ฉินมู่และคณะเดินไปบนสะพานที่ทำมาจากกิ่งหลิว และเมื่อพวกเขาเดินไปข้างหน้า ก็เห็นสะพานบิดคดโค้งไปหลายร้อยครั้ง ข้างนอกสะพานคือชิ้นส่วนมิติอวกาศที่แตกหักอันโกลาหลมากมาย ด้วยแสงสว่างที่สาดส่องมาจากทุกทิศทาง พวกมันก็เหมือนกับกระจกที่ปราศจากความหนา และชิ้นส่วนพวกนี้ก็เผยให้เห็นภาพต่างๆ ประหลาดกันไป
ชิ้นส่วนแตกหักมิติอวกาศอันตรายร้ายกาจ และพวกมันลอยไปมาโดยไม่มีแบบแผนที่แน่นอน แต่กระนั้น สะพานก็ยังคงเสาะหาเส้นทางอันปลอดภัยได้
บางคนยืนอยู่บนสะพานก้มมองลงไป และมองไม่เห็นอะไรเลยนอกเสียจากชิ้นส่วนมิติอวกาศมากขึ้นอีก
“อย่ามองวอกแวก ทุกๆ ย่างก้าวจะต้องมั่นคง!”
เสียงของเทพเที่ยงแท้ผางอวี้ดังมา “หากว่าเจ้าตกลงไป เจ้าก็จะตายโดยไร้ที่กลบฝัง ไม่มีทางหาซากสังขารเจ้าได้!”
พวกเขาเดินไปพักหนึ่ง แล้วถึงเห็นปลายทางในที่สุด
ฉินมู่เหยียบขึ้นไปบนพื้นดินอันมั่นคง และมองไปรอบๆ ก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมา มันเป็นสวรรค์ไท่หมิงจริงๆ เมื่อเขาและพุทธเจ้าท้าวสักกะถูกไล่ล่ามาโดยจักรพรรดิแดงสวรรค์ทักษิณฉีเสียอวี๋ เขาก็ได้กลับไปแดนโบราณวินาศจากที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อแดนโบราณวินาศร่วงหล่นลงจากปราสาทสวรรค์ และตกทะลุลงไปผ่านสวรรค์ไท่หวง รอยแตกร้าวในมิติอวกาศ ก็อยู่ไม่ห่างไม่ไกลจากที่นี่!
ทุกคนขึ้นมาเหยียบแผ่นดินสวรรค์ไท่หมิงและมองไปรอบๆ พวกเขาเห็นก็แต่แผ่นดินอันมืดมิดและลมร้ายที่ชำเราผืนดิน พวกเขาสามารถเห็นกระดูกเป็นกองๆ ที่ก่อขึ้นมาเป็นลูกบอลกระดูกขาวอันกลิ้งไปกลิ้งมาในสายลม
แครก แครก แครก แครก ภาพของลูกบอลกระดูกขาวกลิ้งไปมา ได้กลายเป็นทัศนียภาพเฉพาะในสวรรค์ไท่หมิง
เมื่อลมหยุดลง ลูกบอลกระดูกขาวก็กระจัดกระจายลงกับพื้น โครงกระดูกจำนวนมากเริ่มลุกคลานขึ้นมาเพื่อหาชิ้นส่วนกระดูกของตนเอง บางตนถึงกันต่อสู้แย่งชิงกระดูกขากัน
ทันใดนั้น โครงกระดูกก็สังเกตเห็นพวกเขา และหันมามองดู
ทุกๆ คนหัวใจบีบรัด และพวกเขากำลังจะต้องท่าระวังป้องกัน ฉินมู่ก็เลยรีบบอก “อย่าว้าวุ่นไป พวกเขาแค่ไม่เคยเห็นมนุษย์มาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงสนใจใคร่รู้ จริงๆ แล้วพวกเขาน่ารักมากและไม่มีอันตรายใดๆ”
โครงกระดูกที่กล้าหาญจำนวนหนึ่งก้าวออกไปข้างหน้าและแตะต้องเสื้อผ้าของผู้ฝึกวิชาเทวะที่กำลังอพยพหนี บ้างก็ใจกล้าถึงขนาดหยิกแก้มของเด็กสาวเล่น
ฉินมู่นำเอาเสื้อผ้าหลายชุดออกมาจากถุงเต๋าตี้ของเขา และมอบให้แก่โครงกระดูกเหล่านั้น พวกโครงกระดูกสวมใส่เสื้อผ้าและกระโดดโลดเต้นด้วยความเริงร่าก่อนที่จะถอดออก โครงกระดูกอื่นๆ ล้วนแต่อิจฉา เลยวิ่งไล่พวกนั้น
“แผ่นดินที่นี่ไม่มีความอุดมสมบูรณ์เลยแม้แต่น้อย” ยายเฒ่าซีพยายามเพาะปลูกสมุนไพรลงไปในดิน แต่สมุนไพรก็เหี่ยวแห้งลงไปอย่างรวดเร็ว นางส่ายศีรษะไปมา
เทพซังเย่สูดจมูกฟุดฟิดและกล่าว “ในอากาศที่นี่ก็ไม่มีพลังจิตวิญญาณด้วย สถานที่นี้ไม่เหมาะให้สิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่อาศัย คงมีแต่โครงกระดูกที่สามารถรอดอยู่ที่นี่ได้”
“สวรรค์ไท่หวงกำลังร่วงลงไป!” บางคนโพล่งร้องขึ้นมา
หัวใจของฉินมู่และคนอื่นสะท้านสะเทือนอย่างรุนแรง และพวกเขาก็เร่งรีบหันไปมองเส้นทางที่พวกเขาจากมา พวกเขาสามารถเห็นชิ้นส่วนแตกหักของอวกาศที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างสะเปะสะปะและบางครั้งก็มีประกายไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะปร๊ะจากที่ไกลๆ สวรรค์ไท่หวงดูรางเลือนอยู่ลิบๆ
สาเหตุก็เพราะว่า สวรรค์ไท่หมิงขมุกขมัว และแทบจะมองไม่เห็นอะไรอื่น แต่ทว่า สวรรค์ไท่หวงเป็นทะเลลาวาที่สว่างจ้าเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถมองเห็นสวรรค์ไท่หวงจากที่ยืนอยู่บนสวรรค์ไท่หมิงได้
สวรรค์ไท่หวงเอียงกะเท่เร่ไปข้างหนึ่ง และองศาการเอียงของมันก็ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้น
สวรรค์ไท่หวงดูเหมือนกำลังร่วงหล่นลงไปในหน้าผาขาด!
“สถานที่ใต้หน้าผาขาดคือที่ไหน” เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ถาม
ฉินมู่กล่าวอย่างนุ่มนวล “สันตินิรันดร์ ไม่สิ มันคือแดนโบราณวินาศ”
ทุกคนตกตะลึง
หากว่าสวรรค์ไท่หวงร่วงลงไปฟาดแดนโบราณวินาศ มันก็คงจะทำให้เกิดภัยพิบัติอีกรอบหนึ่ง!
ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ “ผู้คนแห่งแดนบาดาลนั้นอำมหิตและตัดโอกาสทุกทางจริงๆ! พวกเรารีบไปกันเถอะ พวกเราจะต้องเข้าไปในแดนโบราณวินาศก่อนสวรรค์ไท่หวง ไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะต้องตายอย่างน่าอนาถ!”
“ตามข้ามา!”
ฉินมู่ตะโกนและนำทุกคนไปยังรอยแยกในอวกาศ ทุกคนตามเขา และระหว่างทางไป โครงกระดูกมากมายก็วิ่งเข้ามาและแบมือขอเสื้อผ้า
หากว่าใครมีเสื้อผ้าเหลือ พวกเขาก็จะมอบให้ และโครงกระดูกที่ได้รับมันก็จะวิ่งโลดเต้นไปรอบๆ ด้วยความดีใจ
มันมีโครงกระดูกที่สูงใหญ่แข็งแกร่ง อันน่าจะเป็นของบุรุษเพศก่อนที่เขาจะตาย แต่ว่าเขากำลังสวมใส่เสื้อผ้าสตรี ดูเขาเดินอวดเสื้อผ้าไปมาช่างประดักประเดิดเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากความวุ่นวายยกหนึ่ง พวกเขาก็มาถึงหน้ารอยแยกและมองลงไป มันมีชิ้นส่วนมิติอวกาศที่แตกหักมากมายในเหวลึก และดูอันตรายเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่ามันก็ยังปลอดภัยกว่าเส้นทางจากสวรรค์ไท่หวงมายังสวรรค์ไท่หมิงมากนัก
ชิ้นส่วนแตกหักพวกนี้ไม่หนาแน่น และทัศนียภาพของแดนโบราณวินาศแม้จะเลือนรางแต่ก็พอมองเห็นได้
คราวก่อนที่ฉินมู่มาที่นี่ เขาใช้มีดปริศนาประหารเทพเพื่อเฉือนตัดชิ้นส่วนมิติอวกาศ กระนั้นเมื่อฉินมู่มองลงไป เขาก็พบว่ามันมีเส้นทางปลอดภัยในอวกาศแตกหัก ใครบางคนได้ใช้ขวานจามผ่ามิติอวกาศอันแตกหัก และทิ้งช่องทางอันมีความยาวหนึ่งลี้เอาไว้
ช่องทางนี้ไม่มีเศษชิ้นส่วนมิติอวกาศเกะกะอยู่
นี่น่าจะเป็นฝีมือของนักบุญคนตัดไม้!
ฉินมู่เบาใจลง นักบุญคนตัดไม้ดูเหมือนว่าจะมาถึงสถานที่นี้ก่อนแล้วหนึ่งก้าว เพื่อก่อสร้างสะพานและเปิดช่องทางเอาไว้ แต่ทว่า ที่ทำให้ฉินมู่ฉงนฉงายก็คือ เขากลับจากไปโดยไม่มาสมทบกับพวกเขา
ด้วยกำลังฝีมือของนักบุญคนตัดไม้ เขาสามารถเดินทางผ่านชิ้นส่วนแตกหักของมิติอวกาศได้ด้วยตนเอง แล้วทำไมเขาถึงยังต้องคิดคำนวณเส้นทางเอาชีวิตรอดด้วยความอุตสาหะ ก่อสร้างสะพาน และเปิดช่องทางไว้ที่นี่ล่ะ
ฉินมู่ฉงนใจ
ทุกคนเหาะขึ้นไปบนอากาศ และกระโดดลงไปในอวกาศแตกหักอย่างต่อเนื่อง เมื่อพวกเขาผ่านรอยแยกอวกาศ หนึ่งในสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ตระการของแดนโบราณวินาศก็ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขา
ประตูสวรรค์ทักษิณ!
ประตูสวรรค์ทักษิณ แห่งปราสาทสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้ง!
ในท้องฟ้าเหนือประตูสวรรค์ทักษิณ เงาร่างจำนวนนับหมื่นร่วงลงมาจากฟากฟ้า และร่อนลงมาเหยียบพื้นกันทีละคนสองคน
ฉินมู่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ช่องทางไปยังสวรรค์ไท่หมิงยังคงเห็นได้อยู่รางๆ
แต่ทว่า เขาก็ก็สามารถมองเห็นสถานที่อันเปล่งแสงสีส้มออกมาด้วยเช่นกัน และนั่นก็คือสวรรค์ไท่หวง!
“ทุกคน ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด อย่ามัวแต่หยุดอยู่ที่นี่ ไปเมืองที่ใกล้ที่สุด!”
ฉินมู่ยืนตะโกนบนที่สูง “ตามข้ามา!”
ทุกคนรีบตามเขาไปอย่างสุดความสามารถ และสีส้มสุกปลั่งบนท้องฟ้าก็ค่อยๆ ชัดขึ้นและชัดขึ้น มันคือสวรรค์ไท่หวงที่กำลังเอียงลงมา และร่วงลงสู่แดนโบราณวินาศผ่านหน้าผาขาด!
แม้ว่าฉินมู่จะไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ของสวรรค์ไท่หวงผ่านห้วงลึกของมิติอวกาศได้ เขาก็ยังสามารถจินตนาการได้ว่าสถานที่แห่งนั้นจะต้องน่าสะพรึงกลัวและยิ่งใหญ่ขนาดไหน!
ไม่ใช่แต่สวรรค์ไท่หวงที่จะตกลงมา แต่ยังมีสวรรค์หลัวฝูที่ปักอยู่ในเมืองหลีแห่งสวรรค์ไท่หวงอีกด้วย
ลาวาเดือดพล่านและสวรรค์ที่ร่วงหล่นสองโลกสวรรค์ จะแทงทะลวงท้องฟ้าเหนือแดนโบราณวินาศลงมาอย่างแน่นอน
พวกเขารีบเหาะตรงไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดในแดนโบราณวินาศ และเข้าไปในเมืองนั้น ฉินมู่เห็นชายสามหน้า และขนหัวเขาก็ลุกเต็มเหยียด
“ฟู่ยื่อลัว!”
ข้างหลังเขา เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ตะโกน และรังสีฆ่าฟันของเขาก็พวยพุ่งสู่ฟากฟ้า!
ชิ้ง
เสียงของมีดคมกริบถูกชัดออกมา ผู้ฝึกวิชาเทวะนับหมื่นกับทวยเทพทั้งหลาย ต่างก็ชักอาวุธวิญญาณและเทพศาสตราของตน พวกเขาลุกโหมไปด้วยจิตฮึดสู้ และมองไปยังฟู่ยื่อลัวด้วยความเครียดเขม็ง
แดนโบราณวินาศมีเมืองมากมายที่เชื่อมต่อระหว่างสันตินิรันดร์ แดนโบราณวินาศ และสถานที่สำคัญต่างๆ ในแผ่นดินตะวันตกเข้าด้วยกัน แต่กระนั้นก็ปรากฏมารมากมายขึ้นมาในเมือง รวมทั้งมารเทวะหลายตนด้วย เมื่อผู้ฝึกวิชาเทวะเผ่ามารเห็นพวกเขา ก็ล้วนแต่เครียดเขม็งและปลุกอาวุธวิญญาณ และมารศาสตรา พร้อมที่จะสู้ได้ทุกเมื่อ!
ฉินมู่ยื่นมือออกไปและนำกล่องเล็กออกมา มือของเขาขยับอย่างรวดเร็วเพื่อจะปลดผนึกกล่อง มีประกายดุดันในดวงตาของฉินมู่ เขายิ้มหยัน “ฟู่ยื่อลัว เจ้าถึงกับพาเผ่ามารมาซ่อนตัวที่นี่ และแดนโบราณวินาศนี้เป็นแดนโบราณวินาศของข้า ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้ามาเกะกะระรานที่นี่อย่างแน่นอน!”
ทั้งสองฝ่ายพวยพุ่งไปด้วยจิตต่อสู้ ราวกับว่าสงครามกำลังจะปะทุขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง นักบุญคนตัดไม้ก็เดินออกมาจากข้างหลังฟู่ยื่อลัวและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ศิษย์ข้า วางอาวุธลง ข้าได้ช่วยชีวิตฟู่ยื่อลัวและเผ่ามารมาจากสวรรค์ไท่หวง ข้าได้ทำข้อตกลงกับเขาเรียบร้อยแล้ว และฟู่ยื่อลัวกับกองทัพของเขาจะสวามิภักดิ์ต่อสันตินิรันดร์ กลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่อยู่ใต้ปกครองของสันตินิรันดร์”
“อะไรนะ”
เทพเจ้าและผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวงทั้งหลายเต็มไปด้วยโทสะ ดวงตาของพวกเขาแทบจะพวยพุ่งเป็นเปลวไฟ เทพซังเย่ตะโกนไป “ไอ้มารพวกนี้รุกรานสวรรค์ไท่หวงของพวกเรา มีบุตรและธิดาแห่งสวรรค์ไท่หวงกี่คนที่ต้องล้มตายไป ความแค้นนี้ลึกล้ำยิ่งกว่ามหาสมุทร และพวกเขาไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกับพวกมัน! พวกข้า ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวง จะไม่ยอมละวางความบาดหมางกับเผ่ามาร!”
เทพเที่ยงแท้ผางอวี้กัดฟันกรอด “ครูบาสวรรค์ แม้ว่าท่านจะเป็นครูบาสวรรค์ แต่ท่านก็ไม่มาช่วยชีวิตพวกเรา กลับไปช่วยเผ่ามาร ข้าจะสะบั้นสัมพันธ์ทั้งหมดกับท่าน!”
“ข้า ทหารแห่งสวรรค์ไท่หวง จะไม่อยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับเผ่ามาร!”
นักบุญคนตัดไม้ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าว “ข้าคำนึงถึงอนาคตข้างหน้า ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะต้องหนีมาได้ เพราะถึงอย่างไร ศิษย์ของข้าสองคนก็อยู่กับพวกเจ้า ดังนั้นข้าจึงเลือกที่จะไปช่วยชีวิตเผ่ามาร มหาราชาฟู่ยื่อลัวได้ละทิ้งความชั่วมาเข้าสู่ความดี…”
ฉินมู่ก็ขมวดคิ้ว เขาเข้าใจความคิดของนักบุญคนตัดไม้ และรู้ว่าความคิดนี้ดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าเขาไม่ได้เอาความรู้สึกของผู้คนแห่งสวรรค์ไท่หวงเข้าไปในไตร่ตรองด้วย
เผ่ามนุษย์แห่งสวรรค์ไท่หวงได้ต่อสู้กับกับเผ่ามารมาสองหมื่นปี และความเกลียดแค้นในหัวใจของพวกเขาก็ไม่อาจจะคลี่คลายลงไป แม้ว่าเขาจะเป็นครูบาสวรรค์แห่งยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง เขาก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้
การช่วยชีวิตเผ่ามาร คือการทรยศอันร้ายแรงที่สุดต่อสวรรค์ไท่หวง!
ตูม
ท้องฟ้าแห่งแดนโบราณวินาศพลันเขย่าสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อแสงเจิดจ้าบาดตาพลันสาดส่องลงมาจากฟากฟ้า ฉินมู่เงยศีรษะขึ้นไปดูและเห็นสวรรค์ไท่หวงกำลังร่วงหล่น
ทั้งเมืองตกในความโกลาหล ผู้คนแตกตื่นกันไปหมด เสียงร้องดังอึกทึกมาไม่รู้จบและนักบุญคนตัดไม้ก็ตะโกนไป “ทุกคน ไม่ต้องแตกตื่น! แผ่นดินนี้คือปราสาทสวรรค์แห่งจักรพรรดิก่อตั้ง ต่อให้สวรรค์ไท่หวงตกลงมาที่นี่ก็จะไม่ก่อความเสียหายมากมาย!”
ฉินมู่ ผู้ใหญ่บ้าน และคนอื่นๆ ก็ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปลอบขวัญผู้คนอันกำลังหนีตาย สวรรค์ไท่หวงดูใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นทุกที สว่างจ้าขึ้นและจ้าขึ้น ในท้ายที่สุด โลกแห่งลาวาอันอลังการนี้ก็ร่วงหล่นลงจากสรวงสวรรค์และตกฟาดลงมายังแดนโบราณวินาศ
ในแดนโบราณวินาศ รูปสลักหินเทพเจ้าโบราณมากมายพลันเปล่งแสงออกมา แสงเหล่านั้นพวยพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ซากโบราณทั้งหลายก็ส่งคลื่นกระเพื่อมอันเขย่าได้แม้แต่เทพเจ้าออกไป แสงเทวะนั้นเหมือนแสงสุริยะแสงสายรุ้ง สาดส่องออกจากทั่วทุกมุมแดนโบราณวินาศ
ซากโบราณทั้งหลายเปล่งพลานุภาพอันเกินจินตนาการและหนึ่งในนั้นที่อยู่ใกล้กับพวกเขาที่สุดก็คือประตูสวรรค์ทักษิณ เสียงของทวยเทพนับไม่ถ้วนดังออกมาจากประตู และแม้ว่าเสียงจะแผ่วเบา แต่พลานุภาพที่ยากจะเข้าใจก็แผ่พุ่งออกมาเป็นระลอกๆ
สวรรค์ไท่หวงปะทะเข้ากับรูปเงาทุกชนิดประเภทจากแดนโบราณวินาศ และความเร็วของมันก็ค่อยๆ ช้าลง ในที่สุด ดินแดนแห่งหินหลอมเหลวก็ตกลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล และเลื่อนไถลไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแดนโบราณวินาศ และไปติดชะงักอยู่ใกล้ๆ กับหน้าผาขาดตรงแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำหย่ง
ในท้องฟ้า โลกสวรรค์อีกแห่งก็ปรากฏ และมันคือสวรรค์หลัวฝูที่เสียบปักอยู่กับสวรรค์ไท่หวง สองโลกสวรรค์ได้ก่อขึ้นมาเป็นกากบาทอันเหยเก
มันรบกวนสนามแม่เหล็กในแดนโบราณวินาศ สนามแม่เหล็กของสวรรค์ไท่หวงและสวรรค์หลัวฝูได้กระเพื่อมไปซัดใส่สัตว์พิสดารมากมาย พวกมันล้มเซลงไปและถูกดึงดูดเข้าไปในตกในสองโลกสวรรค์ คลื่นแสงซัดผ่านไปรอบหนึ่ง และสนามแม่เหล็กอันปั่นป่วนก็กลับมาเป็นปกติ ผู้คนและสัตว์พิสดารมากมายก็ค่อยๆ ลอยลงมากับพื้นแดนโบราณวินาศอีกครั้ง
เมื่อแสงสว่างบาดตากวาดผ่านสวรรค์ไท่หวงและสวรรค์หลัวฝู สองโลกสวรรค์ก็เย็นตัวลงไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ความร้อนเกินจะทานทนในอากาศของแดนโบราณวินาศก็สาบสูญ
นักบุญคนตัดไม้กล่าวกับทุกๆ คน “นี่คือปราสาทสวรรค์ การพุ่งชนของสวรรค์ไท่หวงและสวรรค์หลัวฝูไม่อาจทำอันตรายใครได้! ข้าคาดคิดถึงเรื่องนี้มานานแล้ว”
ผู้คนแห่งสวรรค์ไท่หวง ไม่มีใครสนใจเขา
นักบุญคนตัดไม้อ้าปาก แต่เขาก็ไม่กล่าวต่อ เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกเดินมาที่ข้างกายเขาและกล่าวอย่างสงบนิ่ง “อาจารย์ บางครั้งบางสิ่งที่ดูสมเหตุสมผลอย่างไร้ที่ติสำหรับท่านก็เป็นสิ่งที่ผู้อื่นเข้าใจไม่ได้”
นักบุญคนตัดไม้มีสีหน้าอารมณ์ปนเปซับซ้อน แต่ไม่นานก็กลับเป็นปกติ เขาเพ่งพิศดูอีกฝ่ายและเผยยิ้มออกมา “องค์ชายฉินอู่ ในที่สุดเจ้าก็เติบโตแล้ว ข้าปลื้มใจจริงๆ ที่เห็นเจ้าเดินออกมาจากเงามืดของการเป็นคนหนีทัพได้”
กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกยังมีบรรยากาศที่หดหู่อยู่ และดูป่วยไข้ แต่เขาก็เต็มไปด้วยแก่นชีวิต ปราณ และจิตวิญญาณ เขานั้นแตกต่างจากตัวตนอันแห้งแล้งชืดชาเก่าก่อนโดยสิ้นเชิง “แล้วครูบาสวรรค์ล่ะ? การที่สหายร่วมเผ่าของท่านไม่เข้าใจท่าน จะทิ้งเงามืดเอาไว้หรือไม่”
นักบุญคนตัดไม้กล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “แม้ว่าวิชาฝึกปรือของเจ้าจะมีคำว่าศักดิ์สิทธิ์และหฤทัยอยู่ แต่เจ้าก็ไม่มีวันมาถึงขั้นกรอบคิดจิตใจของข้าได้ ความคิดเห็นของผู้อื่นไม่สามารถส่งผลกระทบต่อข้า”