บทที่ 96 โลงศพสีแดง

The king of War

ในเวลาเดียวกัน เมื่อครอบครัวของฉินซีกำลังมุ่งหน้าไปยังยอดเมฆา หยางเฉินก็รีบตรงไปที่บ้านตระกูลฉิน

แม้บ้านตระกูลฉินจะเป็นแค่ครอบครัวทั่วไปในเจียงโจว แต่พวกเขาก็มีคฤหาสน์ขนาดใหญ่เท่ากับครอบครัวชนชั้นสูงด้วยเช่นกัน

ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่นั้นยังมีวิลล่าสองชั้นหลายหลัง นอกจากครอบครัวของฉินซีแล้ว ลูกหลานของตระกูลฉินคนอื่นๆ ก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย

ในขณะนี้ มีรถบรรทุกสีน้ำเงินคันใหญ่มาจอดขวางอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ของตระกูลฉิน ซึ่งทำให้ไม่มีใครเข้าออกได้

และบนรถบรรทุกนั้นยังมีโลงศพสีแดงขนาดใหญ่อยู่ห้าโลง

“พวกคุณเป็นใครกันแน่ รู้มั้ยว่าที่นี่คือที่ไหน? กล้ามาขวางประตูของเราแบบนี้ สงสัยเบื่อโลกแล้วสินะ?”

หลินเสว่เหลียนแม่ของฉินเฟยยืนมือเท้าสะเอวอยู่ในบริเวณหน้าบ้านแล้วด่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ารถบรรทุกคันใหญ่นั้นด้วยความโมโห

นับตั้งแต่ฉินซีกับครอบครัวถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉินก็ไม่มีใครสามารถเป็นภัยคุกคามของฉินเฟยอีกเลย นอกจากนี้นายท่านฉินยังได้พูดต่อหน้าสาธารณชนแล้วว่า ฉินเฟยจะเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลคนต่อไป

นายท่านฉินมีลูกชายสองคน คนแรกคือพ่อของฉินเฟย ส่วนคนที่สองคือพ่อของฉินซี

ซึ่งพ่อของฉินเฟยนั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว แต่พ่อของฉินซีฉินต้าหย่งกลับไม่ใช่ลูกในสายเลือดของนายท่านฉิน ดังนั้นฉินเฟยจึงเป็นทายาทผู้ชายในสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉิน

ในขณะที่ฉินซียังอยู่ในตระกูลฉินนั้น เธอเป็นคนที่มีความสามารถที่โดดเด่นมากกว่าใคร เนื่องจากเธอเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อบริษัทในเครือของตระกูลฉินเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับฉินเฟย

และในปัจจุบันฉินเฟยได้รับตำแหน่งของทายาทผู้สืบทอดของตระกูลแล้ว ดังนั้นแม่ของเขาหลินเสว่เหลียนจึงได้ดีไปด้วย

ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่หลินเสว่เหลียนนั้นจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบมากมายคอยติดตามตลอด และในตอนนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นก็จ้องไปที่หม่าชาวอย่างดุเดือด

“ไอ้หนุ่ม แกหูหนวกอย่างนั้นหรือ? แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม?”

ไม่ว่าหลินเสว่เหลียนจะเสียงดังแค่ไหน หม่าชาวก็ยังนิ่งสงบและยืนขวางหน้าประตูบ้านเหมือนยมทูตที่เฝ้าประตูนรกอย่างไรอย่างนั้น

“พวกนาย เข้าไปอัดมันซะ เอาให้น่วมไปเลยนะ”

เมื่อหลินเสว่เหลียนถูกเพิกเฉยมาสักพัก สุดท้ายเธอก็ทนไม่ได้

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเจ็ดถึงแปดคนที่ได้รับคำสั่งก็รีบวิ่งเข้าไปหาหม่าชาวอย่างรวดเร็ว

และในขณะนี้ หม่าชาวที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นทันที จากนั้นแสงวาบก็ประกายขึ้นในตัวเขา

เขามองไปที่เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังวิ่งเข้ามา ทันใดนั้นเขาก็ขยับตัวและทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มนั้นเห็นเพียงเงาที่วิ่งตัดผ่านพวกเขาเท่านั้น

จากนั้นสิ่งที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เพียงแค่ช่วงเวลาไม่ถึงสิบวินาที รปภ. เจ็ดถึงแปดคนก็ถูกอัดจนกระเด็นออกไปและนอนร้องโหยหาอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด

ทุกคนในครอบครัวตระกูลฉินต่างก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ส่วนหลินเสว่เหลียนก็ตกตะลึงจนต้องเดินถอยหลังไปสองก้าวและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ไม่อยากตายก็รออยู่ข้างในดีๆ” หม่าชาวพูดอย่างเฉยเมย

หยางเฉินให้เขามาที่บ้านตระกูลฉินก่อน และเขาก็รู้ดีว่าหยางเฉินจะไปจัดการกับเรื่องของฉินเฟยด้วยตัวเขาเอง

เมื่อได้ยินคำพูดของหม่าชาว ทุกคนในครอบครัวตระกูลฉินก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

แม้แต่ยามรักษาความปลอดภัยเจ็ดแปดคนยังถูกหม่าชาวจัดการอย่างง่ายดายแบบนี้ แล้วสิงสาราสัตว์ของตระกูลฉินอย่างพวกเขาจะเอาอะไรไปสู้กับหม่าชาว

“ท่านผู้นำครับ ข้างนอกมีชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถบรรทุกคันใหญ่มาจอดขวางอยู่ที่หน้าประตู เขาไม่ให้ใครออกไปเลยครับ”

พ่อบ้านรีบวิ่งเข้าไปรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนอกบ้านให้กับนายท่านฉินด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

“ว่าไงนะ? มันไม่ให้คนตระกูลฉินของเราออกจากบ้าน?” นายท่านฉินรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

“ใช่ครับ ยามรักษาความปลอดภัยที่มีฝีมือดีที่สุดทั้งแปดคนของเราก็ถูกมันคนเดียวจัดการจนล้มนอนอยู่กับพื้นแล้วครับ”

“กล้ามาสร้างปัญหาถึงบ้านตระกูลฉินของเรา สงสัยไม่รู้ฟ้าจริงๆ ซะแล้ว รอข้าติดต่อกับตระกูลกวนก่อน ดูว่าจะหารปภ. มาเพิ่มอีกได้ไหม” นายท่านฉินพูดไปด้วยและหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะติดต่อตระกูลกวน

แม้ตระกูลฉินจะสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลกวนได้ แต่ในทุกๆ ปีตระกูลฉินจะต้องจ่ายเงินกว่า 40% ของกำไรให้กับตระกูลกวน ดังนั้นถ้าหากเกิดความเดือดร้อนขึ้นกับตระกูลฉิน ตระกูลกวนก็จะเป็นที่พึ่งของพวกเขา

ทันทีที่นายท่านฉินโทรติด เขาก็ได้ยินเสียงตอบรับที่ไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก “ใครน่ะ?”

“ประธานสวี่ ผมเองครับ ฉินคุน เมื่อกี้มีวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีฝีมือมาที่บ้านตระกูลฉินของผม มันจัดการรปภ. ของบ้านผมจนหมดเลยครับ ฉะนั้นผมอยากให้ตระกูลกวนช่วยหารปภ. มาช่วยพวกเราทีครับ”

แม้อีกฝ่ายจะตอบอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่นายท่านฉินก็ยังต้องพูดด้วยความให้เกียรติ

ที่ตระกูลฉินบอกว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลกวนนั้น ความจริงแล้วพวกเขาเป็นแค่ผู้รับผิดชอบบริษัทในเครือของตระกูลกวนเท่านั้น ส่วนเหล่าผู้จัดการระดับสูงของตระกูลกวนนั้นนายท่านฉินไม่มีคุณสมบัติที่จะติดต่อได้เลย

เมื่อประธานสวี่ได้ยินคำพูดของนายท่านฉินเขาก็พูดอย่างไม่พอใจ “ก็แค่เด็กหนุ่มคนเดียวแต่จัดการไม่ได้ ไร้ประโยชน์สิ้นดี เดี๋ยวผมจะเรียกคนไปให้”

หลังจากพูดจบประธานสวี่ก็วางสายทันที

ดวงตาของนายท่านฉินเป็นประกายและเขาก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ก็แค่หมารับใช้ตัวหนึ่งของตระกูลกวน คิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ รอให้ตระกูลฉินของเราได้เขาใกล้ตระกูลกวนมากกว่านี้เถอะ แล้วนายจะเจอดี!”

และในขณะนี้ รถฟ็อลคส์วาเกินแฟตันสีดำคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าประตูบ้านตระกูลฉิน จากนั้นหยางเฉินก็เดินออกมาจากรถ

หม่าชาวรีบเดินเข้าไปหาเขา “พี่เฉินครับ!”

หยางเฉินมองไปที่รถบรรทุกที่จอดขวางอยู่หน้าประตูและสั่งว่า “ขับรถบรรทุกฝ่าเข้าไปเลย!”

“ครับ!” หม่าชาวหันหลังเดินไป

จากนั้น เสียง “โครมคราม” ดันสนั่นขึ้น รถบรรทุกคันนั้นพุ่งเข้าไปในบ้านและชนกำแพงทั้งสองด้านของประตูจนพังทลายลงทันที

ในคฤหาสน์เต็มไปด้วยฝุ่น

มีเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านในคฤหาสน์ และทุกคนก็ถอยห่างออกไป

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่ หยางเฉินก็ค่อยๆ เดินเข้าไปปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา

หลินเสว่เหลียนที่เห็นหยางเฉินถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “แกมาได้ไง?”

ฉินเฟยใช้เงินจ้างบอดี้การ์ดเพื่อไปเล่นงานหยางเฉินแล้ว และเธอก็เป็นคนวางแผนร่วมกับฉินเฟยเอง

ตามแผนแล้ว ตอนนี้หยางเฉินควรพิการไปแล้วถึงจะถูก แต่เขากลับไม่เป็นอะไรเลย ซึ่งก็ทำให้หลินเสว่เหลียนรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่เลวร้ายในทันใด

“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์สำหรับคุณสินะที่เห็นผมปรากฏตัวที่บ้านตระกูลฉิน” หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้มประชดประชัน

ทุกคนในบ้านตระกูลฉินแสดงสีหน้าด้วยความโกรธ ก่อนหน้านี้พวกเขายังสงสัยอยู่ว่าใครช่างกล้าที่มาขวางประตูบ้านของพวกเขา และตอนนี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าเขาคนนั้นก็คือคนที่ไร้ประโยชน์ในสายตาของพวกเขาเอง

“หยางเฉิน นายถูกไล่ออกจากตระกูลแล้ว นายมาทำอะไรที่นี่อีก?”

“ไอ้เหลือขอ นายไม่มีสิทธิ์จะมาเหยียบที่บ้านตระกูลฉินอีก เราขอเตือนนายว่าออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”

“ไอ้กระจอก ไปให้พ้นเลย!”

ทุกคนในตระกูลฉินต่างก็พากันดุด่าหยางเฉินด้วยความโกรธ

“หุบปาก!”

หม่าชาวเดินออกมาแล้วตะโกนอย่างเสียงดัง “ใครกล้าพูดอะไรอีก ผมจะฆ่ามันที่นี่เดี๋ยวนี้เลย!”

ความโหดเหี้ยมของหม่าชาวนั้นทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว และเมื่อได้ยินคำพูดข่มขู่ของหม่าชาวทุกคนในตระกูลฉินก็เงียบลงทันที

หยางเฉินเหลือบมองไปยังบ้านหลังที่นายท่านฉินอาศัยอยู่ และทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ไอ้ท่านฉินหมาแก่ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

ด้วยประโยคนี้ของหยางเฉิน ทุกคนในบ้านก็เบิกตากว้างแล้วมองไปที่เขา

ในตระกูลฉินนั้น นายท่านฉินเป็นถึงหัวหน้าครอบครัว แต่ในตอนนี้กลับถูกหยางเฉินเรียกเขาว่า ‘ไอ้ท่านฉินหมาแก่’ ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นการดูถูกนายท่านฉินมาก

แม้เสียงของหยางเฉินจะไม่ได้ดังมานัก แต่ทันใดนั้นนายท่านฉินที่กำลังเขียนพู่กันจีนอยู่ในห้องก็รู้สึกว่ามีฟ้าร้องดังขึ้นในหูเขาจนทำให้เขาแทบจะหนวก

“สารเลว! ดิ้นหาที่ตายชัดๆ!” เมื่อนายท่านฉินได้ยินของหยางเฉินก็รู้สึกโกรธอย่างสุดขีด

“หยางเฉิน แกกล้าดูหมิ่นหัวหน้าครอบครัวของเราได้ไง หัวหน้าครอบครัวของเราไม่มีวันปล่อยแกไปแน่”

หลินเสว่เหลียนรู้สึกตื่นเต้นมาก แม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมหยางเฉินถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ แต่สำหรับ ‘ไอ้ท่านฉินหมาแก่’ ที่หยางเฉินพูดนั้น หลินเสว่เหลียนมั่นใจว่านายท่านฉินจะไม่ปล่อยเขาไว้อย่างแน่นอน

และในเวลานี้ นายท่านฉินก็เดินออกมาด้วยความโกรธ

“ข้าก็คิดว่าเป็นใคร ถึงได้กล้าขนาดนี้ ที่แท้ก็ไอ้ขยะคนนี้นี่เอง”

นายท่านฉินมองไปที่หยางเฉินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยาม “นายไปสร้างปัญหาให้กับตระกูลกวนในงานเลี้ยงของเขา แล้วนายยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ของนายแล้ว แต่ไม่เป็นไร ข้าติดต่อตระกูลกวนเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็มีคนมาจัดการนายเอง”

หยางเฉินพูดอย่างเย้ยหยัน “ดีเลย! ผมล่ะอยากรู้ว่าใครหน้าไหนของตระกูลกวนจะกล้าเสนอหน้ามาหาผมอีก”

“ไอ้เด็กโง่เขลาเบาปัญญาเอ๋ย นายมันโง่จนหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ ที่ตระกูลกวนไม่ได้ทำอะไรนายก็เพราะว่านายมันไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะให้เขาทำอะไรนายต่างหาก แต่รอให้เขามาถึงก่อนเถอะ นายไม่รอดแน่!”

แม้นายท่านฉินจะรู้ว่าหยางเฉินเป็นคนเก่ง แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่นิด

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ไปไหนแน่!”

หยางเฉินยิ้มเบาๆ แล้วพูดต่อ “แต่ก่อนที่คนของตระกูลกวนจะมาถึง เรามาจัดการเรื่องอื่นกันก่อนดีกว่า”

เมื่อพูดจบหยางเฉินก็ส่งสัญญาณให้กับหม่าชาว

หม่าชาวพยักหน้าแล้วเดินจากไป และในขณะที่ทุกคนยังคงสับสนอยู่ เขาก็ได้กระโดดขึ้นไปบนรถบรรทุกเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นหม่าชาวกดปุ่มบางอย่างและโลงศพที่หนักเป็นร้อยกิโลกรัมก็บินออกไปร่วงอยู่ท่ามกลางคนของตระกูลฉิน

ต่อมาเขากดปุ่มรัวๆ และโลงศพทั้งหมดก็ตกลงไปบนพื้นและเรียงกันเป็นแถวอย่างเรียบร้อย

ครั้งนี้การกระทำของหม่าชาวทำให้ทุกคนต้องตะลึงอย่างแท้จริง

และในขณะนี้ ทันใดนั้นหลินเสว่เหลียนก็เห็นร่างที่คุ้นเคยนอนอยู่ในโลงศพโลงหนึ่งและเธอก็ตกใจจนตะโกนออกมา “เสี่ยวเฟย!”