? คุณหนูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่งไม่อยู่บ้านรึ? ทำไมแค่ไปบอกกล่าวถึงยุ่งยากเพียงนี้?”

“เชิญสองท่านกลับไปก่อนเถอะขอรับ! ช่วงนี้จวนเราไม่ต้อนรับแขก” องครักษ์คนหนึ่งในนั้นกล่าวเสียงเข้ม จ้องสองคนนั้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

………………………………………………….

ตอนที่ 378 จุดยืนของเขา!

พอได้ยินคำพูดนี้ทั้งสองก็ยิ่งโกรธอย่างเห็นได้ชัด หนึ่งในนั้นตะคอกว่า “ช่างกล้านัก! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใครถึงได้กล้าปฏิเสธ?”

“ใครมาก็เหมือนกัน เชิญสองท่านกลับไปเถอะ!”

พวกเขาหกคนขวางอยู่ตรงประตูมองสองชายชราที่ค่อยๆ กดดันมาด้วยหน้าถมึงทึง วรยุทธ์พวกเขาไม่ถึงระดับพรรพชนนักรบแต่หากอาจารย์พวกเขามา หึ! ไม่ต้องพูดถึงสองคนนี้หรอก ต่อให้มาอีกสองก็ต้องคลานออกไป!

อาจเพราะคิดว่าจวนตระกูลเฟิ่งในยามนี้ไม่ได้น่าเกรงขาม ชายชราทั้งสองเห็นพวกเขาขวางประตูไว้ไม่ให้เข้าไป หนึ่งในนั้นจึงก้าวยาวเดินเข้าไปสะบัดแขนเสื้อตะโกนว่า “หลบไป! ข้าจะเข้าไปพบคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่ง หากพวกเจ้ากล้าขัดขวางก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

พวกเขาตกใจกับแรงกดดันจากชายชราคนนั้น ร่างกายสะดุ้งถอยห่างเล็กน้อยในทันที กำลังจะลงมือก็ได้ยินเสียงหนึ่งลอยมา

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

พอเสียงนั้นดังมาทุกคนตรงหน้าประตูจวนก็มองไปยังผู้มาใหม่ตามเสียง เพียงเห็นมู่หรงอี้เซวียนในชุดคลุมสีม่วงมือหนึ่งวางไว้ข้างหน้าอีกมือหนึ่งไพล่หลังก้าวเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาคร่ำเครียดเล็กน้อย คิ้วขมวดกันเบาๆ จ้องมองชายชราสองคนนั้นด้วยสายตาที่มีความแหลมคมและไม่ชอบใจ

“ทั้งสองท่านเป็นคนข้างกายเสด็จพ่อไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาก่อเรื่องหน้าประตูจวนตระกูลเฟิ่งเล่า?” น้ำเสียงที่อ่อนโยนในวันวานยามนี้มีความเคร่งขรึมและไม่พอใจ สายตาที่จ้องมองชายชราทั้งสองเฉียบคมปานกระบี่ราวกับจะมองความคิดพวกเขาออก

“คารวะท่านอ๋องสาม”

ชายชราทั้งสองเห็นว่าผู้มาใหม่คือมู่หรงอี้เซวียนก็ตกใจเล็กน้อยพักหนึ่งกลับไม่กล้าแสดงออกมา ทว่ายังคารวะไปตามระเบียบ ในสายตาพวกเขาตอนนี้แม้มู่หรงอี้เซวียนเป็นเพียงท่านอ๋อง แต่พรสวรรค์และกำลังเขายังโดดเด่นยิ่งนักในหมู่คนรุ่นเยาว์ ความสำเร็จในอนาคตต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ ถึงกับห่างไกลจากมู่หรงป๋อไปมาก ด้วยเหตุนี้ต่อหน้าเขาทั้งสองจึงไม่กล้าเหิมเกริมจนเกินไป

แต่มู่หรงอี้เซวียนยกเลิกการหมั้นหมายกับเฟิ่งชิงเกอแล้ว ทำไมยังปรี่มาจวนตระกูลเฟิ่งบ่อยๆ อีก? ตามที่พวกเขารู้ คนภายในจวนก็ไม่ได้ชอบเขามากเท่าไหร่!

“ท่านอ๋องสาม”

องครักษ์หกนายประสานมือคารวะ จากนั้นสายตาจึงมองผ่านบนร่างชายชราทั้งสองที่หลุบตาลงน้อยๆ ไม่พูดไม่จา ฟั่นหลินเอ่ยปากบอกว่า “ภายในจวนมีคำสั่ง ช่วงนี้ปิดประตูไม่รับแขกใครมาก็ไม่ขอพบ หลังพวกเราชี้แจงสองท่านนี้ไม่ยอมออกไปซ้ำยังจะบุกเข้ามา บอกว่าต้องการนำของมาแลกเปลี่ยนกับเหล่าไป๋ม้าของคุณหนูใหญ่ตระกูลเรา จะขอถามท่านอ๋องสามสักหน่อย ไม่ทราบว่านี่เป็นความตั้งใจของผู้อาวุโสสองท่านนี้หรือผู้ครองแคว้น?”

มู่หรงอี้เซวียนที่ได้ยินคำพูดนี้กวาดมองไปทางชายชราสองคนนั้นด้วยสายตาตึงเครียดเล็กน้อย “เรื่องนี้เป็นความจริงรึ?”

“คือ…”

ทั้งสองลังเล เงียบอยู่นานไม่ปริปาก

เห็นท่าทีทั้งสองมู่หรงอี้เซวียนก็ใบหน้าบึ้งตึง บอกว่า “จวนตระกูลเฟิ่งยังคงเป็นตระกูลผู้ปกปักษ์แคว้น ต่อให้ส่งมอบอำนาจไปแล้วหรือแม่ทัพเฟิ่งล้มลง ข้าก็ไม่อนุญาตให้ใครรังแกคนจวนตระกูลเฟิ่งแม้แต่น้อย! ครั้งนี้ข้าจะไม่ถือสาหาความกับพวกท่าน หากมีครั้งต่อไปต่อให้เสด็จพ่อปกป้องพวกท่านข้าก็ไม่ปรานีแน่!”

น้ำเสียงเขาทั้งดุดันและมีความขึงขัง คนคนหนึ่งที่เดิมเคยอบอุ่นสง่างามพอโกรธขึ้นมาก็ทำให้คนไม่กล้ามองตาเขาตรงๆ คำพูดเอ่ยออกมาอย่างเสียงดังทรงพลัง ไม่เพียงทำให้ชายชราทั้งสองรับรู้ถึงจุดยืนของเขา ยังทำให้คนจวนตระกูลเฟิ่งที่แอบสังเกตอยู่รอบๆ รู้ว่าเขาจะปกป้องจวนแห่งนี้!

องครักษ์ทั้งหกเห็นเช่นนี้ก็แปลกใจอยู่บ้าง ไม่นึกว่ามู่หรงอี้เซวียนจะปกป้องจวนเช่นนี้ เพื่อคุณหนูใหญ่งั้นรึ?

…………………………