ตอนที่ 863-864

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 863+864 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 863 เตะถูกแผ่นเหล็ก

แต่ถ้าหากได้ที่โหล่ในการแข่งขัน หรือขึ้นมาไม่ได้เลย เช่นนั้นเธอคงขายหน้ามหาศาล!

“ใชแล้ว การทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบวิชาเหินหาวของพวกเจ้า มิใช่อย่างอื่น ดังนั้นไม่อนุญาตให้ใช้เคล็ดวิชาอย่างอื่น! ผู้ฝ่าฝืนจะได้รับบทลงโทษจากข้า!” ตี้ฝูอีที่อยู่ตรงนั้นเสริมขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง

ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมพรียงอีกครั้ง

ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้สายตาดั่งคบเพลิง ไม่มีใครกล้าเล่นแง่ต่อหน้าเขา

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงเตะถูกแผ่นเหล็กที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มา

ตอนที่ใช้วิชาเหินหาวเหาะลงไปเธอไม่ช้ากว่าคนอื่นเท่าไหร่ อย่างไรเสียการลงก็ทำได้ง่ายๆ อย่างมากท่าทางการโคจรวิชาเหินหาวกลางอากาศยามที่เธอกระโดดลงไปก็ดูน่าเกลียดไปหน่อยเท่านั้น ยังไม่ได้เผยอะไรออกมา

แต่ตอนที่ต้องขึ้น เธอประสบความยุ่งยากมหันต์!

เหล่าศิษย์ต่อให้ทฤษฎีขั้นพื้นฐานยอดเยี่ยมสักแค่ไหน แต่วิชาที่สูงส่งซับซ้อนเหล่านี้ก็ยากมากที่จะนำมาปฏิบัติได้ทันที

ตอนเพื่อนร่วมชั้นแทบทุกคนเริ่มโคจรวิชาเหินหาวล้วนเหาะเป๋ไปเป๋มาทั้งสิ้น ราวกับว่าวสายป่านขาด ลอยโซเซอยู่ในอากาศ

แต่พอค่อยๆ ไป ในการล้มเหลวแต่ละครั้งทุกคนก็เริ่มจับเคล็ดของวิชานี้ได้ ทยอยเหาะขึ้นไปคนแล้วคนเล่า…

เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างกายลดน้อยลงเรื่อยๆ กู้ซีจิ่วกลัยังคงเหาะได้สูงเช่นเดิม ความรู้พื้นฐานของเธอไม่แน่น ประกอบกับพลังวิญญาณต่ำต้อย เหาะได้สูงสุดสิบกว่าจั้งก็ร่วงงมา

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างกายหายไปหมดแล้ว แม้แต่คนที่เคยเป็นที่โหล่ของชั้นเรียนนี้ก็เหาะขึ้นไปหมดแล้ว

ใต้หน้าผาอันกว้างใหญ่เหลือเพียงตัวเธอเท่านั้น…

บนหน้าผา ศิษย์ทั้งหมดล้วนได้รับผลไม้ที่ตนควรได้รับแล้ว เชียนหลิงอวี่เหาะขึ้นมาเป็นคนแรก ดังนั้นเขาจึงหยิบผลไม้ลูกที่ใหญ่ที่สุด เขาไม่ได้กินมัน แต่เก็บไว้ในถุงเก็บของ

หลังจากเขขึ้นมาได้ก็มองลงไปด้านล่างอย่างร้อนรนอยู่ตลอด มองเห็นเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างล่างเหาะขึ้นมาคนแล้วคนเล่า มองเห็นกู้ซีจิ่วร่วงลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า…

ยามที่เห็นว่าใต้หน้าผาหลอเพียงกู้ซีจิ่วคนเดียว ตัวเขารู้สึกแย่มาก!

เขาเข้าใจนิสัยชอบเอาชนะของกู้ซีจิ่วดี ไม่ว่ากระทำเรื่องใดล้วนต้องทำให้ดีที่สุด ถึงแม้พลังวิญญาณของนางจะต่ำ แต่นางก็อาศัยการพลิกสถานการณ์ต่อสู้จนชิงชัยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ต่อให้เป็นชั้นเมฆาม่วงห้องหนึ่งมียอดฝีมือมากมายดั่งเมฆา นางก็ยังได้รับความนับถือจากเหล่าศิษย์มากมาย ถึงขั้นว่ามีศิษย์ไม่น้อยที่เคารพยกย่องนาง

เคารพที่นางสร้างโอกาสพลิกผันได้มากมายในการต่อสู้ เคารพที่นางสามารถใช้อ่อนสยบแข็งสร้างปาฏิหาริย์ได้

แม้กระทั่งบรรดาอาจารย์นั้เรียนก็ล้วนชมชอบนาง เนื่องจากนางเป็นศิษย์ที่เล่าเรียนอย่างเอาจริงเอาจังมานะบากบั่นที่สุด นางทราบอยู่เสมอว่าตัวเองต้องการอะไร ถึงแม้พลังวิญญาณของนางจะต่ำต้อยที่สุด แต่ความสำเร็จในการเรียนรู้ของนางกลับเพียงพอให้มองหยามทุกคนในชั้นเรียนนี้ได้!

นางที่ชอบเอาชนะถึงเพียงนั้น จะยินยอมล้าหลังได้อย่างไร?

แต่ยามนี้นางรั้งท้ายแล้ว ซ้ำยังอยู่ภายใต้สายตาจดจ้องของฝูงชนอีก!

เรื่องนี้จะกระเทือนนางอย่างมหาศาลปานใดกัน?

เชียนหลิงอวี่แทบไม่กล้าคิด!

เขาอดไม่ได้จึงส่งกระแสเสียงไปหานาง ‘ซีจิ่ว ใช้วิชาเคลื่อนย้ายของเจ้าผสานกับวิชาตัวเบาเหาะขึ้นมาสิ! ไม่น่าจะมีผู้ใดมองออกหรอก เจ้าขึ้นมาก่อนเถอะ!’

หลานไว่หูวนเวียนอยู่ที่ริมหน้าผาอย่างร้อนรน เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วตกเป็นที่โหล่ ก็รู้สึกทุกข์ยิ่งกว่าตอนตนตกเป้นที่โหล่เสียอีก! นางอดไม่ได้ที่จะลอบมองตี้ฝูอี

ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้นั่งอยู่ตรงนั้น บนหน้าสวมหน้ากากเงินไว้ ทำให้คนไม่มีทางมองเห็นสีหน้าของเขา เขาแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นปานขุนเขา เบื้องหน้าเขามีชาที่ชงไว้แต่แรกแล้ว ตอนที่การแข่งขันเพิ่งเริ่ม เขาดื่มชาอย่างสำราญบานใจ แต่ยามนี้เขากลับไม่ดื่มชานั้นมาสักพักแล้ว

————————————————————————————-

 บทที่ 864 ควรหาคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับตน

หลานไว่หูเปิดปากเอ่ยอย่างอดไว้ไม่อยู่ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเจ้าคะ ซีจิ่วมีความเข้าใจสูง แต่พลังวิญญาณของนางยังไม่ถึงขั้นจริงๆ ไว่หูคิดว่าไม่ควรจะเรียกร้องจากนางมากเกินไป…”

ตี้ฝูอีกลับไม่มองนาง และไม่ทราบว่าได้ยินเข้าหูหรือไม่ เขากำลังมองธูปดอกหนึ่งที่อยู่ในกระถางธูปเบื้องหน้า ก่อนหน้านี้เขาพูดไว้ชัดเจนว่าถ้าธูปไหม้หมดดอกแล้ว หากว่ายังไม่สามารถขึ้นมาได้ เช่นนั้นก็ถือว่าไม่เหมาะกับวิชานี้ ต้องได้รับบทลงโทษจากเขา

เขาไม่ได้กล่าวว่าบทลงโทษคืออะไร แต่ทุกคนอ้างอิงจากรูปแบบบทลงโทษในอดีตของท่านทูตสวรรค์ผู้นี้ลงโทษคน ต่างรู้สึกว่าบทลงโทษนี้น่าจะไม่ง่ายดายแน่นอน ไม่แน่อาจถูกนำไปขังให้รับความทุกข์ทรมานในแดนหวงห้ามอันใดสักแห่ง

กล่าวกันว่ายามที่เขาลงโทษสานุศิษย์สวรรค์คนอื่น แค่พูดยังไม่ทันลงมือทำโทษ สานุศิษย์สรรค์คนอื่นก็เจ็ปวดอย่างยิ่งแล้ว เนื่องจากบทลงโทษของเขาไร้สิ่งใดให้กริ่งเกรง สามารถลอกหนังคนทั้งป็นได้…

ส่วนผู้อื่นที่มิใช่สานุศิษย์สวรรค์ พอได้ยินเขาเอ่อยออกมาสองคำว่าลงโทษ เช่นนั้นก็คือเรื่องน่าหวาดผวา ผู้ที่ถูกลงโทษมักจะหวาดหวั่นจนขี้หดตดหาย ปรารถนาให้บิดามารดาไม่ต้องกำเนิดตนออกมาสุดหัวใจ…

เช่นนั้นหนนี้บทลงโทษของเขาจะเป็นแบบไหนกัน?

หลานไว่หูโมโหยิ่งนัก!

อย่างไรเสียสิ่งที่นางพบเห็นก็มากกว่าผู้อื่น ตกตัวอย่างเช่นเห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสวมกางเกงให้ซีจิ่ว เห็นซีจิ่วกดท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายลงบนโต๊ะ เห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับกู้ซีจิ่วจูงมือกันเข้านอกออกในพร้อมกัน…

ถึงแม้ต่อมาจะอธิบายกระจ่างแล้วว่านั่นเป็นเพียงละครหลอกผู้บงการเบื้องหลังเท่านั้น แต่ลางสังหรณ์ของจิ้งจอกน้อยยังคงเฉียบไวยิ่ง นางรู้สึกอยู่เสมอว่าทั้งสองคนในยามนั้นมิใช่การเล่นละคร

ต่อให้เริ่มแรกคือการเล่นละคร แต่ผู้ใดเล่าจะรับประกันได้ว่าในการแสดงฉากสุดท้ายคือการแสร้งเล่นละครจริงๆ?

ยิ่งไปกว่านั้นคือในวันนั้นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายพูดเองกับปากว่า ‘ข้าไม่เคยเล่นละครเลย’ ดังนั้นมีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนที่จะหวั่นไหวเข้าจริงๆ!

ส่วนซีจิ่วระยะนี้สนิทสนมกับหลงซือเย่ ซีจิ่วเองก็เคยบอกกับนางว่าชอบหลงซือเย่ ดังนั้นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอาจรักจนก่อเกิดเป็นความแค้นคิดแก้แค้นซีจิ่ว! ยไม่เพียงแต่เย็นชาต่อนางในยามปกติเท่านั้น ยามนี้ยังวางผนให้นางขายหน้าผู้อื่นที่นี่ด้วย!

ต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน!

ชั่วช้าจริงๆ!

สาสมแล้วที่เขาไมได้ครองใจซีจิ่ว!

เมื่อกล่าวมาเช่นนี้ เขาหางชั้นกับเจ้าสำนักหลงนก อยางนอยเจ้าสำนักหลงก็เคารพสิทธิของซจิ่วมาโดยตลอด ไม่เคยทำให้ซีจิ่วลำบากใจเลย…

หลานไว่หูโมโหยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะส่งกระแสเสียงไปหาเชียนหลิงอวี่ แสดงออกถึงความไม่พอใจของตน เช่นหลิงอวกีคู่แค้นคนเดียวกับนาง ส่งกระแสเสียงกลับไป ‘เจ้าพูดถูก! ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ไม่คู่ควรกับซีจิ่วของพวกเราจริงๆ แต่ว่าเจ้าสำนักหลงผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับนางเช่นกัน เจ้าอย่าลืมนะ หลงซือเย่อายุมากกว่าท่านปู่น้อยของข้าอีก! มองหาคนที่ชอบพอ ก็ควรหาคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับตนสิถึงจะเหมาะสม’

มือของตี้ฝูอีที่นั่งอยูหลังโต๊ะยาวกุมถ้วยชาใบหนึ่งอยู่ ปลายนิ้วซีดขาวรางๆ

ถึงเขาจะไม่ได้มองลงไปด้านล่าง แต่ก็สามารถจับสัมผัสนางได้ สัมผัสถึงวามพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าของนาง และการร่วงหล่นครั้งแล้วครั้งเล่า…

ถึงทุกครั้งจะเหาะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็พิชิตความสูงของหน้าผานี้ไม่ได้

ส่วนเหล่าศิษย์คนอื่นๆ ก็ยืนอยู่ริมหน้าผาพากันมองลงไป

ช่วงนี้กู้ซีจิ่วโดดเด่นมากเกินไป ใหญ่ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้านลม อีกทั้งระยะเวลาที่นางอยู่ในชั้นเมฆาม่วงห้องหนึ่งก็สั้นเกินไป คนมากมายยังคงระแวดระแวงเธออยู่ และมีคนไม่น้อยที่อยากเห็นเรื่องน่าขบขันของเธอ…

ยามนี้ยากนักที่จะได้เห็นช่วงเวลาที่เธอเสียหน้าถึงเพียงนี้ ดังนั้นคนบางส่วนจึงมองอย่างเบิกบานนัก…

แน่นอน เธอก็คบหาสหายไม่น้อยเช่นกัน สหายเหล่านั้นร้อนใจแทนเธอยิ่ง แต่ก็ช่วยเหลือเธอไม่ได้

ชั่วชีวิตนี้กู้ซีจิ่วยังไม่เคยเป็นที่โหล่เช่นนี้มาก่อนเลย!

และไม่เคยขายขี้หน้าถึงเพียงนมาก่อนเช่นกัน

หลังจากเดาเจตนาของตี้ฝูอีได้ทะลุปรุโปร่ง ในใจเธอก็เสมือนซุกซ่อนกาต้มน้ำเอาไว้ ทำให้เลือดลมเธอเดือดปุดๆ ไมอาจรวบรวมสมาธิได้ชั่วคราว

————————————————————————————-