“เย็นไว้…” หลินมู่อวี่มองเว่ยโฉวขณะที่พึมพำกับตัวเองไปด้วย เขากล่าวแก่แม่เล้า “แม่นาง ข้าเพียงอยากจะถามว่า…แม่นางได้ขายทาสบ้างหรือไม่?

แม่เล้าตกใจ “คือ…เด็กสาวของข้ามีแต่คนเป็นงานทั้งนั้น หากท่านอยากซื้อเป็นทาส ราคาจะค่อนข้างแพงเจ้าค่ะ นายท่านอยากได้พวกนางไปทำอะไร? หรือนายท่านอยากได้แบบไหนเจ้าคะ?”

หลินมู่อวี่สูดหายใจลึก “เจ้าไม่ต้องอยากรู้หรอกว่าข้าจะอยากได้พวกนางไปทำสิ่งใด ข้าเพียงอยากได้คนที่ช่วยให้ข้ามีความสุข เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

แม่เล้ายิ้มกล่าว “เช่นนั้นท่านชอบแบบรับแขกหรือไม่เจ้าคะ?”

“อืม…ลืมไปเสียเถิด” หลินมู่อวี่เกาหัวขณะที่เว่ยโฉวยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ

แม่เล้าคิดได้ว่าอ้อยเข้าปากช้างแล้วจะปล่อยไปคงเสียดายแย่ “ข้ามีสาวงามทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบคน ท่านอยากให้ข้า…เรียกพวกนางออกมาดูตัวหรือไม่เจ้าคะ?”

“เอาแบบนั้นก็ได้”

“เช่นนั้นรอประเดี๋ยวเจ้าค่ะ!”

แม่เล้าใช้มือป้องปากตะโกนเรียก “เด็กๆ ข้างบนมารับแขกเร็ว…”

ทันใดนั้นกลุ่มหญิงบริการกลุ่มใหญ่ก็วิ่งมารวมตัวกลางห้องโถง เว่ยโฉวมองตามตาเป็นมัน หลินมู่อวี่ที่เกิดมาในตระกูลอันร่ำรวย พ่อเขาเคยพาไปเข้าสังคมพบปะอะไรเช่นนี้มาหลายครา เขาจึงไม่รู้สึกอะไรต่อสิ่งที่เห็น เขาไม่เคยกินหมูมาก่อนแต่ก็รู้ว่าหมูเป็นอย่างไร

แม่เล้าจับหน้าอกอันหย่อนยานของตนก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “นายท่าน หากต้องการซื้อพวกนางไปเป็นทาส ราคาจะอยู่ที่สามร้อยถึงห้าร้อยเหรียญทองเจ้าค่ะ ท่านอยากได้กี่คนเจ้าคะ?”

“ห้าสิบ” หลินมู่อวี่กล่าว “เจ้าพอมีส่วนลดหรือไม่?”

“ห้าสิบคน?!” แม่เล้าอ้าปากค้าง “จำนวนขนาดนี้…ท่านช่างเป็นคนใจกว้างเสียจริง ซื้อไปห้าสิบเท่ากับในสองเดือนนี้ท่านเรียกใช้วันละคืนได้ไม่ซ้ำหน้าเลยนะเจ้าคะ คงเล่นจนหมดแรงเล่นทีเดียว…”

หลินมู่อวี่มองหน้านาง “ไม่ต้องพูดให้มากความ…เพียงตอบคำถามข้าก็พอ ซื้อห้าสิบคน คิดเท่าไร?”

“สามร้อยห้าสิบเหรียญทองได้หรือไม่เจ้าคะ? ทว่าจำนวนนี้คือราคาที่ต้องจ่ายให้ข้าเท่านั้น ส่วนพวกนางจะไปกับท่านหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพวกนาง ข้าไม่ได้บังคับ…”

“เข้าใจแล้ว…”

หลินมู่อวี่พยักหน้า ก่อนจะเงยหน้ามองกลุ่มหญิงสาวแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าจะไม่อ้อมค้อม เหตุที่ข้าซื้อพวกเจ้าเพราะค่ายทหารกำลังต้องหญิงไปบริการ หากไปกับข้าพวกเจ้าจะต้องไปรับใช้พวกทหารอย่างที่บอก แต่รับรองว่าพวกเจ้าจะไม่เสียใจ เมื่อข้าตกลงซื้อไม่เพียงแต่จะจ่ายให้แม่เล้าสามร้อยห้าสิบเหรียญ ข้าจะจ่ายให้พวกเจ้าด้วยเช่นกัน หากพวกเจ้าเห็นชอบ…ก็จงก้าวออกมา”

แม่เล้าตกตะลึง “นายท่านช่างใจกว้างเหลือเกินเจ้าค่ะ …สาวๆ รีบเข้าสิ เงินจำนวนนี้ทั้งชีวิตพวกเจ้าก็หาไม่ได้นะ”

ทันใดนั้นสาวงามหลายคนก็ก้าวเท้าออกมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนฝืนยิ้มหน้าเจื่อน หลินมู่อวี่รู้ได้ทันทีว่าพวกนางยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน ทว่าไม่ใช่ปัญหาตราบที่พวกนางยินยอมไปกับเขา

ไม่นานนักสาวบริการทั้งห้าสิบคนก็ถูกเลือก หลินมู่อวี่คำนวณราคาแล้วได้ทั้งหมดสิบเจ็ดเหรียญเพชรและห้าร้อยเหรียญทองจ่ายให้แม่เล้าไป ส่วนหญิงบริการทุกคนได้เหรียญทองคนละถุง บางคนไม่อยากพกไปค่ายทหารด้วยจึงนำไปฝากไว้ที่ธนาคาร

ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงเต็มกว่าจะแล้วเสร็จ พระอาทิตย์เริ่มอัสดง…

หลินมู่อวี่นำหญิงบริการทั้งห้าสิบคนไปยังค่ายทหาร เหล่าทหารองครักษ์อวี้หลินเมื่อเห็นต่างก็ยั้งใจแทบไม่อยู่ เพราะหญิงกลุ่มนี้ดูน่าสนใจกว่าพวกทาสไร้อารมณ์ที่ซื้อมาเมื่อตอนบ่ายเสียอีก หลินมู่อวี่มองหาผู้บัญชาการกองร้อยที่ดูแลพวกทาสอยู่ก่อนจะนำหนึ่งร้อยเหรียญทองไปให้ตอบแทนที่รักษาสัญญา พร้อมกับแลกตัวหญิงบริการกับทาสทั้งห้าสิบที่มีอยู่

แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วบริเวณ หลินมู่อวี่และเว่ยโฉวควบม้านำทาสทั้งห้าสิบคนไปอย่างช้าๆ เว่ยโฉวยิ้มและเอ่ยขึ้น “ตั้งแต่ออกจากเจดีย์ทงเทียนท่านก็จัดการปัญหาได้เก่งขึ้นนะขอรับ”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “ประสบการณ์สอนให้ข้าเติบโต”

“แล้วท่านจะทำอย่างไรกับพวงนางต่อหรือขอรับ?”

“จ้างรถม้าพาพวกนางไปส่งที่ภูเขาผามังกร”

“เท่ากับว่าท่านจะส่งพวกนางไป…”

“พวกนางไม่มีบ้านแล้ว ต่อให้ข้าปล่อยพวกนางไปก็รังแต่จะโดนจับไปเป็นทาสอยู่เป็นนิจ แบบนั้นเท่ากับว่าทั้งหมดที่เราลงแรงไปสูญเปล่า…ข้าจึงคิดว่าจะสร้างหมู่บ้านให้พวกนางอยู่แถวตีนเขา สอนให้รู้จักปลูกผักทอผ้าเลี้ยงชีพ ทั้งยังมีโอกาสได้พบเจอกับผู้ชายดีๆ เป็นคู่ชีวิตต่อไป

“นายท่านของข้าช่างเป็นคนที่วิเศษเสียจริง!” เว่ยโฉวมองด้วยแววตาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความนับถือ

กลางดึก ทหารองครักษ์อินทรีได้เดินทางไปส่งโล่งูมังกรและหญิงสาวห้าสิบคนที่ภูเขาผามังกรโดยมีหลินมู่อวี่นำทัพด้วยตนเอง แม้ป่าล่ามังกรจะเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลันเยียนทว่าก็ยังไม่ปลอดภัย เนื่องจากทหารลาดตระเวนไม่มีคุณภาพจึงทำให้พวกโจรขโมยออกเผ่นพ่านไปทั่ว

หลินมู่อวี่เห็นแสงคบเพลิงอยู่ไกลๆ กว่าจะมาถึงจุดหมายก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว

ณ ประตูทางขึ้นเขา กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดสวมเกราะถือง้าวหลายคนกำลังยืนเฝ้ายามอยู่ เมื่อเห็นหลินมู่อวี่จึงรีบทำความเคารพ “ยินดีที่ได้พบขอรับท่านผู้นำ”

“เปิดประตูแล้วพาพวกข้าเข้าไป”

“ขอรับ!”

หลินมู่อวี่รู้สึกว่าคนพวกนี้แทบไม่เหลือลักษณะของนักเลงหัวไม้เช่นเมื่อก่อน ทว่าเหมือนทหารเต็มตัวแล้วมากกว่า หลัวอวี่ช่างหลักแหลม เขาเลือกคนเข้าร่วมกลุ่มไม่ผิดจริงๆ

ต่อเมื่อว่าถึงยอดเขา หลัวอวี่พร้อมทหารหลายนายออกมาต้อนรับหลินมู่อวี่ “กลับมาแล้วหรือขอรับท่าน?”

“อืม…ข้าเอาอาวุธมาให้พวกเจ้า”

หลินมู่อวี่โบกมือเป็นสัญญาณให้นำสัมภาระด้านหลังมา โล่งูมังกรเปล่งประกายยามต้องแสงจากคบเพลิง เพียงแรกเห็นหลัวอวี่ก็บอกได้เลยว่านี่เป็นโล่ชั้นยอด “นี่มันยอดเยี่ยมมากขอรับ ท่านมาในเวลาที่เรากำลังต้องการพอดี เมื่อวานเกิดเหตุปะทะกันกับโจรภูเขาทำให้คนฝั่งเราบาดเจ็บสาหัสหลายคน ด้วยโล่ที่ท่านนำมาให้วันนี้พวกเราคงไม่ต้องกังวลกันอีกต่อไป! ขอบพระคุณมากขอรับ!”

“ไปกันเถิด”

“ขอรับ”

หลัวอวี่ควบม้าตามหลินมู่อวี่ไป ก่อนจะมองเห็นเหล่าหญิงสาวด้านหลังและเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ท่านขอรับ ผู้หญิงพวกนี้คือ…ท่านจะให้พวกนางมารับใช้ที่นี่หรือขอรับ?”

“ไม่…มังกรผงาดไม่จำเป็นต้องมีใครคอยรับใช้” หลินมู่อวี่ส่ายหัว “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป…สั่งให้คนลงไปตัดไม้ที่ตีนเขา ภายในหนึ่งเดือนจงสร้างหมู่บ้านให้แล้วเสร็จแล้วส่งคนไปคุ้มกันหมู่บ้าน เจ้ามีคำถามอีกหรือไม่?”

หลัวอวี่กล่าวอย่างประหลาดใจ “หากมีทุนพอก็ไม่มีปัญหาขอรับ”

“อืม…เช่นนั้นไม่มีปัญหา แล้วสถานการณ์กลุ่มทหารรับจ้างเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลัวอวี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “เมื่อสี่วันก่อนพวกเราได้เข้ากวาดล้างหมู่บ้านโจรภูเขาไปสี่หมู่บ้าน และทหารรับจ้างอีกกว่าสองร้อยคนขอรับ อีกทั้งข้ายังได้คัดคนส่วนหนึ่งให้มาเข้าร่วมกลุ่มเราด้วย ทำให้ตอนนี้เรามีกำลังคนทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบสี่คนแล้วขอรับ”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “แล้วยังมีเงินพออยู่หรือไม่?”

“เริ่มไม่พอแล้วขอรับ…”

“ไม่มีปัญหา”

หลินมู่อวี่ล้วงเงินจำนวนหนึ่งร้อยเหรียญเพชรออกมาจากถุงสรรพสิ่ง “ร้อยเหรียญทองนี้จงใช้อย่างประหยัด…”

หลัวอวี่พยักหน้า “ขอรับ!”

“หมั่นรับสมัครสมาชิกเข้า ยกเลิกข้อกำหนดก่อนหน้านี้เสีย เจ้าสามารถรับสมาชิกได้แม้จะยังไม่ถึงระดับขอบเขตมนุษย์ก็ตาม”

“เข้าใจแล้วขอรับ”

หลังจากค้างแรมที่ค่ายหนึ่งคืน หลินมู่อวี่สั่งให้เว่ยโฉวและทหารองครักษ์ทั้งห้าสิบนายเดินทางกลับรังอินทรีในเช้าวันถัดมา ส่วนตนจะอยู่วางแผนงานที่นี่ต่ออีกสองสามวัน หลินมู่อวี่เป็นคนดูแลกลุ่มมังกรผงาดแห่งนี้ หากจะไม่วางแผนพัฒนากลุ่มเลยคงไม่เป็นการดี อีกทั้งบรรดาหญิงสาวที่ช่วยมาก็กำลังรอให้หมู่บ้านแล้วเสร็จ

สมาชิกมังกรผงาดยี่สิบคนถูกส่งเข้าเมืองในตอนเช้าเพื่อไปหาจ้างช่างไม้และสถาปนิก เมื่อกางแผนที่ป่าล่ามังกรออกก็พบว่ามีเครื่องหมายสีแดงอยู่หลายจุด หลัวอวี่ขมวดคิ้วพูด “ตอนนี้มีอยู่สองกลุ่มใหญ่ที่เป็นภัยคุกคามกับเรา กลุ่มแรกคือทหารรับจ้างหมาป่าเพลิง และอีกกลุ่มเป็นโจรภูเขาบนเขากวางอินทนิล”

“ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงรึ?”

“ถูกต้องขอรับ”

หลัวอวี่กล่าวต่อ “ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงเป็นกลุ่มทหารพเนจร พวกมันคอยปล้นสะสมและไล่ฆ่าชาวบ้านหลายแห่งในเขตอวิ้นจง…กรมเมืองที่มีทหารรักษาการณ์เพียงสองร้อยนายนั้นทำอะไร กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงที่แข็งแกร่งและมีกว่าสามพันคนไม่ได้เลย”

“อืม…” หลินมุ่อวี่กระชับกระบี่วิญญาณมังกรไว้ในมือ “ทหารรับจ้างสามพันนายมีมากกว่าเราสิบเท่า หากต้องสู้กันจริงๆ โอกาสชนะของเราน้อยมาก”

หลัวอวี่พยักหน้า “ใช่ขอรับ ข้าจึงไม่เคยนำกองกำลังเข้าปะทะเลย อย่างไรก็ตามมีข่าวลือว่าหัวหน้าของพวกมันที่ชื่อเฟิงสี่กำลังจับตาดูภูเขาผามังกรของเราอยู่ ข้ายังได้ยินมาอีกว่าพวกมันกำลังปักหลักอยู่ใกล้ๆ และไม่เกินสองวันจะบุกโจมตีเราขอรับ!”

“ไม่เป็นไร…”

หลินมู่อวี่เผยแววตาเย็นชา “เช่นนั้นข้าจะปักหลักอยู่ภูเขาล่ามังกรสักสองสามวัน และลองเจรจากับเฟิงสี่ดู”

“ขอรับ!”

หลังจากนั้นหลินมู่อวี่จึงมอบกระบี่เหลียวหยวนของตนให้แก่หลัวอวี่ เขาแข็งแกร่งพอจะใช้อาวุธระดับนิลอันทรงพลังได้ แต่แน่นอนว่ากระบี่วิญญาณมังกรที่หลินมู่อวี่ใช้อยู่นั้นแข็งแกร่งกว่า หากต้องต่อสู้กับผู้ใช้อาวุธต่ำกว่าระดับนิลแล้ว นอกจากอาวุธนั้นจะแตกสลายแล้วคงไม่มีใครเอาชีวิตรอดไปได้ นี่คือความน่ากลัวขออาวุธระดับปราชญ์…

กลางดึกอันเงียบสงัด สายลมเย็นพัดผ่านพาให้หนาวสั่น หลินมู่อวี่นั่งอยู่ในห้องผู้นำ อ่านตำราหลอมกระดูกมังกรและฝึกฝนทักษะชีพจรวิญญาณเพื่อเพิ่มพลังกายและจิตวิญญาณ เขาอยากแข็งแกร่งขึ้นเพื่อสร้างฐานให้ตัวเองในโลกนี้ มิเช่นนั้นคงทำอะไรไม่ได้

“ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…”

หลัวอวี่เคาะประตู “เราเพิ่งได้รับรายงานมาขอรับ ทหารรับจ้างหมาป่าเพลิงส่งกองกำลังหนึ่งร้อยห้าสิบคนมา คาดว่าจะถึงที่นี่ตอนเช้าขอรับ!”

“ทราบแล้ว”

หลินมู่อวี่ออกคำสั่ง “เตรียมพร้อมซุ่มโจมตี”

……………………