เล่ม 1 ตอนที่ 192 การปรนนิบัติชั้นหนึ่ง

สลับชะตา ชายามือสังหาร

วันรุ่งขึ้น ซือหม่าโยวเย่ว์มาที่ห้องของเสี่ยวถู ซึ่งเสี่ยวถูกำลังคอยเธออยู่

“พวกเราเริ่มกันเลยดีกว่า”

เสี่ยวถูเห็นซือหม่าโยวเย่ว์หยิบยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกออกมาก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนั้นตอนที่ไปโรงอัปลักษณ์ ผู้อื่นให้ราคาขั้นต่ำถึงห้าพันตำลึงทองต่อเม็ด ก็รู้ว่าราคามิใช่น้อยเลย เมื่อเห็นว่าเธอหยิบให้ตนกินโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด จึงเอ่ยว่า “พี่สาว เสี่ยวถูจะจดจำบุญคุณของท่านไว้ให้ดีเลย”

ซือหม่าโยวเย่ว์ตบศีรษะเสี่ยวถูเบาๆ แล้วพูดว่า “ดี”

เสี่ยวถูกินยาวิเศษลงไป ซือหม่าโยวเย่ว์เสริมปราณวิญญาณเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ยาวิเศษน้ำแข็งยะเยือกหลอมละลายได้เร็วขึ้น รอจนร่างกายของเขาเริ่มเยือกแข็ง เธอจึงดึงเปลวเพลิงกองหนึ่งออกมาห่อหุ้มไว้แล้วส่งเข้าไปในร่างของเสี่ยวถู

ร่างกายเสี่ยวถูสั่นสะท้าน หวั่นกลัวต่อเปลวเพลิงนี้อยู่บ้าง แต่เขาก็ยังกัดฟันอดทนเอาไว้ ไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย

เหมือนกับคราวก่อน ซือหม่าโยวเย่ว์ทะลวงเส้นลมปราณเพียงสี่เส้นแล้วถอยออกมา ถึงแม้ว่าเธอจะทานทนได้มากกว่าคราวที่แล้วอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอรู้สึกได้ว่าสภาพของเสี่ยวถูมิสู้ดีนัก ดังนั้นจึงเลือกที่จะหยุดลงเพียงเท่านี้

ในขณะที่ถอนเปลวเพลิงออกมานั้น เสี่ยวถูหลับตาแน่นแล้วค่อยลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ที่มีสีหน้าซีดขาวแล้วเขาก็ขยับริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะหมดสติไป

เป่ยกงถังเดินเข้ามาแล้วรับภาระดูแลเสี่ยวถูต่อเหมือนคราก่อน ให้ซือหม่าโยวเย่ว์ไปพักผ่อน

ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบน้ำทิพย์วิญญาณออกมาแล้วหยดเข้าไปในปากเสี่ยวถูหยดหนึ่ง หลังจากนั้นจึงกลับไปยังห้องของตนแล้วดื่มเองหยดหนึ่ง ก่อนจะนั่งสมาธิบำเพ็ญ

ระหว่างนี้ไป๋อวิ๋นฉีได้เข้ามาหาพวกเขา บอกว่าจะพาพวกเขาไปเที่ยวเล่นตามที่ต่างๆ แต่เพราะซือหม่าโยวเย่ว์กำลังปลีกวิเวกอยู่ ไม่ให้ใครรบกวน พวกเขาจึงทิ้งเธอเอาไว้แล้วออกไป

ตลอดมาจนถึงวันงานประมูล ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ยังไม่ได้ออกจากการปลีกวิเวก ในขณะที่ทุกคนกำลังลังเลอยู่ว่าจะไปเรียกเธอดีหรือไม่อยู่นั้นเอง ลำแสงแห่งการเลื่อนระดับก็แผ่มาจากในห้องของเธอ หยุดยั้งฝีก้าวของพวกเขาเอาไว้

“โยวเย่ว์เลื่อนระดับอีกแล้ว!” เจ้าอ้วนชวีทุบต้นขา “เหตุใดข้าจึงยังไม่เลื่อนระดับเสียทีเล่า เห็นอยู่ชัดๆ ว่าฝึกยุทธ์พอๆ กันเลย”

โอวหยางเฟยเหน็บประโยคหนึ่งว่า “พรสวรรค์ไม่พอน่ะสิ เข้าใจแล้วหรือยัง”

“ฮือๆๆ เหตุใดโยวเย่ว์ถึงได้ร้ายกาจกว่าพวกเรามากมายถึงเพียงนี้เล่า ไม่ได้การล่ะ รอให้จัดการธุระเสร็จแล้วข้าจะต้องตั้งใจฝึกยุทธ์ให้ดี จะล้าหลังมากเกินไปมิได้”

มิได้เป็นเพียงแค่ความคิดของเขาคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นความในใจของคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

เพราะซือหม่าโยวเย่ว์เลื่อนระดับ ตอนที่พวกเขาออกจากบ้านจึงล่าช้ากว่าผู้อื่นอยู่มาก ไป๋หยวนฉุนพาคนของกลุ่มทหารรับจ้างนกนางนวลไปยังโรงอัปลักษณ์เรียบร้อยแล้ว มีเพียงแค่ไป๋อวิ๋นฉีเท่านั้นที่กำลังคอยพวกเขาอยู่

ซือหม่าโยวเย่ว์เลื่อนระดับเสร็จเรียบร้อย ห่างจากการเลื่อนระดับในครั้งก่อนนานสองเดือน แต่เป็นเพราะระยะนี้เกิดเรื่องอยู่ตลอด ไม่มีเวลาฝีกยุทธ์ ดังนั้นจึงเนิ่นช้ามานานถึงเพียงนี้

“บรรพวิญญาณขั้นสอง ไม่รู้ว่าพลังการต่อสู้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์กำหมัด รู้สึกได้ถึงพละกำลังในร่างกาย จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

เธอเปิดประตูออกไป ท้องฟ้าด้านนอกมืดแล้ว แต่ทุกคนยังคงคอยเธออยู่ในลานบ้าน

“โยวเย่ว์ เจ้าออกมาเสียที หากเจ้ายังไม่ออกมาอีก พวกเราก็คงจะพลาดงานประมูลแล้วล่ะ” ไป๋อวิ๋นฉีพูด

“วันนี้คือวันงานประมูลหรือ ผ่านไปหลายวันขนาดนี้แล้วหรือนี่!” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วพูดว่า “เช่นนั้นพวกเรารีบไปกันดีกว่า”

รถเทียมสัตว์อสูรยังคงคอยพวกเขาอยู่นอกประตู ซือหม่าโยวเย่ว์ขึ้นไปพร้อมกับพวกเขาก่อนจะลงรถที่ตรอกเล็กแห่งนั้นแล้วให้พวกเว่ยจือฉีไปต่อกันเอง

เธอเข้าไปข้างในตรอกเล็ก เปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้นจึงรีบตรงไปยังโรงอัปลักษณ์

ขณะนี้เหลืออีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มงานประมูลแล้ว พนักงานเหล่านั้นกำลังเตรียมปิดประตู เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามา พวกเขาก็รีบเปิดประตูแล้วพูดว่า “นายท่านมาแล้ว ได้โปรดให้พนักงานนำทางท่านไปยังห้องส่วนตัวของท่านนะขอรับ”

ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วเข้าไปพร้อมกับหญิงสาวผู้หนึ่ง

ลานประมูลอยู่ที่ด้านหลังของโรงอัปลักษณ์ อาคารสองชั้นหลังหนึ่ง บวกกับชั้นใต้ดินหนึ่งชั้น รวมทั้งสิ้นสามชั้น

ชั้นล่างสุดคือเวทีประมูลและอัฒจันทร์รวม คนที่อยู่ตรงนี้ก็คือผู้ประมูลทั่วไปหรือขุมอำนาจที่มีพลังยุทธ์ไม่พอ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่มาดูความคึกคักเท่านั้น

ชั้นสองเป็นห้องส่วนตัวสำหรับขุมอำนาจที่มีฐานะหรือพลังยุทธ์เท่านั้น ห้องเรียงตัวโค้งรับไปกับเวทีประมูลเบื้องล่าง ซึ่งมีห้องส่วนตัวอยู่หลายสิบห้อง

ชั้นสามนั้นมีเพียงผู้ทรงอำนาจอย่างยิ่งเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ อย่างเช่นราชวงศ์ของอาณาจักรจันทร์ประจิม สมาคมนักหลอมยา และสมาคมนักหลอมวัตถุ เป็นต้น

ชั้นสามมีอยู่ทั้งหมดยี่สิบห้อง มีอยู่หลายห้องที่จุดตะเกียงเอาไว้แล้ว แสดงว่ามีคนอยู่ในนั้น

ห้องหมายเลขหนึ่งถึงห้าล้วนเป็นแขกพิเศษในบรรดาแขกพิเศษ ก่อนหน้านี้มีเพียงซีเย่ว์ซีที่อยู่ในห้องหมายเลขห้า ส่วนสี่ห้องแรกนั้นดับตะเกียงไร้ซึ่งผู้คน

ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปนั้นทุกคนก็มากันเกือบหมดแล้ว เมื่อถึงเวลา ประตูใหญ่จึงปิดลง

“นายท่าน เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” สาวใช้นำทางซือหม่าโยวเย่ว์ผ่านห้องโถงใหญ่มาจนถึงบันไดแล้วตรงขึ้นไปยังชั้นสาม

ทุกคนเข้านั่งประจำที่กันหมดแล้ว ดังนั้นซือหม่าโยวเย่ว์จึงโดดเด่นสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง คนเหล่านั้นพากันซุบซิบคาดเดาว่าผู้ที่ถึงขนาดทำให้คนของโรงอัปลักษณ์ต้องมานำทางด้วยตัวเองเช่นนี้ อีกทั้งยังมาเพียงคนเดียวด้วย จะมีสถานะเช่นไรกันหนอ

“ห้องหมายเลขสาม!”

คนเหล่านั้นเห็นซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปในห้องหมายเลขสามแล้วต่างพากันตกตะลึง

“ก่อนหน้านี้ห้องหมายเลขสามมิได้จุดตะเกียงมาเนิ่นนานเพียงใดแล้ว!”

“เชื้อพระวงศ์จันทร์ประจิมยังอยู่ได้เพียงแค่ห้องหมายเลขห้า คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นกลับได้เข้าไปห้องหมายเลขสาม”

“ถูกต้อง ข้าได้ยินว่าเจ้าของยาวิเศษร้อยโคจรในครั้งนี้สวมเสื้อคลุมสีดำตลอดร่าง หรือว่าเขาจะเป็นเจ้าของยาวิเศษร้อยโคจรกันเล่า”

“ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง มิน่าเล่า จึงเข้าไปในห้องหมายเลขสามได้”

“ได้ยินมาว่าเขายังเป็นผู้หลอมยาวิเศษร้อยโคจรนี้ด้วยตัวเองอีกต่างหาก ถ้าหากเชิญเข้ามาอยู่ในตระกูลได้ เช่นนั้นความรุ่งโรจน์ของตระกูลเราก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว!”

“เจ้าคิดดูเอาเถิด ข้าได้ยินมาว่างานประมูลอยากทาบทาม เขายังไม่ยอมรับปาก แล้วจะยอมไปอยู่ที่ตระกูลเล็กจ้อยของเจ้าได้อย่างไรเล่า”

เดิมทีพวกเว่ยจือฉีกำลังคิดกันอยู่ว่าคนผู้นี้เป็นใคร พอตอนนี้มาได้ยินว่าเขาเป็นเจ้าของยาวิเศษร้อยโคจรจึงรู้ได้ในทันทีว่าคือซือหม่าโยวเย่ว์นั่นเอง

“คิดไม่ถึงว่าโยวเย่ว์จะไปอยู่ที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสาม หากรู้ก่อนพวกเราก็คงตามเขาไปเปิดหูเปิดตาแล้วล่ะ” เจ้าอ้วนชวีพูด

“ที่โยวเย่ว์ไม่ให้พวกเราไปด้วย ย่อมต้องมีเหตุผลของนางเองอยู่แล้ว ยาวิเศษร้อยโคจรนี้ก่อให้เกิดความโกลาหลไม่น้อย ถ้าหากให้คนล่วงรู้ว่าเป็นใคร ย่อมต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน เจ้าเห็นไหมว่าโยวเย่ว์ถึงกับต้องปลอมตัวแปลงกลิ่นอายเสียด้วยซ้ำ” เว่ยจือฉีเอ่ยชี้แนะ

“ข้ารู้น่า ก็แค่พูดเฉยๆ เท่านั้น” เจ้าอ้วนชวีพูด

สาวใช้นำทางซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามาในห้อง ตะเกียงก็สว่างขี้นมาเอง ทำให้เธอเห็นลักษณะภายในห้องได้อย่างชัดเจน

“หรูหราเสียจริง!” ซือหม่าโยวเย่ว์พึมพำในใจ “ห้องนี้ยังหรูหรากว่าห้องโถงหลักของผู้อื่นเสียอีก”

“นายท่าน ผลไม้ทิพย์ในห้องนี้ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ท่านเป็นพิเศษเลยนะเจ้าคะ” สาวใช้พูด “นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมลำดับรายการสิ่งของประมูลเอาไว้ให้ท่านด้วยเจ้าค่ะ”

“ดี เจ้าออกไปก่อนเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์กดเสียงต่ำพูดขึ้น

“ถ้าหากมีเรื่องอันใด ท่านสามารถกดปุ่มนี้ได้เลย พวกเราจะส่งคนมาในทันที บ่าวขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”

พอสาวใช้ผู้นั้นพูดจบก็ออกจากห้องไปแล้วปิดประตูเพื่อตัดขาดมิให้ภายนอกสอดแนมภายในห้องนี้ได้

ซือหม่าโยวเย่ว์เดินมาที่โต๊ะแล้วมองดูผลไม้ทิพย์เหล่านั้น ถึงแม้ว่าจะเทียบกับที่อยู่ในเจดีย์วิญญาณมิได้ แต่ก็ถือว่าดีแล้วสำหรับภายนอก

ขณะนี้ตะเกียงทั้งหมดในห้องโถงใหญ่ล้วนสว่างไสวขึ้นมา ความสนใจทั้งหมดมุ่งไปที่เวทีประมูล ผู้คนที่คุ้นเคยล้วนรู้ดีว่างานประมูลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

…………………………………….