ตอนที่ 233

เสน่ห์คมดาบ

ทุกคนที่อยู่ข้างนอกกำลังรออย่างใจจดจ่อ เพราะที่นี่คงไม่มีใครที่ทำให้ชีอ้าวชวางบาดเจ็บได้ ดังนั้นการที่ชีอ้าวชวางเข้าไปพบกอร์ตั้นตามลำพังจึงไม่มีใครกังวล 

 

 

แต่ในช่วงเวลาต่อมาสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที 

 

 

ตูม… 

 

 

เสียงระเบิดดังอึกทึกทั่วท้องฟ้า! เกิดประกายแสงสีขาวที่แข็งแกร่งขึ้นตรงหน้าของพวกเขาจนลืมตาขึ้น ทุกอย่างปลิวไปทั่ว เศษซากของสิ่งก่อสร้างกระเด็นกระจาย ไป๋ตี้และเฮยหยู่รีบสร้างเขตกั้นขึ้นมาเพื่อป้องกันแรงระเบิดนั้นอย่างรวดเร็ว ภาพตรงหน้ามีแต่ความขาวโพลนจนมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น จากนั้นเมฆขนาดใหญ่ก็ลอยขึ้นบนท้องฟ้า 

 

 

เมื่อภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้นทุกคนก็มองเห็นภาพตรงหน้าแล้วใจของทุกคนก็จมดิ่งลงทันที 

 

 

คฤหาสน์ตระกูลฮิลล์หลังใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาพังทลายลงไปกองกับพื้นแล้ว 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น?!” เฟิงอี้เซวียนหน้าซีดและรีบวิ่งเข้าไปไม่มีใครเลย! ไม่มีแม้แต่เงาของอ้าวชวาง! 

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่หน้าซีดลงเพราะพวกเขาเป็นคู่พันธะกับชีอ้าวชวาง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของชีอ้าวชวางเลย! สิ่งนี้หมายถึงอะไรล่ะ? พวกเขาไม่กล้าคิดและไม่กล้าพูดเลย มันเป็นไปไม่ได้! มันจะเป็นไปได้อย่างไร?! 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองไปที่ซากปรักหักพังตรงหน้าแล้วมือของเขาก็สั่นเล็กน้อย เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร? หรือว่าพวกเขาจะลงมือ? เป็นไปไม่ได้! ในเมื่อพวกเขาต้องการให้ตนเองตามพวกเขาไป และพวกเขาก็รับปากแล้ว ก็ไม่น่าจะทำเรื่องที่ร้ายแรงกับนางเช่นนี้! แต่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? 

 

 

ตอนนี้สายตาของจินเหยียนเสียสมาธิไปแล้วคุณหนูคุณหนูล่ะ? 

 

 

ราเซียรีบวิ่งเข้าไปอย่างลนลาน “ท่านพี่! ท่านพี่! ท่านพี่อยู่ที่ไหน? ท่านพี่!” 

 

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังจมดิ่งอยู่กับความหวาดกลัวและสิ้นหวัง จู่ๆ ก็มีเสียงหยอกล้อดังขึ้นบนท้องฟ้า “โธ่เอ๊ย อันตรายจริงๆ หากข้าช้าอีกสักหน่อยพวกเจ้าก็คงจะไม่ได้พบเสี่ยวอ้าวชวางผู้น่ารักอีกแล้วล่ะ” ในที่สุดไป๋ตี้และเฮยหยู่ก็สบายใจแล้วเพราะว่าพวกเขารับรู้ได้ถึงชีอ้าวชวางแล้ว 

 

 

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองคามิลล์ที่อุ้มชีอ้าวชวางอยู่บนฟ้าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างตะลึง และตอนนี้ชีอ้าวชวางก็สลบอยู่ 

 

 

คามิลล์ค่อยๆ ร่อนลง จากนั้นทุกคนก็เข้ามารุมอย่างกังวล 

 

 

“สบายดี ไม่เป็นไร” คามิลล์หรี่ตาลงและยิ้ม “แต่คิดไม่ถึงจริงๆ นะว่าตาแก่เจ้าเล่ห์กอร์ตั้นจะใช้ระเบิดคริสตัลเวท ของสิ่งนั้นมันสูญหายไปตั้งหลายปีแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะยังมีอยู่ในครอบครองอีก” 

 

 

ราเซียมองคามิลล์อย่างตะลึง คามิลล์เป็นนักวิชาการไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ ๆเขาโผล่มาที่นี่ได้ล่ะ? ทำไมเขาถึงบินได้? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ระเบิดคริสตัลเวทหรือ? มันคืออะไรกัน? 

 

 

คนอื่นๆ มองชีอ้าวชวางที่หมดสติไปอย่างเป็นห่วง ที่แท้ก็เป็นระเบิดคริสตัลเวทนั่นเอง ไม่แปลกใจเลยที่มันจะพังสถานที่แห่งนี้ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าของเก่าแก่เช่นนั้นจะมีผลที่ทำให้ชีอ้าวชวางถึงแก่ความตายได้ แต่ที่คามิลล์เข้าไปช่วยชีอ้าวชวางได้ทันเวลา นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนแข็งแกร่งทั่วๆ ไปจะทำได้ ตอนนี้นอกจากทุกคนจะเป็นห่วงชีอ้าวชวางแล้วก็ยังสงสัยตัวตนของคามิลล์ด้วยที่เขาทำได้ถึงขนาดนี้ 

 

 

“นางปลอดภัยดี แค่สลบไปเท่านั้นเอง”คามิลล์พูดกับทุกคนเรียบๆ ในขณะที่อุ้มชีอ้าวชวางอยู่ “เอาละ ทุกอย่างจบลงแล้ว ที่เหลือพวกเจ้าก็จัดการไปนะ” 

 

 

เรื่องทุกอย่างดูเหมือนจะจบสิ้นลงแล้ว… 

 

 

อันพาแกรนด์ถูกยึดครองเข้าวันที่สามแล้ว จักรพรรดิแห่งลากัคมีการประกาศให้ทราบทั่วกันแล้ว เรื่องที่วิหารแห่งแสงและกอร์ตั้น ฮิลล์ ร่วมกันใส่ร้ายแคลร์ ฮิลล์ เมื่อเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่วิหารแห่งแสงทำถูกเปิดเผย ก็กลายเป็นความวุ่นวายไม่น้อยเลย ตอนนี้วิหารแห่งคำสั่งได้ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยความรวดเร็ว โดยคนดูแลก็คือคนของทางวิหารแห่งความมืดนั่นเอง วิหารแห่งความมืดถูกเปลี่ยนเป็นวิหารแห่งคำสั่งและค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างช้าๆ จักรพรรดิแห่งลากัคเป็นคนฉลาด หลังจากผ่านไปสามเดือนลากัคก็ถอยทัพกลับ ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะเผ่ามังกร และเผ่ามังกรก็กลับไปแล้ว อันพาแกรนด์ที่เดิมทีเคยแข็งแกร่งจึงไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของใครและมีการตอบโต้กลับ การทำสงครามในครั้งนี้เป็นสงครามที่ไม่ยุติธรรมนัก ดังนั้นแทนที่จะต้องมาคอยกังวลว่าจะเสียดินแดนอยู่ตลอดเวลา สู้มาทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุดดีกว่า สามเดือนต่อมา นันซีผู้เป็นจักรพรรดิของอันพาแกรนด์ก็มากอบกู้ประเทศ เขาเซ็นสัญญาที่ไม่เท่าเทียมกับลากัคและโยซาลี่โดยการยอมยกที่ดินบางส่วนเพื่อชดใช้ให้ลากัคและโยซาลี่ และส่งบรรณาการให้ลากัคทุกปี หลังจากนั้นสักพัก อันพาแกรนด์ก็หนีชะตากรรมที่ต้องกลายเป็นเมืองขึ้นของลากัคไม่พ้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกเนิ่นนานกว่าที่สถานการณ์จะเปลี่ยนไป 

 

 

………………….. 

 

 

ภายในห้องนอนหรูหรา ชีอ้าวชวางนอนหลับตาอยู่บนเตียงสีขาว นางยังไม่ฟื้น ดังนั้นตอนนี้ทุกคนจึงอยู่ในบ้านของคามิลล์ชั่วคราว 

 

 

ในขณะนี้ชีอ้าวชวางกำลังรู้สึกเหมือนนางกำลังโดดเดี่ยวอยู่บนเรือที่ไปล่องลอยอยู่กลางมหาสมุทร จบสิ้นแล้ว เรื่องทุกอย่างจบสิ้นแล้วงั้นหรือ… 

 

 

ความรู้สึกอุ่นที่หน้าผากนี้คืออะไรกัน? 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนอยู่ข้างเตียงของชีอ้าวชวางเงียบๆ เขามองไปที่ใบหน้าเรียบนิ่งของชีอ้าวชวางแล้วค่อยๆ ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของชีอ้าวชวางอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เลื่อนไปที่ใบหน้า จมูก และริมฝีปาก 

 

 

“อ้าวชวาง ดูแลตัวเองดีๆ นะ” เหลิงหลิงยวิ๋นก้มหน้าลงช้า ๆแล้วจูบที่หน้าผากของชีอ้าวชวางอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นค่อยๆ ลุกขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาวรณ์ เขาใช้เวลาทบทวนหัวใจของตัวเองอยู่นานและพบว่าในใจของเขาชีอ้าวชวางมีความสำคัญมาก… 

 

 

แต่ว่าเรื่องทุกอย่างมันสายไปแล้ว 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นยิ้มเศร้า เขายื่นมือออกไปขยี้ที่ตาขวาของตัวเองแล้วก็มีคริสตัลสีม่วงอยู่ในมือของเขา เขาเอาคริสตัลสีม่วงนั้นกดไปที่ติ่งหูข้างขวาของชีอ้าวชวางโดยไม่ลังเลเลย จากนั้นคริสตัลสีม่วงก็ฝังตัวมันเองลงที่ติ่งหูของชีอ้าวชวาง กลายเป็นต่างหูที่งดงามและเปล่งประกายดูมีเสน่ห์มาก 

 

 

“ใจกว้างมากทีเดียว” จู่ๆ ก็เสียงหยอกล้อดังขึ้น 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นหันไปตามทิศทางของเสียงก็พบคามิลล์ที่ยืนยิ้มพิงกำแพงอยู่พร้อมกับแมวล่าสมบัติที่อยู่ข้างๆ ด้วย ตอนนี้แมวล่าสมบัติเงียบไปอย่างประหลาด ดวงตาสีเหลืองอำพันของมันมองตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ 

 

 

“คามิลล์…” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงซับซ้อน 

 

 

“เจ้าปลดผนึกของเจ้าเมื่อไหร่? จำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” คามิลล์ถามด้วยรอยยิ้ม 

 

 

“ผนึกของข้าปลดไม่ได้ทั้งหมดหรอก”เหลิ่งหลิงยวิ๋นยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนที่มาลากัคไม่นานข้าก็จำได้แล้ว” 

 

 

“อ้อใ นที่สุดก็จำได้ว่าเจ้าเป็นใครสินะ?” คามิลล์เดินไปข้างหน้าแล้วมองไปที่ตาข้างขวาของเขาแล้วยิ้ม “เจ้าเอาให้นางครึ่งหนึ่งเลยงั้นหรือ?” 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นได้แต่เงียบไม่พูดอะไร 

 

 

“เจ้าจำได้ทุกอย่างแล้ว ดังนั้นก็เลยจะไปแล้วงั้นสิ?” คามิลล์ลูบคางที่งดงามของเขาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม 

 

 

“ความทรงจำยังไม่ต่อเนื่องนัก แต่ข้ารู้ตัวตนของข้าแล้ว” เหลิ่งหลิงยวิ๋นเงยหน้ามองชีอ้าวชวางที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ 

 

 

“เหอะๆ”คามิลล์หัวเราะเบาๆ “ดังนั้นเจ้าก็คิดว่าตัวตนของเจ้าทำให้อยู่กับนางไม่ได้ เจ้าก็เลยจะยอมแพ้ ไม่สู้แล้วหลีกทางให้เฟิงอี้เซวียนหรือ? ยอมหลีกทางให้กับมนุษย์ธรรมดาที่ทำให้นางมีความสุขได้งั้นสิ?” 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นเงียบไปอีกครั้ง 

 

 

สายตาของคามิลล์เป็นประกาย 

 

 

เวลาต่อมาก็มีชายชุดดำปรากฏตัวขึ้นในห้องแล้วตรงไปตรงหน้าเหลิ่งหลิงยวิ๋นโดยที่ไม่สนใจคามิลล์เลย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พระราชา พวกเราต้องไปแล้ว” 

 

 

“หากมีเวลาก็แวะมาหาบ่อยๆ นะ”คามิลล์พูดเรียบๆ พร้อมรอยยิ้ม 

 

 

“บังอาจ!” ชายชุดดำลุกขึ้นและจะโจมตีคามิลล์ แต่ในเวลาต่อมาเขาก็ตัวสั่นหมอบลงไปที่พื้น ไม่กล้าลุกขึ้นมาเลย 

 

 

“ระวังคำพูดคำจาของเจ้าด้วย วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเพราะเห็นแก่เสี่ยวยวิ๋นยวิ๋นแล้วกัน” แม้ว่าคามิลล์จะยิ้มอยู่ แต่น้ำเสียงของเขาเย็นชามาก 

 

 

ชายชุดดำตัวสั่น พูดอะไรไม่ออกเลย 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นถอยหายใจเบาๆ แล้วหันไปมองใบหน้าที่งดงามของชีอ้าวชวางบนเตียง จากนั้นเขาก็พูดกับชายชุดดำที่พื้น “ไปกันเถอะ” 

 

 

“พะย่ะค่ะ…” ชายชุดดำตอบกลับสั้นๆ จากนั้นประตูมิติสีดำก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋น ภายในประตูอวกาศนั้นเป็นลมเยือกเย็นที่ทำให้คนหนาวสั่น 

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นละสายตาจากชีอ้าวชวางแล้วถอนหายใจยาว จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปในประตูมิติสีดำนั้น ตามด้วยชายชุดดำ แล้วประตูมิติก็ปิดลง แต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นยังได้ยินน้ำเสียงหยอกล้อของคามิลล์ 

 

 

“เหลิ่งหลิงยวิ๋น เจ้าคิดว่าเฟิงอี้เซวียนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดางั้นหรือ? ละครมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเหอะๆ…” น้ำเสียงของคามิลล์ชั่วร้ายมาก 

 

 

พอเหลิ่งหลิงยวิ๋นได้ยินประโยคนั้น รูม่านตาของเขาก็ขยายขึ้นทันที เขาอยากจะหันกลับไปแต่ก็เห็นแค่รอยยิ้มที่มีเลศนัยของคามิลล์แล้วประตูก็ปิดลง จากนั้นดวงตาข้างหนึ่งของเขาก็มีประกายสีดำและอีกข้างหนึ่งมีประกายสีแดงเกิดขึ้น! 

 

 

ประตูมิติปิดลงแล้ว เหลิ่งหลิงยวิ๋นเดินทางไปจากโลกนี้แล้ว 

 

 

คามิลล์ยิ้มแล้วเดินไปใกล้เตียงมองชีอ้าวชวางที่ยังคงไม่ฟื้น รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปแตะใบหน้าที่เรียบนิ่งของชีอ้าวชวางแล้วพึมพำ “ข้ารอคอยจริงๆ ว่าพวกเจ้าจะทำการแสดงแบบไหนให้ข้าดู…” 

 

 

คามิลล์พูดเสียงแผ่วเบาแล้วถอนหายใจ… 

 

 

ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาหารร่วมกันอยู่ในห้องโถงของบ้านคามิลล์ ในที่สุดเรื่องทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว ชีอ้าวชวางฟื้นแล้ว แต่ยังอ่อนแรงอยู่เล็กน้อย 

 

 

“ทำไมไม่เห็นเหลิ่งหลิงยวิ๋นเลยล่ะ?” วัลโดถามอย่างสงสัยในขณะที่กำลังแทะเนื้อย่างอยู่ 

 

 

“เขามีเรื่องต้องไปจัดการ คงจะมาไม่ได้สักพักน่ะ”คามิลล์อธิบายด้วยรอยยิ้ม 

 

 

“งั้นหรือ?” วัลโดถามอย่างสงสัย 

 

 

ชีอ้าวชวางรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่ที่นางฟื้นขึ้นมา จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ไม่เห็นเหลิ่งหลิงยวิ๋นเลย แล้วที่หูของนางก็มีต่างหูคริสตัลสีม่วงประหลาดอยู่ด้วย สิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นหายหน้าไปหรือไม่?