ตอนที่ 142: การสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเทียนซ่ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 142: การสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเทียนซ่ง

” เขาวิ่งไปที่นั่น ! ” มีคนชี้ไปที่ที่ชายคนนั้นวิ่งออกไป

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เทียนซ่งหลีจึงหันหน้าไปยังจุดที่ทหารรับจ้างชี้ ในขณะนี้ ต้นหญ้าที่ชูสูงกำลังสั่นเล็กน้อย เนื่องจากมีคนเพิ่งผ่านมันไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังมีร่องรอยชัดเจนของเส้นทางของใครบางคน

เทียนซ่งหลีกลับมาจ้องมองศพที่อยู่บนพื้น เขามีสีหน้าเศร้าหมอง ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขาไม่อยู่ อีก 15 คนเสียชีวิต เขากลัวว่าหากสิ่งนี้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ เขาจะมีคนเหลือไม่ถึง 50 คนในตอนที่เขาออกจากเทือกเขาสัตว์อสูร ด้วยความสูญเสียอันหนักหน่วงเช่นนี้ ตระกูลเทียนซ่งคงไม่สามารถฟื้นตัวได้

เซียนผู้เชี่ยวชาญ 20 คนที่ติดตามเทียนซ่งหลียืนอยู่ข้างหลังเขาเงียบ ๆ เมื่อมองดูซากศพกว่าสิบคนบนพื้นดิน พวกเขาทุกคนมีสีหน้าที่จริงจังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

“ไปต่อ ! ” เทียนซ่งหลีออกคำสั่ง หลังจากสองสามวันที่ผ่านมา เขารู้อยู่แก่ใจว่าในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของเทือกเขาสัตว์อสูรทำให้เขาไม่สามารถฆ่าเด็กหน้าโง่ที่ฆ่าคังเอ๋อบุตรชายของเขาได้ หากมันยังเป็นต่อไปเช่นนี้ กองทัพของเขาก็จะถูกทำลายอย่างราบคาบ

“สำหรับตอนนี้เราจะเปลี่ยนแผน สำหรับสี่ทิศ แต่ละทิศจะมีเซียนผู้เชี่ยวชาญ 5 คนนำกลุ่ม และเซียนระดับสูงจะอยู่ตรงกลาง รักษารูปแบบนี้ในขณะที่เดินทัพข้างหน้า” เทียนซ่งหลีอธิบาย สำหรับเด็กที่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเขาแต่กลับสามารถให้อยู่ในสภาวะดังกล่าวได้นั้น เป็นความอัปยศอดสูที่ไม่สามารถลบล้างได้

หลังจากนั้นไม่นานตระกูลเทียนซ่งก็ทำตามการเปลี่ยนแปลงขบวนแถวของเทียนซ่งหลีและยังคงเดินทางต่อไป ตอนนี้พวกเขาถูกจู่โจมอย่างน่าประหลาดใจครั้งหนึ่ง ทุกคนตื่นตัวอย่างมากกับสภาพแวดล้อม ดวงตาของพวกเขาก็กวาดไปรอบ ๆ บริเวณอย่างระมัดระวัง ไม่ให้มีการจู่โจมเกิดขึ้นอีกครั้ง

เทียนซ่งหลียืนอยู่ตรงกลางของขบวน พลังเซียนภายในเคลื่อนไหวในตัวเขาอย่างต่อเนื่อง เขาแค่ต้องการให้เด็กคนนั้นปรากฏตัวอีกครั้ง ไม่ว่าตำแหน่งอะไรก็ตาม เทียนซ่งหลีจะสามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว

ตาของเทียนซ่งหลีมองดูพื้นที่ข้างหน้าเขา หูของเขากระดิกขณะที่เขาพยายามฟังการเคลื่อนไหวใกล้ ๆ

“ตราบใดที่เจ้าปรากฏตัว ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้” เทียนซ่งหลีตัดสินใจ

กลุ่มทหารเดินผ่านป่าทึบอย่างช้า ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับฆาตกรที่ซ่อนตัว พวกเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปเพราะจะเป็นการเปิดทางให้คนที่แอบอยู่ไหวตัวทัน

ขณะที่กลุ่มทหารกำลังจะก้าวข้ามเขตแดนที่หญ้าสูงหยุด ร่างของคนก็พุ่งออกมาจากหญ้า และในเสี้ยววินาทีนั้นเขาแทงหัวใจและคอของทหารรับจ้างหลายคน

” อย่าคิดว่าจะหนีพ้น ! “

เมื่อร่างลึกลับนั้นแทงเข้าไปในลำคอของทหารรับจ้าง เสียงคำรามโกรธก็กังมาจากกลางขบวน ขวานธาตุดินของเทียนซ่งหลีบินไปตามร่างที่กำลังเคลื่อนไหว

ในเวลาเดียวกัน เซียนผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มก็กระโจนไปข้างหน้าพร้อมด้วยอาวุธเซียน พร้อมที่จะเฉือนศัตรูของพวกเขาทันที

ผู้ชายคนนั้นไม่มีความปรารถนาที่จะต่อสู้กับใคร เขาเรียกอาวุธเซียนกลับมาและพุ่งออกจากกลุ่มแล้วมองไปที่หญ้าสูงอีกครั้ง

“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไล่ตามเขาเอง” เทียนซ่งหลีคำรามก่อนที่จะลงไปในหญ้าสูงตามหลังจากชายคนนั้น

พื้นที่บริเวณนั้นหญ้าสูงพอที่จะปกปิดคนคนหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ภายในบริเวณนั้นและชายคนที่สวมชุดหนังกำลังเคลื่อนที่ผ่านหญ้าอย่างคล่องแคล่วและว่องไว เขาทำผิดพลาดน้อยมากและเขาก็รักษาความเร็วไว้ได้โดยไม่ส่งเสียงใด ๆ ราวกับว่าร่างกายของเขาเลื้อยแทนที่จะวิ่ง ไม่มีน้ำหนักที่สัมผัสพื้นขณะที่เขาวิ่ง มันเหมือนกับว่าเขากำลังใช้หญ้าเพื่อรองรับแทนที่จะเป็นพื้นดิน

“คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่ ! ถ้าข้าไม่ฆ่าเจ้าวันนี้ ข้าจะไม่สามารถลบความเกลียดชังนี้ออกจากหัวใจของข้าไปได้ ! ” เทียนซ่งหลีไล่ตามชายคนนั้น ความเร็วของเขามาถึงจุดสูงสุดของขีดจำกัด ในขณะพลังเซียนธาตุดินบินออกไปเหมือนควันจากขาของเขา ขาของเขากระแทกลงกับพื้นอย่างต่อเนื่อง เขาจึงไม่ช้ากว่าคนที่เขากำลังไล่ล่า

ชายใส่ชุดหนังเริ่มเปลี่ยนทิศทาง และเช่นเดียวกันเทียนซ่งหลีที่ติดตามอย่างใกล้ชิดในหญ้าสูง แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นคนที่อยู่ข้างหน้า บางครั้งเขาก็ต้องกระโดดขึ้นไปในอากาศ

ในขณะนี้ ลมที่รุนแรงก็พัดผ่านหญ้าสูง ทำให้เกิดเสียงกระแทกทั่วทั้งพื้นที่และทำให้เทียนซ่งหลีซึ่งไล่ตามชายผู้นั้นซีดเซียว เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศแล้วสำรวจพื้นดินเบื้องล่างเพื่อมองหาร่างของชายคนนั้น สายตาของเขาคลาดกับร่องรอยของชายลึกลับไปแล้ว

“ลมบ้าบอจะมาพัดอะไรตอนนี้ ข้ามองไม่เห็นเด็กคนนั้นเสียแล้ว ! “

เมื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ ใบหน้าของเทียนซ่งหลีจึงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เขาอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งด้วยความโกรธ เขาไม่ได้ยอมแพ้หลังจากนั้น เขาก็กระโดดขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง เมื่อมองลงไปเขาก็พยายามตามหาร่องรอยของชายคนนั้น แต่เขาไม่สามารถทำได้เพราะลมแรงที่ยังคงพัดอย่างต่อเนื่องทำให้หญ้าสูงทั้งหมดลอยอยู่ในสายลมและทำให้เขาไม่สามารถตามรอยไปได้

“แน่นอนว่าข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป ถ้าเจ้ากล้าจริงก็บอกชื่อมา ! ” เทียนซ่งหลีคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงของเขากระจายไปในอากาศทำให้ได้ยินเสียงสะท้อนจากที่ไกล

ไม่นานหลังจากนั้นมีเสียงหัวเราะที่ชัดเจนดังขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า เรียกข้าว่าเจี้ยนเฉิน ตระกูลเทียนซ่ง วันหนึ่งข้าจะไปเยี่ยมพวกเจ้าอีกครั้ง จนกว่าวันนั้นจะมาถึง ข้าหวังว่าผู้นำตระกูลจะไม่กังวลเกี่ยวกับข้า”

“เจี้ยนเฉิน. ดี, ดี, ดี ! ข้า เทียนซ่งหลีขอสาบานว่าแม้ว่าเจ้าจะหนีไปจนสุดหล้า ข้าก็จะตามหาเจ้าให้เจอ ! เจ้าจะไม่รอดเงื้อมมือข้าไปได้ ! ” เทียนซ่งหลีคำราม

ครั้งนี้ไม่มีการตอบสนอง

เทียนซ่งหลีไม่สามารถพูดอะไรได้อีก และเขานำขบวนตระกูลเทียนซ่งที่เหลือออกจากเทือกเขาสัตว์อสูร พวกเขาเดินออกจากพื้นที่หญ้าอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เจอกับการจู่โจมอีก

เมื่อกลับไปถึงเมืองเวค เทียนซ่งหลีรีบเดินทางไปยังสมาคมทหารรับจ้างทันทีและมอบรางวัลสูงถึง10,000 เหรียญม่วงสำหรับการจับเป็นเจี้ยนเฉิน

หลังจากนั้นทั้งเมืองเวคก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง 10,000 เหรียญม่วง รางวัลที่มีราคาแพงเช่นนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์เมืองเวค และราคาที่สูงนี้ก็ถือว่าหาได้ยากในทวีปเทียนหยวน เรื่องนี้ยังทำให้สมาคมทหารรับจ้างเพิ่มระดับภารกิจในระดับ A ทำให้มันเป็นภารกิจพิเศษ มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทหารรับจ้าง เนื่องจากภารกิจนี้ถูกส่งไปยังอาณาจักรวายุครามซึ่งเป็นอาณาจักรเพื่อนบ้าน

ในขณะนี้เจี้ยนเฉินยังไม่ทราบว่ามีการตั้งค่าหัวเขาไว้ในราคาสูงอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังชำระล้างร่างกายอยู่ในเทือกเขาสัตว์อสูร

“ปัจจุบันความแข็งแกร่งของข้าควรจะอยู่ที่เซียนระดับสูงขั้นสูงสุดแล้ว ในอีกสองสามวันข้างหน้า ข้าต้องตามล่าสัตว์อสูรให้ได้สองสามตัวในเทือกเขาและตัดผ่านไปสู่ระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญ ด้วยวิธีนี้ถ้าข้าเจอเทียนซ่งหลีในอนาคต จะไม่ถือว่าข้าเป็นคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอสำหรับเขา” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเองในขณะที่เขาวางแผนอย่างรวดเร็วสำหรับอนาคต