บทที่ 186 ตบหน้าเซวียนเยวี๋ยนเถิงสามครั้ง

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

การมาถึงของเซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่สามารถหยุดยั้งการลงมือสั่งสอนเซวียนเยวี๋ยนอวี่ของเย่เทียนเฉินได้เลยแม้แต่น้อย เขาตัดสินใจแล้วว่าจะถอนวัชพืชให้ถึงราก ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือ เซวียนเยวี๋ยนเถิงและเซวียนเยวี๋ยนอวี่ สองพี่น้องนี้ไม่ฆ่าไม่ได้ หากปล่อยเอาไว้ก็จะกลายเป็นหนามยอกอกชิ้นใหญ่ในภายหลัง

เซวียนเยวี๋ยนอวี่ถูกเย่เทียนเฉินโยนไปบนอากาศ ไชเท้าเตะไปครั้งหนึ่งราวกับลูกฟุตบอลจนปลิวออกไป ปะทะกับนักฆ่าชั้นยอดทั้งสองคน และไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการชน เพราะนักฆ่าทั้งสองคนนั้นเห็นเซวียนเยวี๋ยนอวี่ที่ถูกเย่เทียนเฉินโยนมาก็ไม่กล้าหลบ ทำได้เพียงรับเอาไว้เท่านั้น แต่ว่าแรงเตะของเย่เทียนเฉินรุนแรงยิ่งนัก รวมกับน้ำหนักร่างกายของเซวียนเยวี๋ยนอวี่ นักฆ่าสองคนจึงถูกชนจนล้มลงกับพื้น

“น้อง น้อง…” เซวียนเยวี๋ยนเถิงก้มตัวลงดูเซวียนเยวี๋ยนอวี่ผู้เป็นน้องชายที่มีเลือดไหลออกจากมุมปาก ตะโกนออกมาเสียงดัง

นักฆ่าชั้นยอดทั้งสองคนลุกขึ้น พวกเขาไม่ได้สนใจเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ต่างพากันพุ่งเข้าไปใส่เย่เทียนเฉิน เนื่องจากเซวียนเยวี๋ยนเถิงจะให้พวกเขาฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้ ต่อให้เป็นการฆ่าคนต่อหน้าผู้คนมากมาย เย่เทียนเฉินก็จำเป็นต้องตาย

“เย่เทียนเฉิน แกกล้าลงมือกับน้องชายของฉัน ฉันจะฆ่าทุกคนของตระกูลเย่ของแก!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงมองเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยมแล้วตะโกนออกมา

“อย่ามาทำเป็นใหญ่ต่อหน้าบิดา แกคิดว่าแกเป็นใคร? สามารถตัดสินชีวิตของคนอื่นได้ตามใจเหรอ? จะคิดว่าตัวเองใหญ่เกินไปแล้ว!”

ในเมื่อเย่เทียนเฉินลงมือแล้วก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป บิดาขี้เกียจจะไปพูดจาไร้สาระกับเซวียนเยวี๋ยนเถิงอย่างแก ไว้หน้าแล้วไม่ยอมรับ ถ้างั้นบิดาก็จะอัดหน้าแกซะ

“แก…ถ้ามันซะ ฆ่ามันซะ!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงตะโกน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงจะไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวหลายปีเพราะสาเหตุบางอย่างภายในตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของโลกเบื้องหลัง ก่อนหน้านี้หลายปี ตั้งแต่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง ชื่อเสียงของคุณชายใหญ่เซวียนเยวี๋ยนของเขาก็โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนที่กล้าต่อต้านเขาต่างก็ถูกกำจัดไปหมดแล้ว ส่วนใหญ่ตายกันไปแล้ว และเรื่องที่ทำให้สั่นสะท้านที่สุดก็คือ เด็กในเมืองหลวงคนหนึ่งถูกเซวียนเยวี๋ยนเถิงทำร้ายจนพิการตลอดชีวิต ส่วนเซวียนเยวี๋ยนเถิงกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ว่าความตื้นลึกหนาบางของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมากมายขนาดไหน

ในตอนนี้บุคคลที่ตื่นตะลึงที่สุด กระทั่งกล่าวได้ว่าไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาตนเองก็คือเหล่านักศึกษาชายหญิงที่ล้อมดูอยู่รอบๆ เหล่านั้น จะอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่า เซวียนเยวี๋ยนเถิงมาถึงแล้วจะโอหังและบ้าอำนาจถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่กล้าผายลมต่อหน้าเย่เทียนเฉินเลยแม้แต่คนเดียว เย่เทียนเฉินอยากจะอัดก็อัด อยากจะฆ่าก็ฆ่า คำพูดนั้นกระจ่างชัดแล้ว เซวียนเยวี๋ยนเถิงบ้าอำนาจ? ต่อหน้าเย่เทียนเฉินก็เป็นแค่ไก่เท่านั้น!

เมื่อได้ยินเซวียนเยวี๋ยนเถิงออกคำสั่ง นักศึกษาชายหญิงที่ล้อมดูก็ถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังนักฆ่าชั้นยอดทั้งแปดคนที่พุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉิน เซวียนเยวี๋ยนเถิงโกรธแล้ว และยังจะฆ่าเย่เทียนเฉินต่อหน้าทุกคนด้วย ความโอหังบ้าอำนาจของเขาต่างแสดงออกมาทั้งหมด

หลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาจับมืออีกฝ่าย ฝ่ามือมีเหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมา พวกเธอเป็นห่วงเย่เทียนเฉิน เซวียนเยวี๋ยนเถิงบ้าเกินไปแล้วจริงๆ ถึงกับจะฆ่าเย่เทียนเฉินต่อหน้าทุกคน และยังส่งนักฆ่าชั้นยอดทั้งแปดคนที่เป็นลูกน้องไปลงมือ ไม่สนใจกฎหมายบ้านเมืองโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าหากเซวียนเยวี๋ยนเถิงต้องการฆ่าคน ไม่ว่าใครก็ขวางไม่ได้

หลังจากที่ เย่เทียนเฉินใช้เท้าถีบเซวียนเยวี๋ยนอวี่จนกระเด็นออกไป เมื่อเห็นว่านักฆ่าชั้นยอดทั้งแปดคนพุ่งเข้าใส่ตน เขาก็ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน หมัดทั้งสองกำแน่นจนส่งเสียงดังกรอบแกรบออกมา ต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนี้เขาย่อมไม่อาจใช้พลังพิเศษได้ เนื่องจากในสายตาของคนปกติทั่วไป พลังพิเศษเป็นความลึกลับและเป็นเหลือเชื่อ เกรงว่าจะทำให้คนจํานวนหนึ่งตกใจจนตาค้างหรือกระทั่งตกใจจนสลบไป

ผัวะ!

ผัวะ!

ผัวะ!

นักฆ่าชั้นยอดสามคนพุ่งเข้ามาเบื้องหน้า ปล่อยหมัดออกไปยังจุดตายของเย่เทียนเฉินพร้อมเพียงกัน นักฆ่าชั้นยอดอีกห้าคนที่เหลือด้านหลังก็ล้อมเย่เทียนเฉินเอาไว้ ภาพเหตุการณ์ฆ่าคนหลั่งเลือดย่อมไม่สามารถให้คนอื่นเห็นได้

พลั่ก!

ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเย่เทียนเฉินจะต้องตายแน่แล้วนั้น นักฆ่าที่ปล่อยหมัดออกมาใส่เย่เทียนเฉินด้านหน้าสุดกลับปลิวออกไป ไม่มีโอกาสแม้จะส่งเสียงร้อง กระเด็นออกไปไกลห้าเมตรแล้วตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง จากนั้นจึงตกตายไปโดยไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ

หมัดนี้ของเย่เทียนเฉินไม่ได้แฝงพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันอะไรไว้เลย มีเพียงพลังของกำปั้นล้วนๆ สามารถซัดจนนักฆ่าคนหนึ่งตายไปได้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจจนคางแทบร่วง โดยเฉพาะเซวียนเยวี๋ยนเถิงที่กำลังอุ้มเซวียนเยวี๋ยนอวี่ผู้เป็นน้องชายของตนที่สลบไปแล้ว มองเหตุการณ์นี้ด้วยความตกใจ นักฆ่าชั้นยอดทั้งแปดคนของตน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่ร้ายกาจที่สุดในตระกูลเซวียนเยวี๋ยน แต่ก็เป็นบอดี้การ์ดมากฝีมือ ตั้งแต่ที่ตนมาเรียนที่เมืองหลวงพวกเขาก็ติดตามตนเองมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยพ่ายแพ้ยับเยินเหมือนวันนี้มาก่อน ถึงกับถูกเย่เทียนเฉินกำจัดด้วยหมัดเดียว นี่เป็นความอัปยศอย่างหนึ่ง

เย่เทียนเฉินไม่ได้หยุดมือ และไม่ได้เกรงใจเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ต่อยบอดี้การ์ดที่อยู่ตรงกลางสุดกระเด็นออกไปแล้วก็กวาดเท้าแตะออกไปด้านหลังเป็นแนวขวาง เตะบอดี้การ์ดมากฝีมือที่โจมตีด้านหลังของเขาอีกสองคนกระเด็นออกไป

เพียงพริบตาเดียวก็กำจัดบอดี้การ์ดออกไปได้สามคน ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์สั่นสะท้านเพราะฝีมือของเย่เทียนเฉิน การเคลื่อนไหวเด็ดขาดเฉียบคมและยังงดงาม มีสีสันตระการตายิ่งกว่าฉากบู๊ในภาพยนตร์เป็นร้อยเท่า เพียงแค่มองก็สามารถทำให้ผู้ชายเลือดร้อนหลายคนรู้สึกพลุ่งพล่าน

บอดี้การ์ดชั้นยอดอีกห้าคนที่เหลือต่างก็ขมวดคิ้ว จะอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่า เย่เทียนเฉินที่เดิมทีพวกเขาคิดจะฆ่า จะถึงกับแข็งแกร่งห้าวหาญขนาดนี้ เผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของบอดี้การ์ดยอดฝีมือทั้งสามคน ก็ยังตอบโต้ไปอย่างง่ายดายโดยไม่หลบไม่ซ่อน พริบตาเดียวก็กำจัดพวกเขาไปได้ นี่เป็นพลังการต่อสู้ระดับไหนกัน เกรงว่าพวกเขาทั้งหมดรุมเข้าไปพร้อมกันก็คงจะไม่รอด

“พวกแก พวกแกยังจะยืนบื้อทำอะไรอยู่อีก เข้าไปพร้อมกัน ฆ่ามันซะ!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงได้สติกลับมาก็ตะโกนด่าบอดี้การ์ดยอดฝีมือที่เหลืออีกห้าคน

บอดี้การ์ดยอดฝีมืออีกห้าคนนั้นรู้ตัวแล้วว่า วันนี้เจอตอแข็งเข้าให้แล้ว ต่อให้พวกเขาแปดคนรุมเข้าไปพร้อมกันก็ไม่อาจเป็นคู่มือของเย่เทียนเฉินได้ พุ่งเข้าไปก็เป็นการรนหาที่ตายเท่านั้น แต่ว่าด้วยนิสัยของเซวียนเยวี๋ยนเถิง เขาไม่อนุญาตให้ตนเองล้มเหลว โดยเฉพาะต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนี้ เขาเซวียนเยวี๋ยนเถิงแต่ไหนแต่ไรก็มีแต่ใช้เท้าเหยียบคนอื่น ไหนเลยจะถูกคนอื่นเหยียบย่ำ ดังนั้นหากพวกเขาไม่พุ่งเข้าไป เซวียนเยวี๋ยนเถิงจะต้องฆ่าพวกเขาแน่

ภาพเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง บอดี้การ์ดชั้นยอดที่เหลืออีกห้าคนพุ่งเข้าไปพร้อมกัน เย่เทียนเฉินยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ มือทั้งสองล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง เพียงแต่ขาทั้งสองข้างแตะออกไปไม่หยุด เหมือนกับเตะลูกบอล เงาร่างทั้งห้ากระเด็นออกไปอย่างต่อเนื่อง หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้

นักฆ่าชั้นยอดทั้งแปดคน บอดี้การ์ดชั้นยอดทั้งแปดแห่งตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ลูกน้องทั้งแปดที่คอยช่วยเซวียนเยวี๋ยนเถิงโอหังระรานไปทั่วมาโดยตลอด ถูกเย่เทียนเฉินจัดการต่อหน้าผู้คน ในตอนนี้กล่าวได้ว่า เซวียนเยวี๋ยนเถิงสูญเสียที่พึ่งพาทุกอย่างไปหมดแล้ว พริบตาเดียวราวกับมีความโกรธเกรี้ยวพุ่งทะยานขึ้นมา เเรกเริ่มยังพุ่งเข้าไปอย่างมาดเท่คิดจะทำให้เย่เทียนเฉินคุกเข่าร้องขอชีวิตภายใต้น้ำมือของเขา ไหนเลยจะรู้ว่า เขาจะดูเบาเย่เทียนเฉินมากเกินไป นี่เป็นคนที่ไม่สามารถใช้ตรรกะปกติมาตัดสินได้ ในตอนที่ขี้เล่นขึ้นมาก็เหมือนอันธพาล ในตอนที่จริงจังก็เหมือนกับมัจจุราช ผู้ชายเช่นนี้จะมีสักกี่คนที่ไปล่วงเกินเขาได้?

หลังจากที่กำจัดบอดี้การ์ดทั้งแปดคนแล้ว สองมือของเย่เทียนเฉินยังคงร่วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง มุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้มไร้พิษสง เดินไปยังเซวียนเยวี๋ยนเถิงอย่างเรียบเฉย สายตาของทุกคนต่างจ้องมองไปยังเย่เทียนเฉิน ใครก็คิดไม่ถึงว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงที่มีอำนาจมากมายไร้ขีดจํากัด พาบอดี้การ์ดชั้นยอดทั้งแปดคนมาเพื่อจะสั่งสอนเย่เทียนเฉิน ในตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าเย่เทียนเฉินจะต้องตายแน่แล้วนั้น เย่เทียนเฉินคนเดียวสามารถต่อต้านและพลิกสถานการณ์ได้ ทั้งยังทำได้อย่างหมดจดอีกด้วย บอดี้การ์ดชั้นยอดทั้งแปดคนของเซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่พอให้มองเลยแม้แต่น้อย

เซวียนเยวี๋ยนเถิงเห็นเย่เทียนเฉินเดินมายังตนเองด้วยรอยยิ้มก็ชะงักไป จากนั้นจึงยืดเอวขึ้น เขายังคงมั่นใจมาก ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของตนเองมีอำนาจในทางลับยิ่งใหญ่ ไม่ใช่อะไรที่ตระกูลใหญ่ธรรมดาๆ จะมาเปรียบเทียบด้วยได้โดยเด็ดขาด ภายในตระกูลมียอดฝีมือมากมาย เพียงแต่ครั้งนี้เขาดูแคลนเย่เทียนเฉินมากเกินไป คิดว่าบอดี้การ์ดชั้นยอดทั้งแปดคนนี้จะสามารถกำจัดเขาได้อย่างสบายๆ หากรู้เร็วกว่านี้ว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ จะต้องส่งยอดฝีมือของตระกูลออกมา แล้วจะฆ่าเขาให้ได้อย่างแน่นอน

“เย่เทียนเฉิน วันนี้แกล่วงเกินฉันเซวียนเยวี๋ยนเถิง วันหน้าฉันจะต้อง…”

เพี๊ยะ!

ตบลงบนใบหน้าของเซวียนเยวี๋ยนเถิงไปครั้งหนึ่ง เซวียนเยวี๋ยนเถิงคิดจะพูดจาโหดเหี้ยมออกมา เพียงแต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันพูดจบก็ต้องเผชิญเข้ากับการตบหน้าของเย่เทียนเฉิน ตบจนเซวียนเยวี๋ยนเถิงโซเซ เกือบจะทรุดลงไปกับพื้น

“แก…”

เพี๊ยะ!

ตบมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่กลับตบลงบนใบหน้าด้านขวาของเซวียนเยวี๋ยนเถิง ตบจนเซวียนเยวี๋ยนเถิงเซไปแนบลงกับประตูรถซีดาน หากไม่ใช่ว่ามีประตูรถค้ำยัน เขาคงทรุดลงไปกับพื้นนานแล้ว การตบครั้งนี้ทำให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงโยนน้องชายของลงกับพื้น โยนลงไปจริงๆ หลายคนมองจนพูดอะไรไม่ออก เซวียนเยวี๋ยนเถิงถึงกลับโยนน้องชายที่บาดเจ็บของตนลงไป ดูแล้วคนๆ นี้จะไร้มนุษยธรรมจริงๆ

“กล้าตบฉัน ฉันจะทำให้ตระกูลเย่…”

เพี๊ยะ!

ตบครั้งที่สามทำให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงกระเด็นออกไปและตกลงกระแทกพื้น มุมปากมีเลือดไหลออกมา เซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่กล้าใช้มือทั้งสองสัมผัสหน้าของตน เนื่องจากถูกเย่เทียนเฉินตบจนหน้าบวม ในปากเต็มไปด้วยเลือด

เซวียนเยวี๋ยนเถิงกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เลือดสดๆ และฟันที่ถูกตบร่วงผสมปนเปกันออกมา ดูแล้วช่างหน้าอัปลักษณ์ยิ่งนัก ในตอนที่เซวียนเยวี๋ยนเถิงเห็นฟันที่ถูกตบจนร่วงของตน ดวงตาทั้งสองพลันแดงก่ำ ใบหน้าน่าเกลียด แต่ไหนแต่ไรเขายังไม่เคยถูกคนอื่นตบเช่นนี้มาก่อน และไม่มีใครกล้าตบเขาแบบนี้ เย่เทียนเฉินไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวก็ตบหน้าเขาสามครั้งต่อๆ กัน นี่เป็นการเหยียดหยามอย่างหนึ่ง

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงจนตาค้าง เซวียนเยวี๋ยนเถิง หนึ่งในสามสุดยอดคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง ยโสโอหังระดับไหน บ้าคลั่งระดับไหน เคยมีใครกล้าตบเขาแบบนี้บ้าง? ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีอำนาจในทางลับยิ่งใหญ่ มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าไปล่วงเกิน เย่เทียนเฉินกับไม่เห็นอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง ตบตามใจชอบถึงขนาดนั้น ตบจนทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจไปหมดแล้ว

“แก…” เสียงของเซวียนเยวี๋ยนเถิงสั่นระริก มองเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน

“คนแบบแกไม่โดนตบไม่ได้ กวนตีนเกินไป!” เย่เทียนเฉินยังคงมีใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีไอสังหารเลยแม้แต่น้อย

………………………….