การต่อสู้ครั้งที่สามกับไห่เจิ้ง

แปลโดย iPAT

 

“ฟิ้ว…”

 

เงาร่างสายหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วท่ามกลางกอหญ้าสูง

 

ครู่ต่อมาเสียงของการเคลื่อนไหวก็หยุดลงขณะที่ไห่เจิ้งล้มตัวลงบนพื้นใกล้กับลำธารสายหนึ่ง

 

ไห่เจิ้งหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและแทบไม่สามารถขยับร่างกาย

 

สภาพปัจจุบันของเขาเลวร้ายมาก

 

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดไหล อาการบาดเจ็บของไห่เจิ้งสาหัสมากแต่เขาชินชากับมันแล้ว

 

นี่เป็นบาดแผลที่ไห่เจิ้งได้รับมาจากการต่อสู้กับผู้อมตะเผ่าไห่

 

หากเผ่าไห่ไม่ต้องการจับเป็นไห่เจิ้ง เขาคงตายไปนานแล้ว

 

‘ข้ามาถึงขีดจำกัดในที่สุด’ ไห่เจิ้งกัดฟันและพยายามจะลุกขึ้นจากพื้น

 

เดิมทีเขาเป็นสุภาพบุรุษที่หล่อเหลาและมีเสน่ห์ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขากลับไม่น่ามอง

 

ทันใดนั้นรูม่านตาของไห่เจิ้งพลันหดเล็กลงอย่างกะทันหัน

 

“ผู้ใด?” ไห่เจิ้งตะโกนไปทางก่อหญ้าสูงที่อยู่ไม่ไกลนัก

 

กอหญ้าค่อยๆเปิดออกและเผยให้เห็นไห่ลั่วหลันที่อยู่ภายใต้หน้ากาก

 

ดวงตาของนางลุกไหม้ขึ้นด้วยเพลิงแค้นและความเกลียดชัง

 

“เป็นเจ้า!” ไห่เจิ้งตกใจมาก เขาผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะและล้มลงอีกครั้ง

 

เขาพยายามประคองตัวนั่งอยู่บนพื้นแต่ในใจเต็มไปด้วยความกังวล

 

หากเขาถูกเผ่าไห่จับกุม เขายังสามารถรักษาชีวิต แต่หากเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของไห่ลั่วหลัน เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

 

“ไห่เจิ้ง ผู้ใดจะคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้” ไห่ลั่วหลันเดินเข้าไปหาไห่เจิ้งอย่างช้าๆด้วยความหยิ่งผยอง

 

โชคชะตาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดา

 

ผู้ใดจะคิดว่าไห่เจิ้งจะจบลงในสภาพนี้

 

แน่นอนว่าไห่ลั่วหลันไม่เคยคิดมาก่อน

 

เมื่อโอกาสที่ดีที่สุดมาถึง ไห่ลั่วหลันย่อมไม่ยอมทิ้งโอกาสที่จะแก้แค้น อย่างไรก็ตามนอกจากความเกลียดชัง นางยังรู้สึกเวทนาไห่เจิ้งเล็กน้อย

 

สองพ่อลูกมองหน้ากัน

 

เวลาราวกับหยุดนิ่ง

 

“อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น!” ไห่เจิ้งกรีดร้องและพยายามลุกขึ้น

 

เขายอมรับความโกรธและความเกลียดชังของไห่ลั่วหลันแต่เขาไม่สามารถยอมรับความสงสารในดวงตาของนาง

 

ไห่เจิ้งผู้ยิ่งใหญ่ไม่ต้องการความสงสารจากผู้ใด

 

สายลมพัดกลุ่มเมฆสีดำลอยเข้าปกคลุมพื้นที่

 

ระลอกคลื่นก่อตัวขึ้นในลำธารก่อนที่เสียงของเทพธิดาหลี่ซานจะดังขึ้น “เป็นทิวทัศน์ที่ดี สถานที่ไร้นามแห่งนี้จะเป็นที่ตายของเจ้า ไห่เจิ้ง”

 

ไห่เจิ้งหัวเราะเย้ยหยันก่อนจะหันหน้าไปรอบๆด้วยความยากลำบาก “สุนัขลอบกัดที่ลอบโจมตีพยัคฆ์? ไม่ใช่ว่ายังมีคนอื่นอีกงั้นหรือ? ออกมา!”

 

ฟางหยวนปกปิดกลิ่นอายของตนและไม่ขยับเขยื้อนราวกับไม่ได้ยินเสียงของไห่เจิ้ง

 

“เจ้าเป็นพยัคฆ์งั้นหรือ? หึ เจ้าเป็นเพียงสุนัขที่กำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น สุนัขขี้ขโมย รับความตาย!” ไห่ลั่วหลันไม่ปิดบังความเกลียดชังของตนและส่งหมัดออกไปทันที

 

หมัดของไห่ลั่วหลันสร้างแรงอัดอากาศระเบิดออกไปข้างหน้าอย่างรุนแรง

 

ฟางหยวนรู้สึกว้าวุ่นใจเมื่อเห็นการโจมตีนี้ ‘นี่เป็นเพียงท่าไม้ตายระดับมนุษย์ แต่ด้วยสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง มันจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ออกมา’

 

ไห่เจิ้งรู้สึกถึงภัยคุกคาม หากเขาถูกโจมตีโดยตรง เขาอาจตายทันที

 

“ฟิ้ว…”

 

ไห่เจิ้งกัดฟันกระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนและเปลี่ยนตนเองเป็นเงาดำเคลื่อนที่หลบออกไปด้านข้าง

 

หมัดแรกของไห่ลั่วหลันพลาดเป้าแต่นางยังไล่ล่าต่อไป

 

ไห่เจิ้งรวดเร็วมาก ไห่ลั่วหลันถูกทิ้งไว้ข้างหลังหลายสิบเมตร

 

ในความเป็นจริงแม้ไห่เจิ้งจะสูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬแต่เขายังมีวิญญาณอมตะศรทมิฬ

 

ระหว่างการต่อสู้ร้อยวันที่หุบเขาเหล่าโป กลุ่มผู้อมตะนิกายเงาช่วยคิดค้นท่าไม้ตายใหม่ๆให้เขา หนึ่งในนั้นคือท่าไม้ตายเงาดำที่เขาใช้หลบหนีอยู่ในขณะนี้

 

“ไห่เจิ้ง หยุดอยู่ตรงนี้!” เทพธิดาหลี่ซานตะโกน ในเวลาเดียวกันต้นไม้จำนวนมากก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ท่าไม้ตายอมตะสวนลูกแพร์!

 

ไห่เจิ้งเปลี่ยนทิศและหลบหนีออกจากอาณาเขตของสวนลูกแพร์ด้วยความเร็วสูง

 

แต่ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากลับปรากฏตัวขึ้นปิดกั้นเส้นทางของเขาเอาไว้

 

ฟางหยวนไม่ได้ใช้รูปลักษณ์ของซิงเซียงซื่อ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการต่อสู้บนเส้นทางความแข็งแกร่ง

 

เขายังลอบอนุมานเส้นทางการหลบหนีของไห่เจิ้งล่วงหน้าและใช้กองกำลังภูตมนุษย์ซุ่มโจมตีอยู่ในบริเวณนั้น

 

นี่ทำให้การเคลื่อนไหวของไห่เจิ้งติดขัด

 

อย่างไรก็ตามไห่ลั่วหลันยังอยู่ห่างจากไห่เจิ้งค่อนข้างมาก

 

เมื่อเห็นไห่เจิ้งกำลังจะหลบหนี เทพธิดาหลี่ซานรีบส่งข้อความไปหาฟางหยวน “หยุดเขา เร็วเข้า!”

 

ฟางหยวนเปิดเผยตัวและบินเข้าไปหาไห่เจิ้ง

 

เทพธิดาหลี่ซานขมวดคิ้วลึก จากความเร็วของฟางหยวน นางสามารถบอกได้ว่าเขาไม่สามารถหยุดไห่เจิ้ง

 

ในความเป็นจริง ฟางหยวนไม่มีความคิดที่จะหยุดไห่เจิ้ง

 

ไห่เจิ้งเป็นจุดอ่อนของไห่ลั่วหลัน ตราบเท่าที่ไห่เจิ้งยังมีชีวิตอยู่ ฟางหยวนยังสามารถใช้คนผู้นี้เป็นเครื่องมือจัดการกับไห่ลั่วหลัน

 

ฟางหยวนต้องการรู้เพียงว่าครั้งนี้เขาจะมีโอกาสจับตัวไห่ลั่วหลันหรือไม่

 

แต่เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของไห่เจิ้ง เขารู้ทันทีว่าโอกาสจับตัวไห่ลั่วหลันแทบเป็นศูนย์

 

หากไม่สามารถจับตัวไห่ลั่วหลันในครั้งนี้ เขาจะปล่อยไห่เจิ้งไป

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากสัญญาพันธมิตรที่ผูกมัดอยู่ ฟางหยวนจึงต้องกระทำการบางสิ่ง

 

ไห่เจิ้งหัวเราะเมื่อเห็นการปรากฏตัวของฟางหยวน “ในที่สุดเจ้าก็ออกมา น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถจับข้า”

 

หลังกล่าวจบคำ ไห่เจิ้งพยายามใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อหลบหนี แต่ในจังหวะนี้เสียงนกอินทรีย์กลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน

 

ภาพเงาร่างนกอินทรีย์มงกุฎเหล็กปรากฏขึ้นด้านหลังฟางหยวน

 

มันคือวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กที่ฟางหยวนกระตุ้นใช้งาน นี่ทำให้ความเร็วของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นในพริบตา

 

ไห่เจิ้งตกใจและไม่กล้าชะลอความเร็วของตน

 

ฟางหยวนลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

 

เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้ หลังจากทั้งหมดวิญญาณระเบิดพลังของเขาเป็นวิญญาณระดับห้า ส่วนวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กเป็นวิญญาณระดับหก ภูตอินทรีย์มงกุฎเหล็กเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแบบสุ่มเท่านั้นและมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

 

‘ดูเหมือนมันจะเป็นเพราะท่าไม้ตายช่วงเวลาเปลี่ยนโชคที่ช่วยเพิ่มโชคให้ข้า ผู้ใดจะคิดว่าไห่เจิ้งจะตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถถึงเพียงนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่แผนการของข้าจะประสบความสำเร็จ’

 

ฟางหยวนรู้สึกเสียใจเล็กน้อยขณะที่ร่างของเขาพุ่งทะยานเข้าไปหาไห่เจิ้งด้วยความเร็วสูง

 

อย่างไรก็ตามไห่เจิ้งไม่ต่างจากอสรพิษที่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างคล่องแคล่ว แม้ฟางหยวนจะมีความเร็วแต่ไห่เจิ้งยังสามารถหลุดรอดไปได้อย่างฉิวเฉียด

 

เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลั่นผ่อนคลายลงและเริ่มรู้สึกตื่นเต้น

 

ด้วยการแทรกแซงของฟางหยวน ไห่เจิ้งไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป ภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลันก็สามารถเข้าใกล้ไห่เจิ้ง

 

สุดท้ายคนทั้งสามก็ปิดล้อมไห่เจิ้งเอาไว้

 

ใบหน้าของไห่เจิ้งกลายเป็นมืดครึ้มและเริ่มกรีดร้อง “พวกเจ้าต้องการให้ข้าตายแต่อย่าคิดว่าพวกเจ้าจะสามารถจากไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!”

 

การต่อสู้ปะทุขึ้นทันที

 

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

โดยไม่ต้องสงสัย ไห่เจิ้งถูกกำหราบโดยกลุ่มคนทั้งสามอย่างสมบูรณ์

 

‘น่าเสียดาย ข้าสะกดความแข็งแกร่งไว้ได้เพียงยี่สิบส่วน หากข้าสะกดความแข็งแกร่งมากกว่านี้ เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลันจะสงสัยในตัวข้า’

 

ฟางหยวนรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นไห่เจิ้งกำลังจะตาย

 

นี่เป็นการต่อสู้ครั้งที่สามกับไห่เจิ้ง

 

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนกับคนอื่นๆไม่ได้เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนแต่สภาพของไห่เจิ้งแย่เกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต่อต้านศัตรู

 

“หยุด!”

 

เสียงที่ทรงพลังดังลงมาจากท้องฟ้า แสงสีเขียวส่องสว่างไปทั่วสนามรบ

 

จากนั้นห้วงมิติก็เกิดการฉีกขาดก่อนที่แขนขนาดใหญ่ข้างหนึ่งจะพุ่งออกมาคว้าตัวไห่เจิ้งเอาไว้

 

“ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียว!” ไห่เจิ้งกรีดร้อง

 

กลุ่มของฟางหยวนล่าถอยออกไป

 

ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวเป็นค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้จากยุคบรรพกาลแต่มันยังด้อยกว่ายักษ์สวรรค์บรรพกาลของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

ค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้นี้เป็นของเผ่าไห่ นี่คือสิ่งที่คนเหนือทุกคนรู้ดี

 

การปรากฏตัวของค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวหมายความว่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่อยู่ที่นี่แล้ว

 

“พวกเราเผ่าไห่จะจัดการสมาชิกของเราเอง เราจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดสังหารเขา”

 

“ไห่ลั่วหลัน เผ่าไห่เลี้ยงดูเจ้ามาแต่เจ้ากลับทรยศเผ่าและเข้าร่วมกับฝ่ายปีศาจ นี่คือความผิดร้ายแรง จงมอบตัวซะ!”

 

ในเวลาต่อมายักษ์สีเขียวก็ฉีกกระชากห้วงมิติออกมายืนอยู่บนพื้น

 

แสงสีเขียวพุ่งออกจากหน้าผากของยักษ์เขียวตรงไปยังไห่ลั่วหลันขณะที่นางไม่สามารถขยับเขยื้อน

 

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!
ฟางหยวนถอยหลังกลับพร้อมทั้งใช้การโจมตีระดับเจ็ดที่ทรงพลังที่สุดของเขา

 

“ตูม!”

 

ลำแสงสีเขียวปะทะกับกำปั้นยักษ์อย่างรุนแรงแต่เป็นกำปั้นยักษ์ที่สูญสลายไป

 

“กลยุทธ์ที่น่าสงสาร” ยักษ์เขียวหัวเราะ

 

แต่ในจังหวะนี้วิหคเพลิงกลับพุ่งเข้าปะทะหน้าอกของยักษ์เขียวโดยไม่รู้ที่มา

 

“บึม!”

 

แรงระเบิดทำให้ยักษ์เขียวถูกส่งกลับหลังจนแทบจะล้มลงบนพื้น

 

“นางมารผลาญสวรรค์!?” ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ตกใจและโกรธมาก

 

วิหคเพลิงพิโรธคือท่าไม้ตายอมตะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนางมารผลาญสวรรค์ที่ผู้อมตะภาคเหนือทุกคนเข้าใจดี

 

แต่ในเวลาและสถานการณ์นี้ เหตุใดนางมารผลาญสวรรค์จึงมาอยู่ที่นี่?
ไม่ว่าจะเป็นคนเผ่าไห่หรือฟางหยวน ทุกคนต่างตั้งคำถามเดียวกัน