ตอนที่ 437 สวีทกันเป็นประจำ (3) / ตอนที่ 438 สวีทกันเป็นประจำ (4)

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 437 สวีทกันเป็นประจำ (3)

 

 

อวี๋เยว่หานตะลึงกับคำถามของเธอ แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

 

 

ในรอยยิ้มนั้นฉายแววหยอกเย้าออกมา “คุณทายสิ”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…” จบกัน!

 

 

ทั่วไปแล้วเวลาผู้ชายกำลังเผชิญหน้ากับการถามถึงเพศตรงข้ามจากผู้หญิง การที่เขาพูดว่า ‘คุณทายสิ’ มักจะหมายความว่าเขาไม่อยากตอบ

 

 

หรือไม่เขาก็ใจฝ่อ กำลังจะหลบเลี่ยง!

 

 

หญิงสาวทำหน้างอ ก่อนจะถลึงตาใส่เขาพร้อมทำปากจู๋ “อวี๋เยว่หาน คุณน่าจะยังจำได้นะ ว่าคุณมีแฟนแล้ว คนที่มีแฟนแล้วควรจะรักษาระยะห่างกับเพศตรงข้ามไม่ใช่เหรอ”

 

 

“นี่เป็นงานนะ” อวี๋เยว่หานเลิกคิ้ว

 

 

“เอางานมาเป็นข้ออ้างดึงดูดเพศตรงข้ามยิ่งหน้าไม่อาย!” น้ำเสียงจริงจังของเหนียนเสี่ยวมู่เน้นย้ำอย่างหนักแน่น

 

 

ครั้นเห็นเขาไม่พูดจบ เธอจึงแอบหยิกเขาข้างใต้โต๊ะครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เธอหยิกเขาแรงจนตัวเองก็ขอบตาแดงไปด้วย

 

 

สีหน้าจริงจังของเธอ พลันเปลี่ยนเป็นน่าสงสารในทันที

 

 

“ว่ากันว่าผู้ชายได้ใครมาไว้ในครอบครองแล้ว ก็มักจะไม่เห็นคุณค่า คุณดูตัวเองสิ คุณคือตัวอย่างแบบคลาสสิคเลยแหละ เมื่อคืนยังบอกว่าชีวิตนี้มีฉันก็พอแล้วอยู่เลย พอใส่เสื้อผ้าคุณมา คุณก็กลับจำฉันไม่ได้แล้ว คุณมันไม่ได้เรื่อง!”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ว่าพลางทำเป็นเช็ดน้ำตาที่หางตา

 

 

ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องเห็นภาพนี้ พวกเขาคงจะคิดว่าอวี๋เยว่หานนอกใจจริงๆ

 

 

อวี๋เยว่หาน “…”

 

 

เขาไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของนักข่าวมาก่อน ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนไม่เอาไหนขึ้นมาล่ะ

 

 

หญิงสาวไม่สนใจสีหน้างงงันของเขา แต่ลุกขึ้นนั่งบนตักของเขาโดยตรง พร้อมกับยื่นมือไปดึงเนกไทของเขาไว้ รวมถึงเริ่มถอดเสื้อด้วย

 

 

“คุณจะทำอะไร” อวี๋เยว่หานถาม

 

 

“ชุดสูทตัวนี้หล่อเกินไป ตอนผูกเนกไทให้คุณ ฉันเห็นแล้วยังเข่าอ่อนเลย เกือบจะจูบคุณเพราะทนไม่ไหวอยู่แล้ว คุณคิดดูนะ เห็นแก่ความปลอดภัย ให้ผู้หญิงคนอื่นเห็นไม่ได้! คุณรีบไปเปลี่ยนเป็นตัวที่น่าเกลียดหน่อย ถึงยังไงบทสัมภาษณ์ก็เป็นตัวหนังสือ ไม่ได้มีภาพอะไร แต่งตัวหล่อไปทำไมกัน”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่พูดเพราะคิดอย่างนั้นจริงๆ

 

 

ฝ่ายอวี๋เยว่หานเห็นท่าทางขี้หึงของเธอแล้ว ชายหนุ่มก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

 

 

เขามองเห็นทุกสีหน้าของเธอชัดเจน มันใสซื่อและจริงใจทั้งหมด

 

 

ชอบก็คือชอบ สำหรับเขาแล้ว อย่าว่าแต่คนอื่นจะมาแย่งแล้ว แค่มองมากกว่าหนึ่งครั้งก็ไม่ได้

 

 

เธอทำให้เขารักจนไม่สามารถปล่อยมือไปได้แล้ว

 

 

เขาอยากจะมีกระเป๋าติ๊ต่าง ที่ไปที่ไหนก็สามารถพกเธอไว้ในกระเป๋าได้

 

 

อวี๋เยว่หานยื่นมือไปบีบแก้มของเธอทันที “นักข่าวผู้ชายก็ต้องเปลี่ยนเหรอ”

 

 

“อย่าเพิ่งมาพูดกับฉัน ไปเปลี่ยนชุดก่อน…” เหนียนเสี่ยวมู่พูดไปได้ครึ่งเดียว ก่อนจะตะลึงงันไป เธอเงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง

 

 

เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ

 

 

นักข่าวผู้ชาย…ผู้ชาย?!!!

 

 

หญิงสาวอยู่ในท่าเดิมนานทีเดียว

 

 

เอาแต่มองเขาด้วยความงงงวย

 

 

เพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะตอบเขาอย่างไร

 

 

เธอเพิ่งโวยวายไร้สารถต่อหน้าแฟนไปหนึ่งยก ผลปรากฏว่าปล่อยไก่ แล้วคราวนี้ควรทำอย่างไรดี

 

 

ยอมรับผิดในตอนนี้จะยังรักษาภาพลักษณ์ของนางฟ้าไว้ได้ไหมนะ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ลูบจมูกตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ และผูกเนกไทให้เขาอีกครั้ง

 

 

แม้แต่คอเสื้อชุดสูดที่ยับยู่ยี่ หญิงสาวก็ใช้มันกดทับจนมันเรียบสวยอย่างเอาใจใส่

 

 

จากนั้นก็กะพริบตาสดใส ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเขาเมื่อครู่ แล้วกระแอมสองเสียง ก่อนจะพูดอย่างมีน้ำโห

 

 

“ความจริงคิดดูแล้วก็ช่างเถอะ ในเมื่อคุณมองแต่ฉันเท่านั้น คงไม่เห็นผู้หญิงสวยๆ พวกนั้นในสายตาอีก ใส่อะไรก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ!”

 

 

“…”

 

 

“ฉันจริงจังนะ คุณไม่ต้องง้อฉัน ฉันเป็นคนใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอ ก็แค่ชุดสูทตัวเดียว ใส่แล้วหล่อก็ดี เคารพคนที่มาสัมภาษณ์คุณสินะ! ฉันข้าใจ!”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กล่าวพลางกลับไปนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าลงหยิบขนมปังชิ้นหนึ่ง ยัดเข้าไปในปากตัวเอง

 

 

ทำเหมือนกับว่าตัวเองกำลังกินข้าวอยู่ ไม่ว่าง ปากไม่ว่างจะพูดด้วย

 

 

 

 

ตอนที่ 438 สวีทกันเป็นประจำ (4)

 

 

มื้ออาหารเช้าจบลงแล้ว

 

 

อวี๋เยว่หานลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง ก่อนจะรับเสื้อนอกกันลมไปจากพ่อบ้านอย่างสง่างาม

 

 

เสื้อกันลมสีเข้มขับเน้นให้รูปร่างสูงโปร่งของเขายิ่งหล่อเหลาน่าหลงใหลเป็นพิเศษ

 

 

ท่าทางสูงเจือไปด้วยความห่างเหินอันยากที่คนทั่วไปจะเข้าใกล้ได้

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอยันศีรษะเอียงคอมองภาพตรงหน้า พลางบ่นในใจเงียบๆ ‘ตาปิศาจ’ !

 

 

ดีที่เธอจัดการเขาแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาจะออกไปแกล้งผู้หญิงที่ไม่รู้จักอีกเท่าไหร่

 

 

พอเขาสวมเสื้อเรียบร้อยแล้ว เธอถึงจะออกไปข้างนอกกับเขา

 

 

ขณะที่กำลังจะขึ้นรถ อวี๋เยว่หานกลับหยุดฝีเท้า แล้วหันมามองหญิงสาว

 

 

นัยน์ตาสีดำเจ้าเล่ห์ฉายความชั่วร้ายออกมา เขาไม่พูดจา เอาแต่มองเธอเท่านั้น

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่อ่านความความในสายตาเขาได้อย่างน่าประหลาด จึงเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบบนริมฝีปากบางของเขาครั้งหนึ่ง แล้วกำชับอย่างบ้าอำนาจ “ประทับตราไว้ ว่าคุณเป็นคนของฉัน เสือสิงห์ข้างนอกเห็นแล้วอย่าว่าแต่ยั่วคุณเลย จะมองแม้แต่ครั้งเดียวก็ไม่ได้!”

 

 

“แค่นี้พอแล้วเหรอ” อวี๋เยว่หานยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้งหนึ่ง

 

 

จากนั้นอวี๋เยว่หานก็จากไป

 

 

เสี่ยวลิ่วลิ่วยังไม่ตื่น

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ที่เงียบลงไปถนัดตา อยู่ๆ ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาบ้าง

 

 

เธอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชั้นบนตามความเคยชิน เพื่อไปถึงที่บริษัทก่อน

 

 

หญิงสาวไม่ได้รบกวนให้คนขับรถไปส่ง แต่เรียกแท็กซี่ที่ข้างทาง ไปยังบริษัทด้วยตัวเอง

 

 

ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก ทันทีที่ขึ้นรถไป เธอจึงรู้สึกง่วงนอนอยู่บ้าง

 

 

เธอพิงหน้าต่างงีบหลับอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้น เมื่อรู้สึกว่าใกล้ถึงแล้ว

 

 

ครั้นหันหน้าออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง เธอพบว่าถนนเส้นนี้ไม่คุ้นตา และไม่ใช้เส้นทางไปบริษัทตระกูลอวี๋

 

 

“คุณคะ คุณไปผิดทางหรือเปล่าคะ” เหนียนเสี่ยวมู่เอ่ยปากถามตามสัญชาตญาณ

 

 

หลังจากเธอพูดจบ คนขับรถกลับไม่ตอบ แต่ขับรถเร็วขึ้นกว่าเดิม!

 

 

ไม่ถูกต้องแล้ว!

 

 

จะต้องเกิดปัญหาที่ไหนสักที่!

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่รีบก้มหน้าความหาโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ต้องพบว่ามันไม่มีสัญญาณเลยสักขีด

 

 

บนรถน่าจะปล่อยเครื่องดักสัญญาณฌอาไว้ และแถวนี้ก็ดูจะเปลี่ยวมากด้วย…

 

 

“คุณเป็นใคร ต้องการอะไร” เหนียนเสี่ยวมู่ลองเปิดประตูรถ ทว่ามันถูกล็อกจากด้านนอกไว้

 

 

เธอพุ่งตัวไปข้างหน้า เพื่อคว้าหมวกของคนขับรถ

 

 

เมื่อหมวกหลุดออกไปแล้ว เธอถึงจะสังเกตเห็นว่า คนขับรถใส่หน้ากากเอาไว้ด้วย!

 

 

เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า

 

 

มีคนพุ่งเป้ามาที่เธอ…ปล้นเหรอ หรือว่าลักพาตัว

 

 

หรือคิดจะทำอย่างอื่น

 

 

“จอดรถ!” เหนียนเสี่ยวมู่มองรถที่กำลังจะมุ่งหน้าเข้าไปในตรอกเล็กๆ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะพุ่งตัวไปแย่งพวงมาลัย

 

 

“ปัง”

 

 

รถชนกับต้นไม้ที่ปากทางเข้าตรอก ก่อนจะหยุดลง

 

 

ทั้งสองคนถูกแรงกระแทกทำให้รู้สึกมึนงงอยู่บ้าง

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่จับศีรษะที่วิงเวียน และถือโอกาสตอนที่คนขับรถยังไม่รู้สึกตัว รีบยื่นมือไปเปิดประตูรถ และวิ่งออกไป

 

 

“อย่าหนีนะ!” ครั้นคนขับรถดึงสติกลับมาได้ เขาเห็นเธอกำลังจะหนีไปแล้ว จึงยื่นมือไปคว้าข้อเท้าของเธอเอาไว้

 

 

หญิงสาวถีบขาของเขาอย่างแรงครั้งหนึ่ง และถือโอกาสตะเกียกตะกายออกจากรถไป

 

 

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะยืนได้มั่นคง เธอก็เห็นว่าหลายๆ คนในตรอกเห็นความผิดปกติแล้ว และกำลังออกมาจากในตรอกอย่างรวดเร็ว

 

 

ทว่าทันทีที่เห็นเธอ สายตาของคนพวกนั้นก็ดูดุดันขึ้น!

 

 

พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน…

 

 

คนขับรถมุดออกมาจากในรถ แล้วตะโกนบอกพวกเขา “เธอหนีไปแล้ว รีบจับเธอสิ!”

 

 

เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว พวกเขาหลายคนก็ล้อมเหนีเยนสี่ยวมู่เอาไว้แล้ว

 

 

ขณะที่เพิ่งมีคนยื่นมือออกมาหาเธอ เหนียนเสี่ยวมู่พลันหมุนตัวเตะไปที่เป้ากางเกงของคนคนนั้น ทำเอาเขาคุกเข่าลงร้องตะโกนเรียกพ่อจ๋าในทันที

 

 

ที่เหลืออีกสามคนต่างก็มองหน้ากัน แล้วควักมีดพัดที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าออกมาอย่างพร้อมเพรียง

 

 

ก่อนจะขู่เธอว่า “วันนี้เธอหนีไปไม่ได้แล้ว ฉันว่าเธอว่าง่ายๆ หน่อยดีกว่า ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกพี่ไม่ออมมือ กลัวแต่ว่าเธอจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้!”