ตอนที่ 816 ใช้ชีวิตต่อไป

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

หลังงานแถลงข่าวของถังหนิง ทีมประชาสัมพันธ์ของไห่รุ่ยได้ออกคำแถลงการณ์เพื่อเน้นย้ำว่าการเสียชีวิตของสวี่ซินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับถังหนิง เช่นเดียวกับเรื่องที่ประชาชนจะยอมรับหรือไม่นั้น ไม่มีผลกระทบใดๆ กับถังหนิง

 

 

ดังนั้นบรรดาคนที่ก่อนหน้านี้เคยคาดหวังจะได้เห็นหนึ่งในสองสิ่งจากถังหนิง จึงได้พบว่าการตอบรับของถังหนิงนั้นทั้งเป็นไปตามคาดและคาดไม่ถึง

 

 

ถังหนิงเลือกที่จะตัดใจจากอาชีพของเธอมากกว่าที่จะยอมสูญเสียความเป็นผู้บริสุทธิ์ เธอไม่ได้ใช้วิธีการที่ใช้ตามปกติ เธอไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้และไม่ได้โค้งขอขมา เธอไม่แม้แต่จะร้องไห้เพียงเพื่อปกป้องอาชีพของเธอเอง

 

 

จะมีใครหน้าไหนอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ การตอบรับของถังหนิงไม่เพียงแต่ทำให้บรรดาสื่อกลายเป็นกลุ่มตัวตลก ทั้งยังทำให้ทุกคนที่รู้สึกโกรธแค้นกับเหตุการณ์ดังกล่าวรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนโง่ด้วย

 

 

‘นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อชี้แจงความจริง โดยอ้างว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการตายของสวี่ซิน!’

 

 

‘ถังหนิงย้ำจุดยืนของตนเองต่อการเสียชีวิตของสวี่ซิน และเลือกรักษาความถูกต้องเหนืออาชีพของตัวเอง’

 

 

หลังจากนั้น ประชาชนเริ่มพากันออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

 

 

[พูดมาได้ยังไงว่าไม่เกี่ยวกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าเอาแต่พูดอ้างลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานหรอกเหรอ]

 

 

[ไม่มั่นใจเกินไปหน่อยเหรอ สวี่ซินตายไปแล้วนี่ ถังหนิงจะช่วยขอขมาง่ายๆ เพื่อให้คนตายไปสู่สุคติไม่ได้หรือไงกัน]

 

 

[ไม่แปลกใจที่ได้รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม แม้แต่ในชีวิตจริงยังแสดงละครเลย]

 

 

[ในเมื่อไม่ต้องการอาชีพนี้แล้วก็จำคำของตัวเองไว้ให้ดีแล้วกัน ถ้ามาประกาศว่าจะกลับมาแสดงอีกก็เท่ากับฉีกหน้าตัวเอง…]

 

 

 

 

ใช่แล้ว นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ประชาชนต่างเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อถังหนิง พวกเขาบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเกลียดถังหนิงเพราะความสงสารที่มีต่อสวี่ซินหรือเพราะการที่ถังหนิงไม่ยอมสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจมากพอให้พวกเขาเสพ

 

 

ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาเปิดเผยประวัติการป่วยทางจิตของสวี่ซิน ซึ่งเอเจนซี่ของสวี่ซินปกปิดเอาไว้มาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการจะสูบเลือดสูบเนื้อจากเธอเพื่อชื่อเสียงของตัวเอง

 

 

ขณะเดียวกัน ถังหนิงได้กลับไปยังกองถ่ายของ ‘ผู้รอดชีพ’

 

 

“ถังหนิง การได้เห็นคุณต้องเสียหายมากขนาดนี้ทำให้ผม…” ผู้กำกับแสดงความรู้สึกผิดของเขาที่มีต่อถังหนิงเมื่อทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง “บางทีผมอาจจะกลัวเกินไปว่าตัวเองจะถูกทำลาย ผมเลยไม่กล้าพอที่จะพูดปกป้องคุณ ที่สำคัญกว่านั้นคือผมรู้ว่าถ้าคราวนี้ผมออกไปพูดอะไร ผมก็เป็นแค่ตัวละครที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

 

 

“แทนที่จะรับความเสี่ยงตรงนั้น ผมคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าผมกลับมาทุ่มเทให้กับการกำกับหนังเรื่องนี้และรอคุณกลับมา ผมเชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถบอกทุกคนได้ในที่สุดว่าสิ่งที่พวกเขาสรุปกันมันผิด”

 

 

ผู้กำกับไม่ได้ทำถูกหรือผิด เขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

 

 

เขาไม่มีความกล้าพอที่จะออกมาพูดปกป้องถังหนิง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เหยียบย่ำเธอในขณะที่เธอล้ม

 

 

เขาถึงขนาดเก็บ ‘ผู้รอดชีพ’ เอาไว้รอเธอ

 

 

“จากนี้ไปฉันอยากขอให้ผู้กำกับเข้มงวดขึ้นเป็นพิเศษด้วย”

 

 

ถังหนิงไม่มีอะไรจะพูดอีก เพราะด้วยสถานะปัจจุบันของเธอ หากเธอเปลี่ยนผู้กำกับ ผู้กำกับคนใหม่คงไม่สุภาพแบบนี้แน่

 

 

“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะเข้มงวดเหมือนแต่ก่อน!” ผู้กำกับพยักหน้าด้วยความมั่นใจ

 

 

เหลือฉากที่ต้องถ่ายทำอีกไม่มากแล้ว ขณะที่ถังหนิงใช้เวลาทุกวันขลุกอยู่กับการถ่ายทำ คำก่นด่าจากภายนอกก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพื่อปกป้องถังหนิงจากการระรานของบรรดานักข่าว โม่ถิงจัดให้ที่อยู่ของถังหนิงเป็นความลับโดยสมบูรณ์

 

 

ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับประวัติการรักษาของสวี่ซิน

 

 

ต่อให้ประชาชนปฏิเสธที่จะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาพูด อย่างน้อยข้อมูลชิ้นนี้จะช่วยลดความเข้าใจผิดที่มีต่อถังหนิงลงได้

 

 

ไม่นานนัก คำแถลงการณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าได้ถูกปล่อยออกมาทางเว็บไซต์ทางการของตำรวจ

 

 

เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย สิ่งที่ตำรวจทำได้มีเพียงการตำหนิว่าเอเจนซี่ของสวี่ซินทำเรื่องผิดศีลธรรม เพราะถังหนิงได้รับความเสียหายมากกว่าที่พวกเขาได้รับเสียอีก

 

 

[หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนต่ออย่างเงียบๆ เพื่อหาหลักฐานในคดีนี้ ในที่สุดเราก็ได้ประวัติการรักษาของสวี่ซินมาไว้ในมือ

 

 

[สามปีก่อนสวี่ซินได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างอ่อน

 

 

[หลังจากนั้น อาการของเธอแย่ลงและทำให้เธอกลายเป็นคนสองบุคลิกเมื่อสองปีก่อน แต่เธอยังคงทำงานและไม่ได้รับการรักษาอย่างเป็นกิจจะลักษณะ

 

 

[เอเจนซี่ของสวี่ซินจงใจปกปิดอาการป่วยของเธอเป็นความลับและพยายามทำลายข้อมูลการรักษาทั้งหมดของเธอหลังจากที่เธอฆ่าตัวตาย

 

 

[สวรรค์รู้ดีว่าความถูกผิดจะได้รับการเปิดเผย เราหวังว่าทุกคนจะได้ตาสว่าง ไม่ทำร้ายตัวเองและผู้อื่นเพียงเพราะการคาดเดาของตัวเอง]

 

 

หลังจากคำแถลงการณ์ดังกล่าว บางคนเริ่มตั้งคำถามกับสาธารณะว่า [ถึงจุดนี้พวกคุณยังเชื่ออยู่อีกไหมว่าถังหนิงฆ่าสวี่ซิน]

 

 

ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีบางคนออกมาเปิดเผยว่าสวี่ซินไม่ใช่คนดีงามนัก หนังทุกเรื่องที่เธอเล่น เธอจะนอนกับใครสักคนในนั้น ตราบใดที่เธอได้รับผลประโยชน์ เธอยินดีจะทำทุกอย่าง จึงไม่แปลกใจที่สุดท้ายถังหนิงเลือกที่จะโทรหาบรรณาธิการของโกลบัลสไตล์และบอกพวกเขาว่าอย่าจ้างสวี่ซิน

 

 

[ต่อให้เอเจนซี่เป็นฝ่ายที่ควรรับผิดชอบเรื่อง ถังหนิงก็เป็นคนจุดประเด็นอยู่ดี]

 

 

คราวนี้ผู้คนเริ่มโต้เถียงความเห็นแบบนี้ [คนที่เขียนอะไรแบบนี้ต้องไม่เคยเจอคนที่มีอาการไบโพลาร์มาก่อนแน่ๆ ต่อให้ไม่มีใครมากระตุ้น คนที่เป็นไบโพลาร์ก็สามารถฆ่าตัวตายได้ทุกเมื่อ บางทีถังหนิงอาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้จริงๆ]

 

 

[ต่อให้ถังหนิงมีหรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปักกิ่งก็ไม่มีที่ให้ยืนเธออีกแล้ว]

 

 

[เอเจนซี่ในวงการนี่มันปลิงดูดเลือดชัดๆ ไม่มีอะไรปกติเลยสักอย่าง]

 

 

ความจริงที่ได้รับการเปิดเผยโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ช่วยให้ถังหนิงได้รับความเข้าใจมากขึ้นนัก แต่ถังหนิงเองก็ไม่ได้ต้องการมันอยู่แล้ว

 

 

ในเวลานี้ เธอเพียงแต่ทุ่มเทให้กับการถ่ายทำในส่วนสุดท้ายของ ‘ผู้รอดชีพ’ เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะสังเกตว่าในโลกออนไลน์กำลังเกิดอะไรขึ้น

 

 

แน่นอนว่าในช่วงเวลาเช่นนี้ หลินเฉี่ยนได้ทำการจดทะเบียนเอเจนซี่ของพวกเธอและเตรียมการในเรื่องต่างๆ อย่างเหมาะสม

 

 

หลงเจี่ยได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเธอและหมายตาศิลปินคนแรกตามคำแนะนำของถังหนิงเอาไว้แล้ว

 

 

ศิลปินวัยสิบเก้าปีคนนี้มีชื่อว่าลัวเซิงและตอนนี้เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งในวงบอยแบนด์เล็กๆ ที่มีชื่อว่าเอสเอ็มวาย

 

 

เนื่องจากใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ทำให้ถูกสมาชิกคนอื่นๆ กีดกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขาถูกเอเจนซี่ของตัวเองละเลยเพราะเขาปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในข้อตกลงที่มีการยัดใต้โต๊ะ

 

 

เด็กหนุ่มคนนี้เคยได้รับรางวัลเกี่ยวกับการร้องเพลงมาแล้วมากมายก่อนจะเปิดตัว ใครจะไปคิดว่าหลังจากเข้าสู่วงการบันเทิง เขาจะกลายเป็นแบบนี้

 

 

วงการบันเทิงไม่เคยมีความยุติธรรมให้กับคนดี

 

 

สองเดือนต่อมา ในที่สุด ‘ผู้รอดชีพ’ ก็ถ่ายทำเสร็จสิ้น แม้หนังเรื่องนี้จะไม่ควรการเผยแพร่ ผู้กำกับได้พูดกับถังหนิงขณะที่เธอกำลังกลับบ้าน “ผมซื้อลิขสิทธิ์ของหนังเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ดังนั้นผมจึงมีสิทธิ์ที่จะเผยแพร่มัน ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่มีคนให้การสนับสนุนมากเท่าไหร่

 

 

“แต่ไม่ต้องห่วง ผมจะทำให้พวกที่กังขาในหนังเรื่องนี้ทุกคนต้องรู้สึกเสียใจ”

 

 

ถังหนิงไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แค่เธอแค่รู้ว่าการได้เล่นบทบาทที่ยอดเยี่ยมจนเสร็จสิ้นก็เพียงพอสำหรับเธอที่จะใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่รู้สึกเสียใจอะไรแล้ว

 

 

หลังจากนี้เธอยังต้องเผชิญความท้าทายอีกมาก

 

 

พวกคนที่ดูถูกและกังขาในตัวเธอยังต้องเฝ้าดูเธออีกนาน เธอจะไม่ล้มง่ายๆ แน่

 

 

เธอจะหาหนทางอื่นในการใช้ชีวิตต่อไปละทำให้คนพวกนั้นโกรธจนกระอักเลือด