บทที่ 68.1 หญิงสาวชุดดำผู้ลึกลับ (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

เมื่อรวบรวมวัตถุดิบล้ำค่าจากร่างของสิงโตโลหิตเพลิงเสร็จแล้ว พวกเขาก็ต้องตกใจกับเสียงที่แผดดังขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาไม่นานลิงยักษ์สีดำก็โผล่ออกมาอีกหนึ่งตัว

“ระวัง!” หลินเทียนอ้าวตะโกนบอก คราวนี้เขาเริ่มขยับตัวก่อน

ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากจัดการฝูงสิงโตไปได้ไม่นาน อสูรสวรรค์อีกตัวจะมาถึงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ลิงยักษ์สีดำตัวนี้เข้าใกล้พวกเขาอย่างเงียบเชียบ อีกทั้งตำแหน่งปัจจุบันของมันก็อยู่ใกล้กับสี่น้อยมาก ท่อนแขนขนาดใหญ่ที่ยาวเกือบ 2 เมตรของมันพลันพุ่งออกไปทางสี่น้อยทันที จากนั้นมันก็แบมือออกเพื่อใช้ฝ่ามือตบลงไปยังบริเวณที่เขายืนอยู่

ลิงยักษ์ตัวนี้สูงประมาณ 3 เมตร ทั่วร่างกายปกคลุมด้วยขนสีดำมะเมื่อม ดวงตาสีเหลืองแก่ของมันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว อีกทั้งม่านพลังปราณสวรรค์รอบๆ ตัวก็ดูจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าจ่าฝูงสิงโตโลหิตเพลิงเสียอีก

สี่น้อยเคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย เมื่อได้รับการเตือนจากเสียงตะโกนของหลินเทียนอ้าว เขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาทันที

ฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ฟาดใส่ตำแหน่งที่สี่น้อยยืนอยู่ก่อนหน้านี้ทันที ทว่าด้วยทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา ร่างของเขาจึงโผล่ห่างออกไป 10 หลา เหงื่อกาฬเย็นๆ หลั่งออกมาเต็มตัวเพราะเขาเพิ่งจะรอดตายมาได้อย่างเฉียดฉิว

ในบรรดาอสูรสวรรค์ทั้งหมด แน่นอนว่าลิงยักษ์มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด ดังนั้นพวกมันจึงถูกสร้างให้มีความแข็งแกร่งทางกายภาพและมีพลังที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน แม้แต่สัตว์ตระกูลแมวที่ทรงพลังอย่างสิงโตและเสือก็มักจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับพวกมัน

มองครั้งแรกลิงยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่มีความพิเศษใดๆ แต่เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็สามารถมองเห็นเพชรเม็ดโตติดอยู่ตรงกลางหน้าผากของมันได้อย่างชัดเจน

สี่น้อยอุทานด้วยความตื่นตกใจ “มันคืออสูรวานรธาตุมืด ทุกคนระวังตัว! เจ้านี่น่าจะอยู่ในระดับเทวะขั้นแรกถึงขั้นกลาง!”

ดูจากระดับของมันเพียงอย่างเดียว อสูรวานรธาตุมืดตัวนี้ดูจะค่อนข้างคล้ายกับสิงโตโลหิตเพลิง แต่อย่าลืมคำว่า ‘ธาตุมืด’ แม้พวกมันจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่อสูรสวรรค์ที่มี 1 ใน 4 ทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็ยากจะรับมือมาก

ในวินาทีนั้นทุกคนจึงอดสงสัยกับตัวเองไม่ได้ว่า…เสือขาวตัวน้อยของโจวเหว่ยชิงเป็นตัวอะไรกันแน่! สามารถดึงดูดความสนใจของอสูรสวรรค์ระดับเทวะหลายตัวจากที่ไกลๆ ในขณะที่มันกำลังวิวัฒน์ระดับเช่นนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าพลังของเจ้าแมวอ้วนนั้นล่อตาล่อใจเพียงใด!

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมัวคิดถึงเรื่องนี้ ไม่นานทุกคนจึงเริ่มลงมือทันที สายธนูของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ขยับปล่อยลูกศรออกไปก่อนที่ใครจะทันตั้งตัว ลูกศรดอกแล้วดอกเล่าพุ่งเข้าหาดวงตาของลิงยักษ์ทันที

ชั่วพริบตานั้นชั้นแสงสีดำพลันไหลวนออกมาจากร่างของอสูรวานรธาตุมืด ลูกศรใดๆ ที่ผ่านเข้าสู่ชั้นแสงนั้นต่างก็ดูเหมือนจะถูกหลอมละลายหายไปทั้งหมดก่อนที่จะเข้าถึงร่างของมัน

อสูรวานรธาตุมืดแผดเสียงออกมาพร้อมๆ กระโจนเข้าใส่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลินเทียนอ้าวก็มาถึงตัวของมันแล้วเช่นกัน

เขาพุ่งหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กระโจนออกไปดักมันเอาไว้ โล่ประสานเต็มรูปแบบ 5 ชิ้นพลันปรากฏขึ้นในมือ พวกมันเปล่งแสงสีเหลืองเข้มข้นขณะที่เขาใช้โล่ขัดขวางอสูรวานรธาตุมืดเอาไว้ ร่างของทั้งสองพลันปะทะเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง หลินเทียนอ้าวถูกส่งกลับด้วยแรงระเบิด เขาเซถอยหลังก่อนจะกลับมายืนอยู่บนพื้นอย่างมั่นคงอีกครั้ง แต่ถึงแม้เขาจะสามารถสกัดกั้นลิงยักษ์ได้สำเร็จ โล่ของเขากลับเกิดเสียงปริร้าวขึ้นอีกหลายๆ ครั้งตามมา

“ระวัง! การโจมตีของมันมีลักษณะกัดกร่อน!” หลินเทียนอ้าวตะโกนออกมา แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์ระดับเทวะที่ทรงพลัง เขาก็ยังคงสงบนิ่งและไม่สั่นคลอน ดวงตาของเขาวาวโรจน์ ไม่มีแววลังเลขณะที่ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง แสงสีเหลืองเข้มข้นจากโล่ประสานพลันไหลวนออกมาห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ เวลาต่อมาเขาก็พุ่งเข้าหาลิงยักษ์อีกครั้ง

นี่เป็นหนึ่งในทักษะที่ฝังอยู่ในโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของเขา มีชื่อเรียกว่า ‘โล่รุกเร็ว’ ก่อนหน้านี้ ทักษะนี้สามารถทำให้สิงโตจ่าฝูงชะงักไปได้ชั่วขณะ นี่จึงถือเป็นประโยชน์ที่สำคัญของทักษะชนิดนี้

น่าเสียดายที่อสูรวานรธาตุมืดไม่ใช่สิงโตโลหิตเพลิง มันมีข้อได้เปรียบจำนวนมากกว่าสิงโตโลหิตเพลิงและพลังด้านความเร็วก็เป็นหนึ่งในนั้น ขาอันทรงพลังของมันกระแทกเข้าที่พื้นอย่างรุนแรง กลิ่นอายอำมหิตพวยพุ่งออกมาจากร่างขณะที่มันเงื้อมือทั้งสองข้างและพุ่งเข้าหาหลินเทียนอ้าวด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน

*ตูม*! เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องไปทั่วบริเวณเมื่อหนึ่งคนหนึ่งอสูรพุ่งเข้าหากันอีกครั้ง แรงปะทะดังกล่าวทำให้อสูรวานรธาตุมืดต้องไถลตัวกลับไปเกือบ 10 หลาก่อนจะหยุดลงได้ในที่สุด ส่วนหลินเทียนอ้าวก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก ร่างของเขากระเด็นถอยหลังไปหลายหลาพร้อมกับโล่ในมือและหยุดลงเมื่อกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง เพื่อระบายอาการบาดเจ็บ เขาจึงไม่อาจทำอะไรได้นอกจากกระอักเลือดออกมาคำโต

ลิงยักษ์ตัวนี้เป็นอสูรสวรรค์ระดับเทวะเช่นกัน ทว่าพลังของมันแตกต่างจากสิงโตโลหิตเพลิงเมื่อสักครู่นี้มาก เหตุผลก็เป็นเพราะอสูรวานรธาตุมืดตัวนี้นอกจากจะมีทักษะธาตุมืดที่หายากแล้ว มันยังเป็นอสูรสวรรค์ประเภทความแข็งแกร่งอีกด้วย! แม้ว่าหลินเทียนอ้าวจะใช้ทักษะของเขาเตรียมพร้อมรับแรงกระแทก แต่เขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บภายในอยู่ดี

ทว่าการปะทะกันครั้งนี้ก็ให้ผลดีเช่นกันเนื่องจากอสูรวานรธาตุมืดพลันชะงักไปชั่วขณะ เป็นอีกครั้งที่การป้องกันอันทรงพลังของหลินเทียนอ้าวได้มอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับพวกพ้องของเขา

การโจมตีของเซียวเอี๋ยนเริ่มขึ้นเกือบในเวลาเดียวกันกับที่อสูรวานรธาตุมืดถูกกระแทกกลับไป เขาโจมตีซ้ำอีกครั้งด้วยทักษะบอลอัคคีผสาน เกิดระเบิดครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อบอลอัคคีเหล่านั้นพุ่งชนเข้ากับร่างของอสูรวานรธาตุมืด ในเวลานั้นมันยังไม่สามารถขยับตัวได้เพราะการโจมตีของหลินเทียนอ้าว ม่านพลังสีดำที่มันใช้ปกป้องร่างกายก็อ่อนกำลังลงอย่างมาก แรงระเบิดจากบอลอัคคีผสานทำให้มันกระเด็นออกไปอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเส้นขนของมันมีพลังป้องกันที่ดียิ่งกว่าจ่าฝูงสิงโตโลหิตเพลิง ดังนั้นจึงดูเหมือนว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ มากนัก

น่าเสียดายที่มันกำลังต่อสู้อยู่กับคนทั้งกลุ่ม ดังนั้นการโจมตีทั้งหมดจึงยังไม่จบสิ้นง่ายๆ อู่หยาเองก็เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกันกับที่เซียวเอี๋ยนปลดปล่อยการโจมตีของตนออกไป ร่างกายของเธอลอยขึ้นไปกลางอากาศ มือแต่ละข้างเงื้อขวานขึ้นสูงและฟาดฟันลงไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

ในขณะที่ขวานของเธอแหวกอากาศลงไปสู่ลิงยักษ์เบื้องล่าง แสงสีทองเรืองรองทั้ง 2 สายพลันพุ่งเข้าหาขวานของเธอราวกับสายฟ้าฟาด เป้าหมายของมันไม่ใช่ลิงยักษ์ แต่เป็นขวานในตำนานของอู่หยา ในขณะที่แสงสีทองทั้ง 2 สายกระทบกับตัวขวาน แสงสีดำเหลือบทองดั้งเดิมของขวานก็สว่างไสวเป็นประกายขึ้นอย่างมาก

อสูรวานรธาตุมืดไม่มีเวลาเหลือมากพอ มันจึงทำได้เพียงยกแขนขึ้นป้องกันขวานยักษ์ของอู่หยาเท่านั้น

*ฉัวะ* *ฉัวะ* ท่อนแขนหนาๆของอสูรวานรธาตุมืดถูกฟันจนหักด้วยพลังโจมตีของขวานคู่ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็ยังคงเดินหน้าผ่าลึกลงไปถึงกล้ามเนื้อส่วนคออย่างโหดเหี้ยม

อสูรวานรธาตุมืดส่งเสียงร้องโหยหวนเนื่องจากความเจ็บปวด มันดิ้นเร่าไปรอบๆ ด้วยความโกรธ ระรอกคลื่นแสงสีดำและสีแดงเลือดแผ่ขยายออกมาจากร่างกายของมันทันที

สี่น้อยที่บินอยู่เหนืออากาศรีบตะโกนออกมา “ทุกคนระวัง! นั่นคือคลื่นมรณะ!”

ทันทีที่เขาพูดจบ ดวงแสงสีเหลือง 5 ดวงพลันพุ่งขึ้นไปในอากาศและกระจายตัวออกไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว 2 ดวงพุ่งไปอยู่หน้าอู่หยา 1 ดวงหน้าสี่น้อย และอีก 2 ดวงหน้าซ่างกวนปิงเอ๋อร์และขี้เมาเป่าตามลำดับ

เกิดเสียงวิ้งๆ ขึ้นขณะที่คลื่นมรณะระเบิดออกมาเป็นรัศมีวงกลม ดวงแสงสีเหลืองทั้ง 5 ดวงค่อยๆ อับแสงลงเมื่อคลื่นเหล่านั้นพยายามจะฝ่าปราการแสงสีเหลืองเข้าไปข้างใน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับการปกป้องด้วยดวงแสงทั้ง 5 นี้ไม่ได้รับบาดเจ็บโดยสิ้นเชิง ไม่นานคลื่นพลังสีดำค่อยๆ ล่าถอยกลับไปทางเดิม

ผู้ที่ช่วยชีวิตทุกคนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้คือหลินเทียนอ้าว ดวงแสงทั้งหมดเกิดจากการที่เขาแบ่งโล่ประสานของเขาออกเป็น 5 ส่วน แท้จริงแล้วดวงแสงสีเหลืองทั้ง 5 นั้นเป็นโล่ของเขาเอง แม้หลินเทียนอ้าวจะใช้พลังเต็มขีดจำกัดของตนเอง แต่พลังป้องกันของดวงแสงเหล่านั้นก็แทบจะปิดกั้นคลื่นมรณะเหล่านั้นเอาไว้ไม่ได้

คนในกลุ่มที่เหลือทั้งหมดต่างก็สามารถมองเห็นผลร้ายของคลื่นมรณะได้ พื้นที่ทั้งหมดที่ถูกคลื่นนั้นซัดผ่านถูกทำลายและเต็มไปด้วยไอแห่งความตาย ไม่ว่าจะเป็นกอหญ้า ต้นไม้ ก้อนหิน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่สลายหายไปทั้งหมด พลังทำลายล้างที่น่ากลัวเช่นนี้ทำให้ทุกคนมองเห็นผลที่ตามมาได้ชัดเจนมาก

หลังจากได้รับบาดเจ็บหนักและฝืนปลดปล่อยพลังโจมตีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันออกมา สุดท้ายอสูรวานรธาตุมืดก็เริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้าออกมาให้เห็น แม้ว่าดวงตาของมันจะยังคงจับจ้องไปที่ถ้ำตลอดเวลาก็ตาม

ชั่วพริบตานั้นเอง จู่ๆ หอกน้ำแข็งก็พุ่งพรวดออกมาก็ฝังร่างลงไปในดวงตาของอสูรวานรธาตุมืดจนทะลุและลากร่างของมันถอยไปข้างหลังอีกหลายหลา เลือดสดๆ จำนวนมากพลันไหลทะลักออกมาจากบาดแผลทั้งหมดทันที

ผู้ที่เพิ่งโจมตีครั้งสุดท้ายไปคือเย่เป่าเปา เขาใช้ทักษะธาตุน้ำของเขา ทักษะหอกน้ำแข็ง ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะเขาเป็นผู้พบโอกาสดีๆ เช่นนี้ด้วยตนเอง แต่เป็นเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปจนทักษะของเขาที่ปลดปล่อยออกมาช้าที่สุดเพิ่งจะมาถึงตัวของลิงยักษ์และแทงลงไปที่ดวงตาพอดี! เขายังคงขาดความเชี่ยวชาญในแง่การส่งสัญญาณ เข้าใจความคิดของคนอื่นๆ และทำงานประสานกันเป็นกลุ่ม เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีประสบการณ์การต่อสู้ในสนามรบจริงๆ น้อยกว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์มาก ทว่าก็ยังโชคดีที่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปด้วยดี

อู่หยาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เธอคว้าขวานประจำกายขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเหวี่ยงพวกมันออกไปตัดหัวของลิงยักษ์ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนโหดเหี้ยมทารุณ แต่เพราะอสูรสวรรค์เหล่านี้กำลังดุร้ายและบ้าคลั่ง อีกทั้งพวกมันยังมีพลังชีวิตมากมายอยู่ในตัว หากพวกเขาลังเลที่จะสังหารพวกมัน ทุกคนก็อาจจะถูกโจมตีด้วยพลังเฮือกสุดท้าย ใครก็ตามที่ไม่ระวังตัวให้ดีอาจจะได้รับบาดเจ็บหนัก หรือแย่กว่านั้นคือเสียชีวิตได้ ภายใต้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่พวกเขาอาจต้องรับการโจมตีจากสัตว์ร้ายตัวอื่นๆ หลังจากนี้อีก หากไม่รีบจัดการ มันก็อาจจะนำหายนะมาให้คนทั้งกลุ่มก็เป็นได้

ใบหน้าขอหลินเทียนอ้าวดูย่ำแย่และซีดเซียว การต่อสู้ครั้งนี้อาจจะกินเวลาไม่นานและดูเรียบง่าย แต่เขากลับใช้แรงกายแรงใจไปอย่างมหาศาลแล้ว พลังปราณสวรรค์ของเขาถูกใช้ไปแล้วมากกว่าครึ่ง และที่สำคัญคือเขายังได้รับบาดเจ็บอีกหลายครั้ง

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองดูเขาจากด้านข้าง เธอย่อมมองออกว่าทั้งสิงโตโลหิตเพลิงและอสูรวานรธาตุมืดมีพลังมากกว่าคนทั้งกลุ่ม เหตุผลเดียวที่คนในกลุ่มสามารถจัดการกับพวกมันได้เป็นเพราะการทำงานประสานกัน และที่สำคัญกว่านั้นคือเพราะหลินเทียนอ้าว

การโจมตีของหลินเทียนอ้าวมักจะออกมาถูกที่ถูกเวลาเสมอ การป้องกันและทักษะต่อสู้ที่ทรงพลังของเขาทำให้อสูรสวรรค์ระดับเทวะทั้ง 2 ตัวนี้ไม่อาจใช้พลังออกมาได้อย่างเต็มที่และถูกจัดการลงอย่างรวดเร็วด้วยการโจมตีประสานงานของทุกๆคน หากเรื่องราวไม่เป็นเช่นนั้น หากอสูรวานรธาตุมืดสามารถปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มที่ มันก็อาจจะฆ่าพวกเขาส่วนมากได้อย่างง่ายดาย หรือไม่ก็อาจจะทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าวิธีการของหลินเทียนอ้าวจะแตกต่างจากหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ แต่เป้าหมายโดยรวมก็ยังคงเหมือนกัน ทั้งหมดก็คือใช้ประโยชน์จากทักษะของแต่ละคนและการทำงานร่วมเป็นกลุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้อสูรสวรรค์ที่ทรงพลังปลดปล่อยพลังเฮือกสุดท้ายก่อนตาย

เวลาในการปรากฏตัวของสิงโตโลหิตเพลิงและอสูรวานรธาตุมืดนั้นห่างกันไม่นานนัก ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของทุกคนจึงดูจริงจังและวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โจวเหว่ยชิงหอบเสือขาวตัวน้อยเข้าไปในถ้ำเพียง 1 ชั่วโมง แต่พวกเขากลับต้องรับการโจมตีที่ทรงพลังถึง 2 ระลอกแล้ว ใครจะรู้ว่าต่อไปในอนาคตจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่อีก?

“อย่าเก็บวัตถุดิบจากอสูรสวรรค์เหล่านี้อีก แค่นำแก่นพลังออกมาให้เร็วที่สุดก็พอ ทุกคนจงพักผ่อนและฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ของตัวเองทันที” หลินเทียนอ้าวตัดสินใจและออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว