บทที่ 213-2 สหายเสิ่นเป็นบุตรแห่งโชคจริงๆ (2)

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 213 สหายเสิ่นเป็นบุตรแห่งโชคจริงๆ! (2)

เสิ่นเทียนหมุนตัวกลับมามองข่งเมิ่ง “ท่านเซียนข่งเมิ่ง ช่วงนี้แซ่เสิ่นเคยเจอกับเหตุการณ์ประหลาดโดยบังเอิญในสนามรบบรรพกาลด้วย เหมือนจะเกี่ยวกับผู้อริยะที่ล่วงลับไปแล้วของเผ่าเทพนกยูง ไม่รู้ว่าเจ้าสนใจจะไปดูกับแซ่เสิ่นหรือไม่”

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กำลังนัดข้าหรือ

ข่งเมิ่งแอบหน้าแดง “ในเมื่อเป็นเหตุการณ์ประหลาดที่เกี่ยวกับผู้อริยะในอดีตของเผ่าข้า เมิ่งก็ยินดีจะตามไปด้วย”

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนหมุนตัวกลับมาพูดกับพวกฉินอวิ๋นตี๋ “พวกศิษย์น้องรออยู่ในหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์แล้วกัน เดี๋ยวศิษย์พี่จะกลับมา”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลงพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ไปตามสบายเลย! อวิ๋นตี๋พร้อมรับมือกับข้าศึกเสมอ จะปกป้องพวกศิษย์น้องไว้อย่างดี”

กุ้ยกงกงยิ้มปลื้มใจ “ความสุขขององค์ชายสำคัญกว่า ไม่ต้องห่วงพวกเราเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ในที่สุดองค์ชายก็รู้จักจู่โจมเซียนหญิงก่อน ช่างดีจริงๆ มันก็แค่นี้เองไม่ใช่รึ!

ด้วยฐานะ ตำแหน่ง พรสวรรค์และหน้าตาขององค์ชายตอนนี้ ขอแค่เขายินดีเริ่มก่อน ยังต้องกังวลว่าจะหาพระชายาไม่ได้ในเร็ววันอีกหรือ

ตอนแรกเป็นองค์หญิงขั้นหนึ่งของเผ่ามังกร ตอนนี้มีองค์หญิงน้อยของเผ่าเทพนกยูงมาชอบองค์ชายเช่นนี้อีก

หากพระสนมหลานในแดนปรโลกได้เห็นภาพนี้ จะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน

…..

แน่นอน นี่ไม่ใช่ภาพที่ทุกคนอยากเห็น

อย่างเช่นธิดาสวรรค์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกบางคน ตอนนี้รู้สึกหึงหวงมาก

เหตุใดถึงมีเพียงเผ่าปีศาจที่ทำสัญญากับพี่เสิ่นเทียนได้ ได้เป็นสหายที่สนิทสนมที่สุดกัน

ถ้าเป็นเผ่ามังกรนั่นก็ช่างเถอะ เพราะนางนั่นก็ชั่วร้ายมากจริงๆ พี่เสิ่นเทียนโดนบังคับให้เป็นนักรบมังกรก็ช่วยไม่ได้

แต่นกยูงห้าสีนี่มีสิทธิ์อะไร เหตุใดพี่เสิ่นเทียนถึงต้องไปชมทิวทัศน์กับนางเพียงลำพังด้วย

หลิงเอ๋อร์ยังทำให้ท่านไม่พอใจอีกหรือ

อืม จะต้องเป็นเพราะพลังบำเพ็ญกับศักยภาพของข้ายังไม่แกร่งพอแน่ๆ!

เสี่ยวหลิงเซียนครุ่นคิด ในโลกบำเพ็ญเซียนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กเช่นนี้ ข้ายังแข็งแกร่งไม่พอ!

มีเพียงแข็งแกร่งขึ้นถึงจะได้รับการยอมรับจากเขา ถึงจะขวางปีศาจที่หลั่งไหลมาหาพี่เสิ่นเทียนได้!

‘ข้าต้องแกร่งขึ้น ข้าจะชิงตำแหน่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ธารหยกมาให้ได้!’

ความคิดที่จะแข็งแกร่งขึ้นรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เสี่ยวหลิงเซียนนั่งฌานกลางหุบเขาเดี๋ยวนั้น เริ่มฝึกบำเพ็ญสุดชีวิต

……

และตอนนี้ เสิ่นเทียนกับข่งเมิ่งสองคนออกจากหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์แล้ว

สองคนไปตามตำแหน่งภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะข่งเมิ่ง ไม่นานก็มาอยู่ห่างไปหลายร้อยลี้

ด้วยแสงเทพห้าสีกับเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมประสานกัน ทำให้สองคนเจอเทพสังหารเทพ เจอพระพุทธสังหารพระพุทธ ไม่มีอะไรมาขวางได้

ทว่าเมื่อเจอสิ่งมีชีวิตวิญญาณมรณะที่แข็งแกร่ง ข่งเมิ่งจะสำแดงแสงเทพห้าสีควบคุมมันไว้ก่อน จากนั้นเสิ่นเทียนถึงใช้แส้ฟาดสังหาร

แม้แต่วิญญาณร้ายแข็งแกร่งระดับจุดสูงสุดแก่นพลังทอง เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียนกับข่งเมิ่งยังถูกจัดการได้อย่างง่ายดายเหมือนกับไก่ดินและสุนัขกระเบื้อง

นี่ทำให้เสิ่นเทียนสนใจแสงเทพห้าสียิ่งกว่าเดิม นี่เป็นทักษะควบคุมที่แข็งแกร่งที่สุดเลย!

ดังนั้นเขาจึงเร่งรัดจี้แสงเทพ เริ่มรับมรดกวิชาแสงเทพ

ต้องบอกว่าเสิ่นเทียนมีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินเหมาะสมกับการฝึกวิชาแสงเทพปัญจธาตุจริงๆ

ในเวลาการเดินทางครึ่งกว่าชั่วยามสั้นๆ เสิ่นเทียนก็ควบคุมแสงเทพสีแดง แสงเทพสีขาว แสงเทพสีเขียวและแสงเทพสีดำได้ในขั้นต้นแล้ว

แม้จะยังไม่ถือว่าชำนาญ แต่ขอแค่หมั่นฝึกฝน เสิ่นเทียนมั่นใจว่าจะชำนาญได้ในสิบวันถึงครึ่งเดือน ความเร็วระดับนี้ แม้แต่ข่งเมิ่งยังต้องอุทานตกใจ นี่เร็วกว่านกยูงสายเลือดบริสุทธิ์อีก

บุตรศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์คนนี้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกบำเพ็ญน่าตกใจจริงๆ

คนหน้าตาดีมักมีพรสวรรค์ไม่แย่จริงๆ!

…..

สองคนเดินทางไปพลางสู้ไปพลาง ไม่นานก็มาอยู่หน้าผนังห้าสียักษ์แห่งหนึ่ง ผนังนี้มีความสูงหลายร้อยจั้ง ด้านบนวาดนกยูงห้าสีขนาดมหึมาตัวหนึ่ง

“นี่…น่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าข้าใช้พลังสุดท้ายก่อนสิ้นชีพวางผนึกเป็นมิติเอาไว้”

ข่งเมิ่งมองผนังพลางพูดพึมพำ “บางที เราอาจจะใช้แสงเทพห้าสีผ่านเข้าไปในมิตินั้นได้”

เมื่อเอ่ยจบ แสงเทพห้าสีก็ลอยขึ้นจากข้างหลังข่งเมิ่งก่อนไหลเข้าไปในผนัง ทันใดนั้นผนังห้าสีก็เกิดคลื่นกระเพื่อมเหมือนผิวทะเลสาบ แสงห้าสีสั่นกระเพื่อมไม่หยุด ดูสวยงามมาก

“ตอนนี้น่าจะเข้าไปได้แล้ว”

ข่งเมิ่งดึงมือเสิ่นเทียนเข้าไปในมิตินั้น

เมื่อก้าวเข้ามาในผนัง เสิ่นเทียนพบว่าตนมาอยู่ในโลกสีสันห้าสี

ตรงกลางโลกนี้มีคนนั่งอยู่สองคน ทางซ้ายเป็นหญิงสวมชุดสีสันห้าสี นางกลายเป็นโครงกระดูกไปนานแล้ว เพียงแต่ตรงหน้าอกกลับมีแสงสว่างห้าสีขยับวูบวาบรางๆ

ตรงกลางแสงห้าสีนั้นยังมีพัดอันหนึ่งลอยอยู่ ดูไม่ใช่ของธรรมดา

ส่วนทางขวาเป็นชายสวมเกราะนักรบสีทอง มองจากกระดูกก็รู้ว่ามีรูปร่างกำยำมาก

ตรงหน้าอกเขามีง้าวเทพสีทองหักปักทะลวงหัวใจเขาอยู่ด้ามหนึ่ง

อีกทั้งมองไปตรงกลางง้าวเทพทองคำนั้น จะเห็นว่ากระดูกทั่วร่างชายคนนี้แตกหักหมด คงจะโดนการโจมตีอย่างรุนแรงจนไม่อาจบรรยายเข้าไป

“หากข้าเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นคู่รักผู้อาวุโสของเผ่าข้ากับเผ่าอินทรีเมื่อหมื่นปีก่อน ในสงครามครั้งนั้น ผู้อาวุโสเผ่าอินทรีถูกศัตรูสังหาร ผู้อาวุโสเผ่าข้าสู้จนเฮือกสุดท้าย และสำแดงวิชาต้องห้ามแสงเทพห้าสีผนึกตัวเองในมิติ

กาลเวลาผ่านมาหลายพันปี พวกเขาถึงปรากฏบนสนามรบบรรพกาลแห่งนี้อีกครั้ง จนพวกเรามาพบ”

ข่งเมิ่งครุ่นคิด ข้างหลังเกิดปรากฏการณ์แสงเทพห้าสีลอยขึ้นช้าๆ ส่งเสียงกู่ก้องพร้อมกับโครงกระดูกหญิงสวมชุดห้าสีนั้น

วินาทีนั้น แสงเทพห้าสีในโครงกระดูกนั้นเหมือนฟื้นคืนชีพ มันพุ่งตรงมาหาข่งเมิ่ง

แสงเทพจมเข้าไปในร่างข่งเมิ่ง ทำให้กลิ่นอายพลังนางสูงขึ้นอย่างมาก แสงเทพที่แผ่ออกมารอบตัวยังสมจริงมากยิ่งขึ้น

“นี่คือต้นกำเนิดแสงเทพห้าสีที่บรรพบุรุษเผ่าข้าใช้พลังบำเพ็ญพันปีสร้างขึ้นมา นางน่าจะสัมผัสได้ว่าข้ามีสายเลือดเดียวกับนาง ถึงได้ช่วยเหลือข้า

แล้วยังมีอาวุธของบรรพบุรุษ ‘พัดแสงเทพห้าสี’ นี่ก็เป็นหนึ่งในสมบัติศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าเทพนกยูงข้า มันหายไปในสนามรบเมื่อหมื่นปีก่อน”

ปรากฏพัดขนนกห้าสีขึ้นในมือข่งเมิ่ง บนพัดยังมีแสงเบิกฟ้าลอยอยู่ ดูสวยงามมาก

นางสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะโขกศีรษะให้โครงกระดูกหญิงคนนั้นสามครั้ง

จากนั้น ข่งเมิ่งหยิบโลงศพออกมาจากแหวนมิติ เก็บร่างของผู้อาวุโสเผ่านกยูงไว้อย่างดี

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ นางก็พูดกับเสิ่นเทียน “พัดแสงเทพห้าสีสำคัญมาก สหายเสิ่นมอบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานของเจ้า ทั้งยังช่วยเผ่าข้าตามหาพัดนี้มาคืนได้อีก ขอให้สหายเสิ่นวางใจ ข่งเมิ่งเป็นคนรู้จักตอบแทนคุณคน ภายภาคหน้าหากสหายเสิ่นมีอะไรให้ช่วย เมิ่งจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่!”

เมื่อเห็นข่งเมิ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังและจริงใจแล้ว เสิ่นเทียนก็ส่ายหน้ายิ้มๆ “ท่านเซียนข่งเมิ่งไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย”

เขาเดินเนิบนาบมาหน้าศพของผู้แข็งแกร่งเผ่าพญาอินทรีปีกทอง “ร่วมมือกันก็ได้ประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็หยดโลหิตบริสุทธิ์มาจากนิ้วชี้มือขวาลงบนเกราะนักรบมืดหม่นไร้ประกายแสงของชายคนนั้น

เมื่อโลหิตบริสุทธิ์ของเสิ่นเทียนซึมเข้าไปในเกราะนักรบ เกราะนักรบนั้นพลันเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า มีเงามายาอินทรีเทพลอยขึ้นมารางๆ

เกราะนักรบแยกร่างอย่างรวดเร็วกลายเป็นขนนกสีทองพุ่งมาหาเสิ่นเทียน

ขนนกทุกเส้นรวดเร็วถึงขีดสุด เหมือนจะทะลวงอากาศได้

เมื่อเห็นขนนกที่พากันลอยมาแล้ว ดวงตาข่งเมิ่งเป็นประกายขึ้นมา “นี่มัน…ทองคำเซียนปีกปักษาอันดับแปดในรายนามทองคำเซียน”

ทองคำเซียนปีกปักษาอยู่อันดับแปดในรายนามทองคำเซียน

มันเป็นทองคำเซียนที่เบาที่สุด เร็วที่สุดและคมที่สุดในใต้หล้า

หากทองคำเซียนนี้เป็นรูปร่างขึ้นมาจะอยู่ในสภาพขนนก แกะสลักกฎเกณฑ์ได้

เล่าลือว่าถ้าสวมเกราะนักรบที่หลอมจากทองคำเซียนปีกปักษา ต่อให้เป็นคนธรรมดาก็ยังมีปีกเหาะเหินได้!

ถ้าบอกว่าทองคำเซียนกำเนิดฟ้าคือสมบัติประจำเผ่านกยูง เช่นนั้นทองคำเซียนปีกปักษาก็เป็นสมบัติประจำเผ่าพญาอินทรีปีกทอง

เมื่อมีทองคำเซียนปีกปักษา ความเร็วของเผ่าพญาอินทรีปีกทองจะเพิ่มขึ้นอย่างถึงที่สุด

กำลังรบก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน!

น่าเสียดายก็แต่ในสงครามบรรพกาลเมื่อหมื่นปีก่อนนั้น ทองคำเซียนปีกปักษาหายสาบสูญตามเจ้านายไป

“ดูท่าสองท่านนี้คงจะเป็นโอรสสวรรค์เผ่าปักษาเมื่อหมื่นปีก่อนจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางมีพัดแสงเทพกับทองคำเซียนปีกปักษาตายไปพร้อมกันได้”

ข่งเมิ่งแอบเลื่อมใสอยู่ในใจ ‘ตอนแรกคิดว่าพรสวรรค์และดวงชะตาของของข้าถือว่าเป็นหนึ่งในดินแดนทักษิณแล้ว ไม่นึกเลยว่าเหนือคนยังมีคนเหนือฟ้ายังมีฟ้า เทียบกับสหายเสิ่นแล้ว ดวงชะตาเล็กจ้อยของข้าไม่ถือว่าเท่าไรเลย!’

พึงรู้ไว้ว่า นั่นคือสมบัติสุดยอดในสิบอันดับรายนามสิ่งมหัศจรรย์ในฟ้าดิน แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ยังอาจจะสู้กันเพราะมัน!

เสิ่นเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เพียงแค่ร่วมการฝึกฝนของระดับสร้างฐานเล็กๆ แค่เดินเล่นตามใจก็พบกับสุดยอดสมบัติสูงสุดเช่นนี้ได้!

สหายเสิ่นคือบุตรแห่งสวรรค์จริงๆ ไม่ผิดแน่!

ข่งเมิ่งตัดสินใจเงียบๆ ในใจ จะต้องโน้มน้าวให้ผู้อาวุโสในเผ่าทำสัญญากับเสิ่นเทียนให้ได้

ถ้าพลาดบุตรแห่งสวรรค์เช่นนี้ไป เผ่าเทพนกยูงจะต้องเสียใจไปอีกไม่รู้กี่ปี!

……

ข่งเมิ่งยังไม่ทันปลงอนิจจังเสร็จก็เห็นเสิ่นเทียนหยิบโลงศพออกมาจากแหวนเวหา และเริ่มเก็บกระดูกของเผ่าอินทรีนี้

เผ่าอินทรีกับเสิ่นเทียนมีความขัดแย้งกันเห็นๆ แต่เสิ่นเทียนกลับช่วยเผ่าอินทรีเก็บกระดูกโดยไม่นึกแค้นต่อกันหรือ จิตใจกว้างจริงๆ!

ข่งเมิ่งเห็นแล้วรักเลย

แต่ตอนนี้เสิ่นเทียนกลับไม่ได้ใจกว้างอย่างที่ข่งเมิ่งคิด บางทีอาจจะมีอยู่ส่วนหนึ่ง

สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนเองก็ค่อนข้างเคารพผู้อริยะเผ่าอินทรีที่ต่อต้านมารร้ายต่างแดนเมื่อหมื่นปีก่อนเหมือนกัน เพราะเมื่อครู่ก็ได้มรดกผู้อาวุโสมาแล้ว ไปเอาของเขามาแล้วสิ!

แน่นอน นี่เป็นเพียงสาเหตุหนึ่ง ไม่ใช่สาเหตุหลัก

สาเหตุหลักๆ คือเจ้าจินอวี่นี่เพิ่งเซ็นใบแจ้งหนี้ชดใช้ห้าสิบล้านกับเสิ่นเทียน เขาสงสัยว่าเจ้านี่กลับถึงดินแดนทักษิณแล้วอาจจะพลิกหน้าทำเป็นไม่รู้จักกัน ยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ

ถึงตอนนั้น ศพของบรรพบุรุษเผ่าอินทรีนี่จะมีประโยชน์อย่างมาก

หากเผ่าอินทรีอยากได้เครดิต เช่นนั้นเสิ่นเทียนก็จะให้กระดูกกับเกราะนักรบนี่คืนจินอวี่กับเผ่าอินทรี

หากเผ่าอินทรียืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ เช่นนั้นเสิ่นเทียนก็จะหาที่หนึ่งฝังกระดูกกับเกราะนักรบนี่ทิ้งไป

ควรรู้ไว้ว่าในภาพโชคลิขิตของข่งเมิ่งกับจินอวี่ มิติแสงเทพนี่เป็นข่งเมิ่งกับจินอวี่ที่เป็นคนพบ

ตอนนี้เสิ่นเทียนชี้นำให้ข่งเมิ่ง จนได้ต้นกำเนิดแสงเทพเบิกฟ้ากับพัดแสงเทพห้าสี ทำให้ดวงชะตาสูงขึ้นอย่างมาก ส่วนทองคำเซียนปีกปักษาของจินอวี่มาอยู่ในมือเสิ่นเทียนแล้ว ดวงชะตาจะต้องลดลงแน่นอน

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หากมอบโครงกระดูกกับเกราะนักรบนี่ให้จินอวี่ ดวงชะตาของเขาก็จะเพิ่มกลับมา ทั้งยังแกร่งกว่าเดิมอีกเล็กน้อย

หากเสิ่นเทียนไม่ให้ผ่านมือจินอวี่ แต่เอากระดูกกับเกราะนักรบไปฝังลึก

เหอะๆ เช่นนั้นตัวทดลองไม่ธรรมดาคนที่สี่นอกจากฉินเกา ฟางฉางและเฉินจงเทียนก็จะโผล่มา

ในโลกบำเพ็ญเซียนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กแห่งนี้ เสิ่นเทียนเองก็ไม่ใช่คนที่มีเมตตาเช่นกัน

ถ้าเจ้าตัดสินใจจะเป็นศัตรูกับข้าจริงๆ เช่นนั้นก็จง…

เตรียมตัวเป็นหนูทดลองให้ดี!

…………………………………………………..