ตอนที่ 114-2 เยียหลี่ว์เหยี่ยมาเยี่ยม

ชายาเคียงหทัย

เช้าวันต่อมา ขณะที่เยี่ยหลียังอยู่ในสนามฝึกซ้อม หัวหน้าพ่อบ้านม่อก็รีบร้อนเข้ามารายงานว่า องค์ชายเป่ยหรงมาขอเข้าเฝ้า เยี่ยหลีเองก็รู้ดีว่ามีเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนกว่าๆ ซึ่งค่อนข้างกระชั้น นางไม่เพียงจะต้องคัดเลือกคนที่เหมาะสมไปแต่งงาน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือยังต้องสอนกฎระเบียบ พิธีการต่างๆ ของราชวงศ์ให้กับสตรีผู้นั้นอีกด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้มิใช่เรื่องที่จะสอนกันให้เป็นได้ภายในวันสองวัน

 

 

ตั้งแต่สถาปนาแคว้นต้าฉู่เป็นต้นมา โดยปกติจะไม่มีการส่งองค์หญิงไปแต่งงานเพื่อสานสัมพันธ์กับคนต่างแคว้น ต่อให้ต้องมีการส่งคนไปแต่งงานเพื่อสานสัมพันธ์จริง อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเวลาในการเตรียมตัวเกือบหนึ่งเดือน ครานี้ที่ม่อจิ่งฉีรับปากจะส่งคนไปแต่งงานอย่างกะทันหัน ทำให้เงื่อนไขของทั้งสองฝ่ายเปิดกว้างประหนึ่งเล่นละครให้เด็กดู ถึงแม้จะไม่มีผู้ใดคิดว่าการแต่งงานในครานี้เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ แต่เพื่อเรื่องหน้าเรื่องตาก็ยังต้องจัดให้ไม่น่าเกลียดจนเกินไปนัก

 

 

“ท่านอ๋องอยู่หรือไม่” เยี่ยหลีชักมือกลับ นำกระบี่เก็บกลับเข้าฝัก พร้อมเอ่ยถามขึ้น

 

 

หัวหน้าพ่อบ้านม่อตอบว่า “คุณชายเฟิ่งซานมาขอเข้าเฝ้าท่านอ๋องตั้งแต่เช้า ท่านอ๋องออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เยี่ยหลีพยักหน้า “เชิญองค์ชายเยียหลี่ว์ไปที่ห้องโถงใหญ่ก่อน แล้วนำรายชื่อคุณหนูในเมืองหลวงที่ข้าเตรียมไว้เมื่อหลายวันก่อนให้ท่านดูด้วย”

 

 

“พระชายา ประตูของตำหนักติ้งอ๋องนี่ช่างเข้ายากเข้าเย็นเสียเหลือเกิน” หัวหน้าพ่อบ้านม่อยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ ก็ได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะของเยียหลี่ว์เหยี่ยดังลอยมาจากที่ไกลๆ

 

 

ด้านนอกประตูทรงพระจันทร์ เยียหลี่ว์เหยี่ยหรี่ตามององครักษ์ตำหนักติ้งอ๋องที่ยืนขวางทางอยู่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ในใจนึกผิดหวังที่ตนมิอาจฝืนบุกเข้าไปได้ ไม่เสียแรงตำหนักติ้งอ๋องที่สามารถสังหารและไล่ตะเพิดนักฆ่าลึกลับจำนวนมากเช่นนั้นออกไปได้จริงๆ การอารักขาคุ้มกันแน่นหนาและยอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่าวังหลวงเป็นสิบเท่าเลยทีเดียว

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยเหลือบมององครักษ์ที่สีหน้าเรียบเฉย และมิได้ฝืนบุกเข้ามาอีก หากคนเหล่านี้ไม่ยอมให้ตนเข้าไป ตนย่อมไม่สามารถบุกเข้าไปได้ภายในเวลาอันรวดเร็วเป็นแน่ อีกอย่าง…การยั่วยุยอดฝีมือ อย่างไรก็คงได้ไม่คุ้มเสีย

 

 

“หลีกทางเถิด” เยี่ยหลีเดินเข้าไปด้านหลังองครักษ์พร้อมหัวหน้าพ่อบ้านม่อ ก่อนเอ่ยเสียงเบาขึ้น องครักษ์ทั้งหมดต่างรับคำสั่งโดยไม่ส่งเสียงพร้อมล่าถอยออกไป

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยเลิกคิ้วคมขึ้นมองประเมินหญิงสาวตรงหน้า นางดูไม่เหมือนหลายคราก่อนที่ได้พบกัน ครานี้เยี่ยหลีอยู่ในชุดเรียบง่าย ทะมัดแทมงสีขาว ช่วงเอวมีผ้าสีเขียวหยกคาดอยู่ ผมมัดรวบขึ้นง่ายๆ มิได้ผัดแป้งแต่งหน้าเลยแม้แต่น้อย เมื่อไม่มีแป้งผัดหน้านางยิ่งดูประหนึ่งภาพวาด รูปลักษณ์ไม่ธรรมดายิ่งนัก

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ข้าน้อยมารบกวนพระชายาหรือไม่”

 

 

เยี่ยหลีมองเขาด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “หากองค์ชายเป็นกังวลว่าจะรบกวนข้า เหตุใดถึงบุกเข้ามาด้านในเล่า”

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยระบายยิ้มอย่างใสซื่อ “ข้าน้อยเพียงอยากชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามภายในตำหนักติ้งอ๋องสักหน่อย ผู้ใดจะรู้ว่าตำหนักติ้งอ๋องจะมีการคุ้มกันที่แน่นหนาเช่นนี้”

 

 

การเอ่ยอ้างข้างๆ คูๆ เช่นนี้เยี่ยหลีไม่คิดว่าจำเป็นจะต้องต่อล้อต่อเถียงด้วย จึงเพียงส่งยิ้มให้เขาเรียบๆ “องค์ชายเชิญไปดื่มชาที่ห้องโถงด้านหน้าก่อนเถิด ข้าขอตัวก่อน”

 

 

“ช้าก่อน” เยียหลี่ว์เหยี่ยก้าวขึ้นหน้ามา

 

 

หัวหน้าพ่อบ้านม่อที่ยืนอยู่ข้างเยี่ยหลีก็ก้าวขึ้นหน้ามาขวางไว้ทันที ก่อนเอ่ยพร้อมยิ้มเรียบๆ ว่า “องค์ชายโปรดระวังฐานะด้วย”

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยหัวเราะเสียงก้อง “เมื่อครู่พระชายากำลังฝึกวิทยายุทธหรือ ข้าน้อยใคร่รู้ในวิทยายุทธของชาวจงหยวนนัก ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้รับเกียรติแลกเปลี่ยนความรู้กับพระชายาหรือไม่”

 

 

หัวหน้าพ่อบ้านม่อตอบว่า “ยอดฝีมือของตำหนักติ้งอ๋องมีมากประหนึ่งเมฆ หากองค์ชายคิดอยากแลกเปลี่ยนความรู้ ข้าน้อยสามารถคัดเลือกคนมาประมือเป็นเพื่อนองค์ชายได้พ่ะย่ะค่ะ ตัวข้าเองก็สามารถประลองยุทธเล่นเป็นเพื่อนองค์ชายได้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยยิ้มมองเยี่ยหลี “ข้าย่อมรู้ดีว่ายอดฝีมือของตำหนักติ้งอ๋องมีมากประหนึ่งเมฆ เพียงแต่…ข้าน้อยอยากเรียนรู้ยอดวิชาจากพระชายาติ้งอ๋องเสียมากกว่า”

 

 

เยี่ยหลีเอ่ยเรียบๆ ว่า “ข้ายังคิดว่าเมื่อคืนวานได้แสดงฝีมือให้องค์ชายเห็นแล้วเสียอีก อีกอย่าง…วิชาการต่อสู้ขององค์ชายก็เรียนรู้มาจากคนจงหยวนของพวกเรามิใช่หรือ เมื่อเป็นเช่นนั้นจะพูดเรื่องใคร่รู้ไปเพื่ออันใดกันหรือ”

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยอึ้งไป วิชาการต่อสู้ของเขาเรียนรู้มาจากคนจงหยวนจริงๆ เพียงแต่ที่พบหน้ากับนางหลายครามานี้ เขาหลีกเลี่ยงการใช้วิทยายุทธของจงหยวนมาโดยตลอด แต่ไม่อาจลอดพ้นสายตาผู้อื่นไปได้หรือนี่

 

 

“พระชายาสายตาแหลมคมยิ่งนัก เมื่อคืนวานด้วยความเลินเล่อข้าจึงใช้ไปสามสี่กระบวนท่า ข้าน้อยรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีวาสนาได้ประลองกับพระชายาสักเล็กน้อยหรือไม่”

 

 

เยี่ยหลีหลุบตาลงพร้อมเบี่ยงตัว “ถ้าเช่นนี้ เชิญองค์ชายเยียหลี่ว์เถิด” พูดจบนางก็เป็นฝ่ายหมุนตัวเดินเข้าไปก่อน เยียหลี่ว์เหยี่ยมองแผ่นหลังของเยี่ยหลีพร้อมลอบยิ้มด้วยความยินดี ก่อนเดินตามนางเข้าไป

 

 

เมื่อเข้าไปยังกำแพงด้านใน ลานฝึกที่เขาเห็นทำให้เยียหลี่ว์เหยี่ยรู้สึกผิดหวังไม่น้อย ลานฝึกที่ซ่อนอยู่ลึกสุดด้านในของเรือนหลังและไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออก กลับไม่ต่างอันใดกับลานฝึกที่อื่นๆ แต่เมื่อลองคิดอีกทีก็ดูจะสมเหตุสมผล ม่อซิวเหยาพิการมาเป็นเจ็ดแปดปี คงไม่มีโอกาสได้ใช้ลานฝึก อีกทั้งต่อให้ตำหนักติ้งอ๋องมีความลับอันใด ก็คงไม่มีทางนำมาไว้ในตำหนักที่มีโอกาสที่คนจะบุกเข้ามาได้ตลอดเวลาเป็นแน่ ถึงแม้หลายปีมานี้จะยังไม่เคยมีผู้ใดบุกเข้ามาได้สำเร็จก็เถิด

 

 

แต่ที่เขาไม่รู้คือ เพียงครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ที่นี่มิได้อยู่ในสภาพนี้ แต่เยี่ยหลีมีตัวเลือกที่ดีกว่า ถึงได้สั่งให้ถอดอุปกรณ์ที่ง่ายและธรรมดาเหล่านั้นทิ้ง ส่วนการฝึกในแต่ละวันของนางก็มิได้ใช้ของเหล่านั้นเช่นกัน

 

 

เยี่ยหลีเดินเข้าไปกลางลาน ก่อนหมุนตัวกลับมามองเยียหลี่ว์เหยี่ยที่เดินตามหลังเข้ามา เอ่ยเรียบๆ ว่า “องค์ชายเยียหลี่ว์ เชิญ”

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ ยามนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่า พระชายาติ้งอ๋องมิได้รับมือได้ง่ายอย่างที่เขาคิดไว้ เขาไม่เชื่อว่าเยี่ยหลีจะมองไม่ออกว่าเขามิได้ตั้งใจจะประมือกับนางจริงๆ แต่นางกลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ เพียงเดินเข้ามากลางลานฝึกและรอให้เขาลงมือก่อน และถึงขั้นแสดงสีหน้าให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นแขก จึงจะต่อให้เขาก่อนสักสามสี่กระบวนท่า ถือเป็นมารยาทในการรับแขก ซึ่งนี่ทำให้เยียหลี่ว์เหยี่ยถึงกับยิ้มไม่ออก จะประลองยุทธทั้งทียังต้องให้สตรีเป็นฝ่ายต่อให้ก่อน หากข่าวนี้แพร่ออกไปเกรงว่าเขาคงได้ถูกพี่ชายรัชทายาทของเขาหัวเราะเยาะจนงอหายเป็นแน่

 

 

เขาเป็นองค์ชายเจ็ดของเป่ยหรง ฐานะสูงส่ง รูปลักษณ์ไม่ธรรมดา สตรีของเป่ยหรงต่อให้เป็นคนเปิดเผยและห้าวหาญเพียงใด เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาอย่างไรก็อดไม่ได้ที่จะต้องหน้าแดงขึ้นมาบ้าง แต่สตรีตรงหน้านี้ ไม่ว่าเขาจะตั้งใจเอ่ยยั่วนางกี่ครั้ง นางกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลยแม้แต่น้อย สตรีนางหนึ่งหากถูกบุรุษที่เป็นเลิศไม่เหมือนคนทั่วไปทำดีด้วยเช่นนี้แล้วยังสามารถรักษาท่าทีสบายๆ ไว้ได้เช่นนี้ ก็มิอาจไม่กล่าวได้ว่า สตรีผู้นั้นเป็นคนที่รับมือด้วยยากพอดูทีเดียว

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยเอ่ยยิ้มๆ ขณะที่เดินเข้าไปในลานฝึกว่า “พระชายาจะไม่ใช้อาวุธใดๆ เลยหรือ พระชายากำลังฝึกเพลงกระบี่อยู่หรือ”

 

 

เยี่ยหลีตอบเรียบๆ ว่า “องค์ชายก็พูดเองว่าข้ากำลังฝึกเพลงกระบี่ ของที่ยังฝึกอยู่จะกล้านำออกมาใช้ให้ขายหน้าได้อย่างไร”

 

 

เยียหลี่ว์เหยี่ยพยักหน้า “ข้ารู้สึกว่าการใช้อาวุธสั้นของพระชายานั้นไม่เลวทีเดียว” จะแค่ไม่เลวได้อย่างไร นึกถึงการจ้วงแทงโดยไม่ตั้งใจนักเมื่อคืนวานแล้ว ยังทำให้เขาอดรู้สึกเสียงแวบขึ้นมาไม่ได้ “เชิญพระชายา”

 

 

“เชิญ” เยี่ยหลีเอ่ย